Skip to main content

เรื่องเล่าจากโลกเวทมนต์

คอลัมน์/ชุมชน

น้ำตาฟ้า


 


 


จั่วหัวไว้หลอกล่อใครหลายคนที่ผ่านไปมาแถวสวนหนังสือแห่งนี้ให้แวะเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปนสงสัย ว่า  เอ..เวทย์มนต์อะไรกันหนอ ??  อยากรู้แวะเข้ามานะคะ


 



 


สัปดาห์ที่แล้ว  จับพลัดจับผลูท่าไหนก็อธิบายลำบาก  ป้าอย่างฉันก็หลงเข้าไปในงานหนังสือการ์ตูนที่จัดโดยเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีความชื่นชอบ ชื่นชม การ์ตูนและวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นการส่วนตัว  มารวมกลุ่มกันจัดงานนี้ขึ้น  เด็กแนวทั้งนั้น....


 


ภายในงาน มีหนังสือขายอยู่สองประเภทค่ะ โดจินชิ (Doujinchi) คือหนังสือที่เล่าเรื่องด้วยภาพวาดการ์ตูน    อีกอันก็เป็น ฟิค หรือฟิคชั่น (fiction) เป็นนิยายที่แต่งขึ้นใหม่ทั้งหมด  ที่สำคัญเป็น dark fic เสียด้วย โครงเรื่องมาจากเกม ภาพยนตร์ การ์ตูน และวรรณกรรมต่างๆ ตามที่แต่ละคนชื่นชอบ      


 


ฉันตื่นตาตื่นใจ ราวกับนั่งไทม์แมชชีน เข้าไปในโลกของไฟนอล แฟนตาซี, แฮร์รี่ พอตเตอร์ และการ์ตูนญี่ปุ่นคิขุ อาโนเนะอีกมากมายที่บอกชื่อไม่ถูก หรือบอกถูกก็จำได้ไม่หมด  (ป้าไม่ใคร่สันทัดน่ะเด็กๆ) ด้วยคอสเพลเยอร์จากการ์ตูนทั้งหลายเหล่านั้นมาเดินไปมาทักทายผู้เข้าร่วมงาน แถมให้ถ่ายรูปด้วยอย่างเต็มใจ 


 


นอกจากนี้ ยังมีสิ่งละอันพันละน้อย เช่น สมุด ปากกา ดินสอ ตุ๊กตา ซีดี  ฯลฯ มาวางขายเหมือนงานสัปดาห์หนังสือไม่มีมีผิด  ผิดแต่ว่างานนี้ ฝีมือเด็กล้วนๆ งานสัปดาห์หนังสือเลยย่อส่วนมาอยู่ในห้องประชุมขนาดไม่ใหญ่นัก   แต่เท่านั้นผู้คนก็ล้นหลาม  อีกแล้วครับท่าน  ที่ป้าอย่างฉันแอบทึ่ง ปนชื่นชมว่า เด็กๆ สมัยนี้ช่างคิด ช่างอ่านกันเสียเหลือเกิน


 


เดินเลือกดูหนังสือ เพราะไหนๆ ก็มางานเขาแล้วอยากจะมีติดมือกลับบ้านบ้าง  แม้จะไม่ใช่แนวถนัดก็อยากลองดู    แต่พอเปิดดูฉันก็เปลี่ยนใจ   นี่มันหนังสือนิยายดีๆ นี่เอง  มีพล็อตเรื่องน่าสนใจ  มีปัญหา ภารกิจให้ตัวละครดำเนินเรื่อง ทั้งโรแมนติก  แฟนตาซี  ครอบครัวอบอุ่น  อีกแล้วครับท่าน ทึ่งอีกแล้ว  (ป้าจะหัวใจวายเพราะทึ่งในความสามารถของเด็กๆ นี่ล่ะ)  จินตนาการอันเพริดแพร้วของพวกเขาที่บอกเล่าออกมาเป็นตัวหนังสือ  เล่มหนาขนาด 300-400 หน้า     หรือบอกเล่าออกมาเป็นภาพการ์ตูน ลายเส้น สีสัน ไม่แพ้นักวาดการ์ตูนจากแดนซากุระสักนิด   ถ้าพวกเขาเขียนและวาดได้ขนาดนี้  นั่นย่อมแสดงว่าเขาต้องอ่านมากกว่าที่เขียนไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า (ข้อนี้ฉันคิดและสรุปเอง)  แล้วกว่าจะบ่มเพาะจินตนาการให้ออกมาเป็นตัวอักษรได้ก็ไม่ง่ายเลย  ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้กับจิตใจที่รักการอ่านของพวกเขา    ถึงแม้ว่าหนังสือที่เขาอ่านมันจะเป็นเพียงการ์ตูนไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็ตามที   แต่เชื่อเถอะว่าหนังสือทุกชนิดในโลกกว้างใบนี้มีคุณอนันต์ด้วยกันทั้งนั้นแหละ  อยู่ที่ว่าคนอ่านจะหาเจอไหม  


 


บนเวทีมีการแสดงจากเด็ก ๆ ที่จำลองตัวเองเป็น  Girl Band/Boy Band ชาวญี่ปุ่น ขวัญใจพวกเขา   ซึ่งป้าอย่างฉันก็ไม่รู้จัดหรอกค่ะว่ามีใครบ้าง   แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดหรือล่อแหลมแต่อย่างใด  ที่น่าชื่นใจคือ คุณพ่อ คุณแม่ของบางคนก็มาเชียร์คุณลูกถึงขอบเวที ราวกับว่านี่เป็นการประกวดอะคาเดมี แฟนตาเชีย นั่นเลยทีเดียว 


 


ค่าใช้จ่ายในการร่วมงาน   สำหรับเด็กๆ แล้วก็เป็นเงินจำนวนไม่ใช่น้อย   บัตรเข้างานราคา 60 บาทต่อคน  ค่าเช่าบูธ  150  บาท  ราคาหนังสือที่ขายในงานก็ไม่ถือว่าถูก   แต่เห็นเด็กหลายคนหอบกันจนตัวเอียง คิดเป็นเงินก็คงหลายร้อย อาจจะถึงพัน  ก่อให้เกิดคำถามว่าเขาเอาสตางค์มาจากไหนกันมากมายใช้จ่ายตามใจชอบ    เด็กๆ บอกเป็นเสียงเดียวว่า เงินที่เอาใช้จ่ายสำหรับเรื่องพวกนี้  ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเองทั้งสิ้น  จากการทำงานพิเศษ เสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงปิดเทอม 


 


นอกจากนี้แล้ว รายได้ทั้งหมดจากการขายบัตร ค่าเช่าบูธ และอื่นๆ   พวกเด็กๆ เขายกให้โครงการหัวใจเมตตา มูลนิธิเซนต์หลุยส์    โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น      นี่เป็นวัตถุประสงค์หลักในการจัดงานครั้งนี้  ทั้งที่จริง ค่าเช่าสถานที่จัดงานนั้นพวกเขาก็ต้องช่วยกันควักกระเป๋า ลงขันกันเองทั้งสิ้น   เด็กๆ  บอกว่า  อยากให้ผู้ใหญ่ (บางคน) ที่มองว่าการเป็นสาวกการ์ตูนและวัฒนธรรมญี่ปุ่นของพวกเขาไร้สาระนั้น  ได้มองเห็นว่า  ความไร้สาระของพวกเขาก็มีส่วนช่วยเหลือใครต่อใครที่ไม่สามารถมีโอกาสไร้สาระอย่างพวกเขาได้         แม้จะเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้  แต่อย่างน้อยผู้ใหญ่ (บางคน) เหล่านั้น ก็จะได้มองพวกเขาในแง่ดีขึ้นมาบ้าง 


 


เห็นเรื่องดี ๆ ในโลกเวทย์มนต์เหมือนที่ฉันเห็นหรือเปล่าคะ เห็นไหมว่ามนต์คาถาที่ว่าด้วยเรื่องของการอ่านทำให้เด็กๆ เป็นคนดี  มีความคิด และเป็นคนเก่งเสมอ ฉันเชื่อว่าหลังจากหลุดออกมาจากโลกเวทย์มนต์แล้ว  พวกเขาก็จะยังดีอยู่เช่นเดิม  เพราะเด็กดีน่ะ  ไม่ว่าจะออกนอกลู่นอกทางไปยังไง  เด็กดีก็ยังเป็นเด็กดี อยู่เสมอ  ในเมื่อเป็นเด็กยังดีได้ขนาดนี้  ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วมันจะไม่ดีก็ให้รู้กันไป 


 


จริงไหม ??    ฉันว่าจริงที่สุด!!!!!!!


 


Photo By :http://www.takeforum.com/forum/viewtopic.php?t=219&mforum=dreamchaser


 


 


 


*******************************************