Skip to main content

ใครถูกข่มขืน ????

คอลัมน์/ชุมชน


 


 


โอ้ย....อะไรๆ มันจะยุ่งกันขนาดนี้ประเทศชาติ?


 


วันนี้รู้สึกเหมือนกำลังถูกข่มขืนยังไงไม่รู้ เพราะมันถูกบังคับขืนใจไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่ถูกบังคับให้เลือกแล้วเลือกอีกภายใต้คำว่าหน้าที่  ทั้งๆ ที่เลือกไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะถูกยกเลิกหรือเปล่า และไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะสิ้นสุดเมื่อไร  สภาที่ก็ไม่รู้หน้าตามันจะเป็นอย่างไร  จะห่วยหรือจะดียังไง นึกภาพไม่ออกจริงๆ


 


แต่ก็เห็นด้วยนะที่มีการรวมตัวกันเพื่อล้มล้างระบอบทักกิน (เขียนให้ผิดไว้กันถูกฟ้อง) เพราะระบอบนี้มันทำให้คนเดือดร้อนทั่วบ้านทั่วเมืองจริงๆ  จนทำให้เกิดวิกฤติซ้ำซ้อนมากมาย  เรื่องอื่นที่ผู้เขียนไม่ชัดเจน ก็ไม่ขอพูด  เอาเรื่องที่พอรู้มาคุยกันดีกว่าเนอะ 


 


วันนี้หากไม่คุยเรื่องน้ำมันคงล้าสมัยแย่ เพราะวันนี้ปัญหาน้ำมันเป็นเรื่องสำคัญในการดำรงชีวิตไม่แพ้ข้าวเชียวล่ะ  ท่านผู้อ่านอยากรู้ไหมว่าช่วงนี้ทำไมน้ำมันจึงแพงขึ้นเรื่อยๆ   นั่นแน่... จะบอกล่ะซิว่าราคาน้ำมันในประไทยมันผูกติดอยู่กับตลาดโลก เพราะอิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์   หรืออื่นๆ ที่เราเห็นทางทีวีหรือหนังสือพิมพ์  ซึ่งก็ถูกแต่ไม่ทั้งหมด  ใครจะเชื่อบ้างว่า น้ำมันแพงช่วงนี้เพราะมีคนข่มขืนให้มันเป็น    


 


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะเรามีเหตุมาเล่าสู่กันฟัง  กาลครั้งหนึ่งในวันนั้นวันสิ้นไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และเริ่มไตรมาสแรกของปี 49 วันนั้นตัวเลขบัญชีของประเทศมันไม่สมดุล   ตัวเลขการนำเข้ามันต่างกับตัวเลขส่งออกมากมาย ทำให้ตัวเลขในบัญชีมันไม่สวย ผู้มีหน้าที่ดูแลไม่พอใจเพราะไม่สามารถนำตัวเลขมาปั่นให้เป็นคะแนนเสียงได้ จึงมีการปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรกับปัญหานี้ดี และจะเล่นแร่แปรธาตุอย่างไร ให้ตัวเลขการส่งออก-นำเข้ามันสมดุลและสวยงามตามความพอใจของผู้บริหาร  ผู้ที่คิดว่าตัวเองฉลาด ก็คิดได้ว่าตัวเลขที่ต่างกันมากๆ ของการส่งออกนำเข้า คือจำนวนเงินที่นำเข้าน้ำมัน  แม้จำนวนลิตรน้ำมันไม่ต่างกัน  แต่จำนวนเงินมันต่างกันมากเพราะราคาน้ำมันสูงขึ้นเรื่อยๆ จำนวนเงินการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นด้วย 


 


ว่าแล้วก็ให้คิดขึ้นมาได้ว่า  เมื่อยอดตัวเลขการนำเข้าน้ำมันสูง   สิ่งที่ควรจะแก้ก็ต้องแก้ที่ยอดสั่งซื้อน้ำมันนี่ล่ะ  เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ต้องเรียก ปตท. เข้าพบเพื่อปรึกษาหารือ (คุยไปอย่างงั้น จริงๆ ตัดสินใจไว้แล้ว) ก็รู้ว่ายอดการใช้น้ำมันเดือนมีนาคม 2549 ใช้ประมาณ 52 ล้านลิตร  ท่านรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ลดยอดนำเข้าน้ำมันลงไป 5% เพื่อช่วยให้ตัวเลขนำเข้าส่งออกมันสมดุล ประเทศไทยสั่งซื้อน้ำมันจากประเทศดูไบ แต่การสั่งซื้อน้ำมันต่างประเทศมันมีกฎมีเกณฑ์ การลดการนำเข้าน้ำมัน สั่งวันนี้มันเป็นผลทันที (แต่แปลกลดยอดน้ำมันแต่ปล่อยให้บริษัทค้าทองสั่งทองคำเข้ามากักตุนในประเทศเป็นหมื่นๆ ตัน โดยไม่มีการตรวจสอบ น่าสงสัยมั้ยล่ะท่าน) 


 


ตอนนั้นท่านรัฐมนตรีไม่ได้คิดอะไรเพราะมีน้ำมันสำรองในประเทศอยู่มาก  แต่ผลมันไม่เป็นอย่างนั้นนะซิ ยอดการใช้น้ำมันเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนมันบานเบอะไปกว่า 56 ล้านลิตร  สิ่งที่เกิดขึ้นคือภาวะน้ำมันช๊อตหรือขาดแคลน  (ไม่ใช่แพงอย่างเดียวแต่ไม่มีน้ำมันขาย)  ยิ่งจังหวัดที่การคมนาคมไม่สะดวก อย่างเช่นจังหวัดระนองเดือนร้อนสุดๆ  เมื่อน้ำมันที่สั่งเข้ามาไม่พอใช้ การนำน้ำมันสำรองออกมาใช้จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น และเมื่อยอดน้ำมันสำรองลดลงบวกกับข่าวสหประชาชาติจะคว่ำบาตรอิหร่าน  ทำให้ท่านรัฐมนตรีร้อนใจสุดๆ  ร้อนใจขนาดต้องสั่งน้ำมันมาทดแทนน้ำมันสำรองที่ใช้ออกไป  ไอ้จะสั่งซื้อจากประเทศดูไบก็ไม่ได้  เพราะหากจะเพิ่มยอดสั่งซื้อน้ำมัน  ผลมันจะเกิดอีก  60-90 วันถัดไป  แต่ภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันของประเทศมันรอไม่ได้   


 


ดังนั้น การสั่งน้ำมันจากประเทศอื่นคือความจำเป็นเร่งด่วน  ซึ่งก็หนีไม่พ้นประเทศสิงค์โปร์  แต่ราคาน้ำมันสิงค์โปร์โดยปกติก็แพงกว่าดูไบอยู่แล้ว และยิ่งขณะนี้สิงค์โปร์เองก็ผลิตน้ำมันโซล่าน้อยลง เพราะหันไปผลิตน้ำมันที่ใช้กลับเครื่องบินแทนซึ่งขายได้ราคาดีกว่าน้ำมันโซล่า   ดังนั้น เมื่อพี่ไทย..กระหืดกระหอบไปขอซื้อน้ำมันโซล่าจำนวนมาก  เป็นใครๆ ก็ต้องฟัน หมูมาถึงปากทั้งที  และทั้งรู้ว่าเขาฟันกำไรเรามาก แต่ทำไงได้เพราะเรามีความจำเป็นต้องใช้ แพงเป็นแพง


 


เป็นไงล่ะ พอเชื่อได้หรือยังว่าที่น้ำมันแพงมหาแพงวันนี้ มันแพงเองหรือถูกข่มขืนให้แพง คนที่บริหารผิดพลาดก็ไม่เห็นต้องรับผิดชอบอะไร คนที่ถูกข่มขืนให้ต้องใช้น้ำมันแพงก็ไม่ค่อยรู้ตัว  วันนี้เลยถูกข่มขืนฟรี หรือที่เรียกว่า "ถูกข่มขืนโดยละม่อม"


 


ยังมีต่อตอนหน้าอีก รอติดตามได้เลย  แล้วเจอกันตอนหน้า  สวัสดี