Skip to main content

การกลับมาของ "ร้านหนังสือเดินทาง"

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


25 ธันวาคม 2548…ย่ำค่ำวันนั้น


 


ผมพบตัวเองนั่งอยู่บนฟุตบาทริมหัวโค้งของถนนพระอาทิตย์


 


ถัดออกไปเบื้องหลังไม่กี่เมตร ร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งเปิดไฟสว่างไสว ภายในเต็มไปด้วยความคึกคัก ด้วยมิตรสหายในวงการน้ำหมึกส่วนหนึ่งมารวมตัวกันเพื่อพบปะสังสรรค์กันในสถานที่ที่พวกเขาคุ้นเคย


นัดหมายบ้าง ไม่ได้นัดหมายบ้าง


แต่ถึงที่สุดแล้ว เหตุผลสำคัญของคนที่มาคือ "อำลา" ร้านหนังสือเล็กๆ ร้านหนึ่ง


 


"ร้านหนังสือเดินทาง"


 


หลังจาก 5 ปีเต็ม ที่ร้านนี้ได้ตอบสนอง มิตรภาพ ความสงบ กลิ่นกาแฟกรุ่น หรือแม้แต่ที่พักหัวใจชั่ว คราวยามอ่อนล้าให้บรรดานักเดินทางมากหน้าหลายตา


 


ที่มุมหนึ่งด้านหลังเคาน์เตอร์ หนุ่ม-อำนาจ รัตนมณี หรือจะเป็นที่รู้จักกันดีกว่าถ้าเขียนในบัญชรนี้ว่า "หนุ่ม หนังสือเดินทาง" ยืนมองดูอยู่เงียบๆ


 


ราว 3 ทุ่ม หลังภาณุ มณีวัฒนกุล นักเขียนสารคดี (หนุ่ม) วัยกลางคนปาฐกถาย่อยถึงร้านหนังสือที่ครั้งหนึ่งเขาหลงเข้ามา แล้วโชคชะตาก็ทำให้รู้จักเจ้าของร้านในเวลาต่อมาจบลง หนุ่มได้ลุกขึ้นกล่าว "ปิดร้าน" สั้นๆ มีใจความตอนว่า "คนที่อยู่ที่นี่ นั่งอยู่ที่ตรงนี้ ขณะนี้ คือคนที่ผูกพันและรู้สึกดีๆ กับร้านหนังสือแห่งนี้ เช่นเดียวกัน นี่เป็นกลุ่มคนที่ผมรู้สึกดีๆ กับพวกเขาด้วย…"


 


วันนั้นผู้ร่วมงานแต่ละคนไม่ได้กล่าวอะไรมากมายนัก หากส่งยิ้มให้หนุ่มและบางคนมีการแสดงเล็กๆ น้อยมากำนัลในวันสุดท้ายของร้านบนถนนพระอาทิตย์


 


นั่น…คือการรูดม่าน "ปิดตัว" อย่างเป็นทางการของร้านหนังสือซึ่งผมกล้ากล่าวได้ว่า มีคนรู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ


 


เที่ยงคืนวันนั้น ประตูบานสุดท้ายหน้าร้านถูกปิดลง…


แล้วร้านหนังสือเดินทางก็อำลาถนนพระอาทิตย์


 


1


 


กุมภาพันธ์ 2549…


 


ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองอันร้อนแรง ผมพบพี่หนุ่มหลายครั้งหลายครา


 


ไม่ใช่ที่ถนนพระอาทิตย์ แต่เป็นที่ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อคราวที่ต้องไปร่วมชุมนุมกับม็อบกู้ชาติทั้งด้วยเหตุผลส่วนตัวและหน้าที่การงาน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรีหน้าด้านที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทยออกจากตำแหน่ง


 


หลายเดือนที่ผ่านมา พี่หนุ่มเล่าว่าไม่ได้จากถนนพระอาทิตย์ไปไกล แต่หลบไปพักร้อนชั่วคราว และเตรียมตัวจะพาร้านหนังสือของเขาเดินทางไปยังที่หมายอีกแห่งหนึ่ง


 


 "สะพานผ่านฟ้า" 


ใช่แล้ว "ร้านหนังสือเดินทาง" กำลังจะกลับมา


เพียงแต่เปลี่ยนสี เปลี่ยนสถานที่ และแปลงทรวดทรงจากเดิมนิดหน่อย


 


ตั้งแต่เดือนมกราคม หากใครเดินหรือนั่งรถผ่านถนนพระสุเมรุ ช่วง ก่อนจะถึงธนาคารกรุงเทพฯ สาขาผ่านฟ้า จะพบความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่ห้องแถวเล็กๆ ล็อคหนึ่ง


 


เป็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ค่อยเป็นค่อยไป


 


ตั้งแต่หน้าร้านที่มีการวางกระเบื้องสีลงด้วยมือของหนุ่มสาวสองคน ต่อมาสีขาวก็ถูกทาที่ประตู ภายในร้านชั้นหนังสือถูกตอกขึ้นใหม่ด้วยช่างผู้ชำนาญการ


 


เดือนแล้วเดือนเล่า พวกเขาสองคนช่วยกันสร้างร้านหนังสือใหม่ที่เป็นเหมือนตัวตนและชีวิตของพวกเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป


 


2


 


ปลายเมษายน 2549 ….


 


ยามเย็น ท่ามกลางอากาศอบอ้าว ในขณะที่ผมมุ่งหน้าไปยังป้อมพระสุเมรุก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงตอกโป๊กๆ ดังขึ้นหลังประตูร้านหนังสือเดินทาง และเห็นแสงสว่างที่ลอดออกมา


 


ผมตัดสินใจชะโงกหน้าเข้าไปดูต้นเสียงก็พบพี่หนุ่ม


 


เขาเดินมาบิดบานประตูสีขาว ยิ้มทักทายด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย


 "เข้ามาสิ"


 


เมื่อก้าวไปในร้าน กลิ่นอายเดิมๆ ของร้านหนังสือเดินทางที่ถนนพระอาทิตย์ก็ลอยมาปะทะความรู้สึก อีกครั้ง และความทรงจำเก่าๆ ก็ฟื้นกลับคืนมา


 


ชั้นหนังสือด้านข้าง แม้จะเปลี่ยนวัสดุไป แต่พี่หนุ่มก็วางมันไว้ในตำแหน่งเดิม หนังสือบางส่วนถูกจัดขึ้นแล้ว และดูเหมือนเขายังวุ่นกับการจัดระบบไฟฟ้าภายในร้านและจัดการกับข้าวของที่ยังระเกะระกะบางส่วน


 


เขาเล่าว่า เวลาเปิดร้านอาจอยู่ราวกลางเดือนพฤษภาคมนี้ (ประมาณวันที่ 13) ช้ากว่ากำหนดการเดิมที่ตั้งใจว่าจะเป็นช่วงแรกของเดือนพฤษภา


 


พี่หนุ่มยังคงเหมือนเดิม แววตายังมีความหวังเปี่ยมล้นที่จะก้าวไปข้างหน้า ขณะที่ความทรงจำงดงามบนถนนพระอาทิตย์ก็มิได้ถูกลืม ภาพเก่าๆ ถูกติดไว้หลังร้าน เหมือนกับเป็นของที่ระลึกจากอดีต


 


ร้านหนังสือเดินทาง "เดินทาง" มาที่ "ถนนพระสุเมรุ" แล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับร้านเดิมทางด้านกายภาพ ความยาวจากด้านหน้าร้านไปจนถึงด้านหลังร้านนั้นมีมากกว่า และพื้นที่ใช้สอยชั้น 1 ก็ดูกว้างขวางกว่า


 


เคาน์เตอร์ยังตั้งอยู่ใต้บันไดเหมือนร้านเก่า ถ้วยกาแฟตั้งเรียงรายมากมายดั่งรอบรรดาหนอนหนังสือนักเดินทางมาใช้มันเหมือนที่เคยเป็นมา


 


รูปถ่ายมากมายจากมิตรสหายถูกติดตามจุดต่างๆ ของร้าน เครื่องบินลำหนึ่งห้อยอยู่ที่เพดาน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ พื้นชั้นสองอันเป็นเรือนนอนของเขา…


 


3


 


ถ้าผมจำไม่ผิด ครั้งหนึ่ง พี่หนุ่มเคยบอกว่า "นี่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ คือคิดว่าจะทำร้านหนังสือต่อไหมถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว เราทำร้านหนังสือมาได้ขนาดนี้ถือว่าโอเคแล้ว มันให้อะไรพี่มากมาย…"


 


ในที่สุด วันนี้เขาตัดสินใจที่จะหลอมรวมตนเองกับร้านหนังสือเดินทาง  เป็นเส้นทางที่พี่หนุ่มเลือก แม้วันข้างหน้าอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่ได้เต็มไปด้วยขวากหนามอย่างแน่นอน


 


แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือ ร้านอาจเปลี่ยนสถานที่ไป แต่หัวใจของเจ้าของร้านยังคงเหมือนเดิม เมื่อร้านหนังสือเดินทางเปิดใหม่อีกครั้ง อย่าลืมไปอุดหนุนกันนะครับ


 


หมายเหตุ : ภาพบางส่วนเจ้าของร้านกดเอง


 


 


--------------------------------------------------------------------


 


 


  


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 



 


 


0 0 0