Skip to main content

บนความสับสนเรื่องเพศ

คอลัมน์/ชุมชน


ฉันเป็นผู้หญิงที่ชอบผู้ชาย   ฉันมั่นใจว่าฉันเป็นเช่นนั้นมาตลอดสิบกว่าปี   แล้ววันหนึ่งฉันก็เริ่มแปลกใจที่ตนเองรู้สึกประทับใจผู้หญิงขณะที่ฉันเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนชายประจำจังหวัด   ในช่วงแรกฉันมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา  เป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งสำหรับวัยรุ่นอย่างฉัน  ไม่ใช่เรื่องร้อนร้าย   หรือน่าตกอกตกใจแต่ประการใด


 


แต่เมื่อผ่านวัยมัธยมเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย    ก็ยังมีบางช่วงของชีวิตที่ฉันรู้สึกประทับใจอย่างเป็นพิเศษกับเพื่อนหญิงบางคน   ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเช่นนี้เป็นแฟชั่น   หรือคือเบื้องลึกในมโนสำนึกของฉัน


 


เมื่อเข้าสู่วัยทำงานก็มีสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจกับความรู้สึกของตนเองเป็นอย่างมาก    เมื่อพบว่าตัวฉันเองรู้สึกประทับใจทั้งผู้หญิงที่มีลักษณะแบบทอมและผู้หญิงที่มีลักษณะแบบดี้


 


ตลอดระยะเวลาที่ฉันสงสัยความเป็นตัวตนนี้   ฉันก็ยังคงมีความสัมพันธ์แบบแฟนกับผู้ชายอย่างเป็นปกติสุข


 


ฉันใช้เวลานานหลายปีในการเรียนรู้ตนเอง   ฉันผ่านการตั้งคำถามกับตนเองหลายข้อ  เช่น  ฉันเป็นหญิงรักหญิงหรือไม่?   คำตอบที่ได้คือ   แม้ว่าฉันจะไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงแต่ความเป็นหญิงรักหญิงก็คงมิได้จำกัดความอยู่เพียงความสัมพันธ์ทางเพศเท่านั้น   ฉันมั่นใจว่าส่วนหนึ่งของจิตใจฉันพึงพอใจผู้หญิงแบบแฟน


 


ถ้าเช่นนั้นฉันเป็นกลุ่มรักสองเพศกระนั้นหรือ… ดูจากรูปการณ์แล้วเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่หากเทียบปริมาณจาก 100% ฉันคิดว่าตนเองชอบผู้ชายเกิน 75%  เช่นนี้จะถือว่ารักสองเพศได้อยู่ใช่ไหม?


 


กระบวนการค้นหาตนเองของฉัน   ใช้วิธีการทำความเข้าใจกลุ่มทางเพศต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคมแล้วพยายามจัดตนเองให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเหล่านั้น   ฉันพยายามเข้าร่วมงานต่างๆ ที่กลุ่มหญิงรักหญิงจัดขึ้น   พยายามร่วมวงเสวนา   ถกปัญหาเรื่องเพศวิถี ฯลฯ   แล้วฉันก็พบว่าลักษณะทั้งหมดของกลุ่มนั้นๆ ไม่ใช่ทั้งหมดของความเป็นฉัน


 


ฉันเหมือนกลุ่มหญิงรักหญิงที่ชอบผู้หญิงโดยไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นทอมหรือดี้   เพียงแค่เป็นผู้หญิงที่เรารู้สึกประทับใจและอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้  …เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว


 


ฉันเหมือนกลุ่มรักสองเพศที่ชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


ฉันเหมือนกลุ่มหญิงรักชาย เพราะฉันผ่านประสบการณ์ทางเพศกับผู้ชายเท่านั้น


 


  ปลายทางของการค้นหาตนเอง   ฉันจึงไม่สนใจความเป็นไปของกลุ่มต่างๆ ในสังคม  ฉันให้คำตอบกับตัวเองว่า ฉันควรจะเป็นอย่างที่ฉันมีความสุขที่จะเป็น และไม่มีผู้ใดเดือดร้อนจากความเป็นฉัน


 


ฉันได้เรียนรู้จากตัวเองว่า ความเป็นในเรื่องเพศมิได้อยู่ในกรอบใดๆ  ที่เราจะบังคับได้   และคงเป็นเรื่องน่าเศร้าใจยิ่งนักหากมนุษย์ต้องถูกกักขังอยู่ในกรอบเรื่องเพศแบบใดแบบหนึ่ง   สิ่งที่ฉันได้รู้ก็คือหากเราซื่อสัตย์และยอมรับความเป็นตนเอง  เราก็จะมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น


 


แล้วคุณล่ะ…เคยทบทวนความเป็นของคุณหรือยัง?