หมากเตะ...ลาวตะลึง
คอลัมน์/ชุมชน
น้ำตาฟ้า
ฟังถ้อยคำแถลงความในใจของท่านทูตแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวถึงความอ่อนไหวของประชาชนคนลาวที่มีต่อภาพยนตร์ "หมากเตะ..โลกตะลึง" ผ่านรายการถึงลูกถึงคน เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 พ.ค.49) เห็นด้วยกับทุกถ้อยกระทงความที่ท่านทูตชี้แจงถึงความไม่เหมาะไม่ควรที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ดึงเอาลาวทั้งประเทศเข้าไปเกี่ยวข้อง
ท่านทูต ยอมรับถึงความด้อยพัฒนาหลายต่อหลายด้านในประเทศลาวของท่าน ยอมรับว่าการจัดสรรงบประมาณลงมาที่วงการกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลนั้นยังน้อยนิดนัก ห่างไกลกับการตะกายไปสู่บอลโลกก็โขอยู่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้พยายาม ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ให้ความสำคัญ แม้มันจะ
ค่อยเป็นค่อยไปเขาก็มีวิถีทางตามครรลองของประเทศเขา และไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้ใคร ประเทศใดถือวิสาสะ นำความเป็นไปภายในประเทศเขามาตีแผ่ในแง่ขบขัน
จริงอยู่ที่หนังก็เป็นเพียงเรื่องสมมติที่มีไว้เพื่อความบันเทิงเริงใจ และโดยเจตนาของทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มิได้ต้องการลบหลู่ดูถูกใครแต่อย่างใด แต่โดยความเป็นหนัง เรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในนั้นมันต้องเกินจริง มันต้องล้ำเส้นความจริงไปอีกระดับหนึ่งซึ่งมากน้อยขึ้นอยู่กับเจตนาของคนทำ เพื่อให้ได้อรรถรส ได้ความบันเทิง ที่สำคัญถูกใจตลาดอันหมายถึงได้เงินเข้ากระเป๋า
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหนังนั้นน้อยนักน้อยหนาที่เราจะประสบพบเจอในชีวิตจริง ถ้าเราได้ดูเวอร์ชั่นเต็ม ๆ อาจจะรู้สึกเอาใจช่วยทีมลาวให้ไปบอลโลกแทนทีมไทย (ในหนัง) เพราะผู้สร้างน่าจะจงใจเน้นไปที่ความน่ารัก ซื่อ ๆ ของชาวลาวมากกว่าดูถูก เพียงแต่มุขตลกมันก็ต้องไปตามลักษณะหนัง คือเก็บตัวนักกีฬาชายล้วนเป็นยี่สิบกว่าคนรวมกัน มันก็ต้องมีเรื่องฮา ฮา ทะลึ่ง ทะเล้น ลามก
แต่...ทำไมต้องเป็น ทีมชาติลาว เพลงชาติลาว ธงชาติลาว นั่นคือคำทักท้วงสั้น ๆ จากท่านทูตลาว แม้ผู้ดำเนินรายการจะทักท้วงแทนผู้สร้างซึ่งไม่ได้มาร่วมรายการด้วยว่า "หนังคือหนัง เป็นเพียงเรื่องสมมติไม่ได้อยู่หรือเป็นจริงตามนั้น ทำเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก" หากท่านทูตก็ยังยืนยันว่า วัฒนธรรมประเพณีชาติลาวของท่านนั้นไม่ควรถูกนำมาเป็นเรื่องขบขันของใครต่อใคร ที่สำคัญ เรื่องราวที่นำเสนอให้คนหัวเราะเหล่านั้นคนดูไม่ได้รู้ว่าจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บตัวนักฟุตบอลในห้องเย็น การย้อมผมสีทองเพื่อเตรียมตัวโกอินเตอร์ การตีรวนนักกีฬาชาติอื่น หรือว่าการหาเรื่องกรรมการ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ท่านทูตบอกชัดเจนว่าบ้านเราไม่เคยมี (หรือมีแต่ท่านไม่รู้ ไม่เห็นก็เป็นอีกเรื่อง) แต่หากหนังเรื่องนี้ได้ออกฉายสู่สายตาผู้คน ทุกคนย่อมต้องเข้าใจและมองว่าลาวเป็นอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งตรงนี้ท่านถือว่ามันยอมรับกันไม่ได้
ยังจำกันได้ไหม กับเหตุการณ์จลาจลถึงขึ้นเผาสถานทูตไทยในกัมพูชาที่สาเหตุหนึ่งมาจากไม่พอใจนักแสดงสาวชาวไทยที่ไปพูดจาดูหมิ่นเขาพระวิหารของพวกเขา กับเหตุการณ์นั้นคนไทยก็ประณามในความป่าเถื่อน โหดร้าย ไร้วัฒนธรรมของชาวกัมพูชา แล้วครั้นถึงคราวของเราบ้าง ที่เต้นแรงเต้นกากับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด แอนนา แอนด์ เดอะ คิง ที่นำเสนอภาพชนชาติไทยออกไปในแนวชนชาติที่ด้อยการพัฒนานั้น แม้เรื่องราวไม่ลุกลามถึงขึ้นเผาสถานทูตของใคร แต่ภาพยนตร์เรื่องนั้นก็หมออนาคตไปในบ้านเรานั่นเอง
แม้ขณะนี้ท่านทูตลาวจะพอใจอยู่ในระดับหนึ่งที่ทีมผู้สร้างยอมเลื่อนการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด รวมทั้งนำข้อท้วงติงของท่านที่ให้ตัดการใช้ชื่อทีมลาว ธงชาติลาว เพลงชาติลาวออกไปจากภาพยนตร์ซึ่งทางทีมผู้สร้างก็จะนำกลับไปพิจารณานั้น แต่ประเด็นเล็ก ๆ ที่กลายเป็นเรื่องระดับชาติแบบนี้ก็มีมาให้เห็นบ่อย ๆ โดยที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายก็ไม่คิดจะจำและนำมาเป็นบทเรียนเสียที
เมื่อไหร่กันนะ ที่เราจะเลิกเห็นปมด้อยของคนอื่นเป็นเรื่องตลกขบขันเสียที ????