Skip to main content

ริมฝั่งแม่น้ำ (2) คิดถึงเหลือเกิน

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


"เฮ้ออออ" ขาเรียวเล็กมอมแมมเหยียดพรวด


"ส้มตำผีบ้า ทำเอาชั้นเกือบตาย…แต่ก็มีความสุขจังเลยนะ"


"ดูมัน " เจ้าของเสื้อสีเหลืองบุ้ยใบ้ แต่แล้วก็ลงนอนอีกคน


"อยากมีชีวิตยังงี้นาน ๆ จัง"


"ยังไง อยู่กินส้มตำนาน ๆ หรือว่าหมายถึงนอนอยู่ยังงี้นาน ๆ"


"ไม่ใช่…! ชั้นหมายถึงได้มาเที่ยวด้วยกันยังงี้ต่างหาก"


"อ๋อ….เข้าใจแล้ว ฮื่อ ชั้นก็เหมือนกัน"


 


+ + +  + + +


 


แดดบ่ายเริ่มอ่อนแสง แต่บนฟ้ายังมีก้อนเมฆสีขาวจัดจ้า…แสบตาทีเดียวถ้าคิดจะจ้องมองนาน ๆ


แต่ลมที่พัดรวยรื่น เสียงน้ำไหลเซาะตลิ่งเป็นจังหวะ กลิ่นใบไม้แปลกจมูก ก็เพียงพอที่จะทำให้เราลงนอนเรียงกัน เล่าฝันสู่กันฟัง


 


"ถ้าคนเราไม่ดูถูกกันก็ดีซีนะ"


"โดนดูถูกก็ไม่เห็นเป็นไร…ชั้นว่านะ มีคนรักเราก็พอ"


"เธอไม่เข้าใจฉันหรอกเพลิน"


"ทำไมจะไม่เข้าใจ…ถ้าฉันมีพ่อแม่ที่รักฉันมาก ๆ เหมือนเธอนะชีวัน พอแล้ว"


 


"พี่ล่ะ กลับบ้าน จะไปทำอะไรต่อ"


"ก็คงทำจุลสารขายเหมือนเดิม…มั้ง"


"ขาดทุนอยู่ทุกเดือนทำไปทำไม"


"อย่าฆ่าตัวตายก็แล้วกัน ได้ข่าวว่าแฟนไปแต่งงานแล้วนี่"


"อ้ายเด็กแก่แดด !"


"ฮ่า ๆ ๆ"


 


+ + + + + + +


 


"เดี๋ยวฉันก็ต้องไปโรงเรียนเหมือนเดิม"


"เธอยังดีนะชีวัน ได้เรียนหนังสือ"


"แล้วเธอล่ะ เพลิน จะไปอยู่กับพี่ชายหรือเปล่า เขาจดหมายมาชวนไม่ใช่เหรอ"


"ฮื่อ เธอว่าไปดีไหมล่ะ พี่เขาทำงานเสิร์ฟที่จีจีบา เขาว่าถ้าชั้นโตอีกหน่อย ค่อยทำงานแล้วเรียนไปด้วย"


"จริง ๆ ฉันก็ไม่อยากเรียนหนังสือนักหรอก ฉันไม่ชอบไปโรงเรียนแล้วมีคนล้อว่าฉันเป็นกะเทย"


"ฮ่า ๆ ๆ แล้วเธอเป็นกะเทยจริงหรือเปล่าล่ะ"


"เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ"


"เปล่า ชั้นเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาต่างหาก ฮ่า ๆ ๆ"


 


+ + + + + + +


 


นานแล้ว ที่ฉันเคยเฝ้าสงสัย อะไรหนอ ทำให้คนเรามีฝัน แล้วอะไรกัน จะช่วยทำให้ฝันแต่ละคนเป็นจริง


ในฤดูร้อนนั้น ความฝันของพวกเราสามคนคงไร้เดียงสาสิ้นดี


เพลินอยากไปทำงานกับพี่ชาย หากสักวันจะได้มีโอกาสเรียนต่อ


ชีวันอยากไปโรงเรียน โดยไม่ต้องถูกใครล้อว่าเป็น "กะเทย"


ฉันอยากให้หัวใจตนเองแข็งแรงกว่าที่เป็นอยู่ อยากมีกำลังลุกขึ้นมาทำจุลสารทำมือขายอีกสักครั้ง


 


แต่ใช่ไหม…โลกไม่ง่ายอย่างที่เราปรารถนา แดดมาแล้วก็ลับไป มนุษย์กระจ้อยร่อยสามคนนอนสาธยายฝันกันจนดวงดาวทยอยขึ้นสู่ฟ้า


ฟ้ากว้าง กว้าง และมืดดำลึกลับเหลือคณา ไยวันนั้นเราไม่ฉุกคิดสักนิดเดียว


มองจากเบื้องบนลงมา เราก็เป็นแค่จุดเล็ก ๆ บนผืนทราย


 


"เธอที่คิดถึง


อาจจะดูเป็นเพียงคำพูดที่เลื่อนลอย และรู้ว่าเธอไม่เชื่อถืออะไรฉันอีกต่อไป แต่ก็อยากบอกให้รู้ว่า บนเส้นทางชีวิตที่ฉันเลือกแล้ว ฉันคิดถึงเธอเสมอ


เรื่องราวทุกอย่างของเรายังอยู่ในความทรงจำ สักวัน หากลูกของฉันรู้ความ ฉันจะเล่าถึงเธอให้เขาฟัง ให้เขารู้ว่า นอกจากผู้ให้กำเนิดของเขาแล้ว ยังมีเธออีกคนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของเรา"


กุมภาพันธ์ 2533


 


 


"พี่จ๋า


ตอนนี้บ้านเราอากาศกำลังหนาวมาก ถ้าเป็นไปได้ อยากให้พี่ส่งเสื้อกันหนาวมาให้เราด้วย พ่อสบายดี ฝากถามมาว่า พี่ได้รับจดหมายฉบับก่อนหรือเปล่า ทำไมไม่เห็นตอบมาเลย


เออ…แล้วเพลินยังติดต่อกับพี่อยู่ไหม ชีวันมาเล่าว่า ไปเจอเพลินที่ลำพูน เห็นว่ามีเรื่องอะไรไม่รู้ เสียใจมาก ถ้าพี่ได้คุยกับเพลิน ฝากบอกให้เขียนจดหมายมาหาบ้าง


แต่ตอนนี้ชีวันไม่ได้เรียนหนังสือแล้วนะ ลาออกไปแล้ว เสียดายจริง ๆ …


น้อง, ธันวาคม 2535


 


"ถึงลูกรักทั้งสอง


พ่อได้รับจดหมายจากลูกแล้ว ดีใจที่วาดเรียนสำเร็จแล้ว และจะกลับมาเยี่ยมบ้าน บ้านเราก็ยังเหมือนเดิม อยากกินอะไรให้บอกมา พ่อจะจัดเตรียมเอาไว้ให้


แต่พ่อมีข่าวจะบอก ชีวันตายแล้ว มีคนพบศพตอนเช้าที่ลำน้ำเหมืองทางไปบ้านสันกลาง ถูกทุบหัวจนตาย…"


เมษายน, 2542


 


+ + + + + + +


 


คงมีดอกหางนกยูงสีส้มบานสะพรั่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง เช่นเดียวกับช่อคูนเหลืองระย้าเมื่อสายลมฤดูร้อนเวียนผ่านมาอีกครั้ง…อีกครั้ง


แต่รอยเท้าบนฝั่งแม่น้ำใสสะอาดแห่งนั้น  คลายคืนรวมกับผืนดินหมดแล้ว ใช่หรือไม่


 


กี่ค่ำคืน ที่เราต่างเคยเฝ้ามองท้องฟ้า มีความฝัน มีความหวัง เคยแอบอธิษฐานขอในสิ่งปรารถนา สุขใจ กลับไปนอนหลับฝัน…ฝันถึงชีวิตที่สวยงาม


และกี่หมื่นล้านแสงดาว ที่พราวกระพริบบอกเราว่า ตราบใดหมู่ดาวฉายส่อง เจ้ามนุษย์น้อยจงท่องไป


ไปตามทางที่ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน…สักอย่าง


 


"ถ้าคนเราไม่ดูถูกกันก็ดีซีนะ"


"โดนดูถูกก็ไม่เห็นเป็นไร…ชั้นว่านะ มีคนรักเราก็พอ"


"เธอไม่เข้าใจหรอกฉันหรอกเพลิน"


"ทำไมจะไม่เข้าใจ… ถ้าฉันมีพ่อแม่ที่รักฉันมาก ๆ เหมือนเธอนะชีวัน พอแล้ว"


 


………………..


 


"อยากมีชีวิตยังงี้นาน ๆ จัง"


 "ยังไง อยู่กินส้มตำนาน ๆ หรือว่าหมายถึงนอนอยู่ยังงี้นาน ๆ"


"ไม่ใช่…! ชั้นหมายถึงได้มาเที่ยวด้วยกันยังงี้ต่างหาก"


"อ๋อ….เข้าใจแล้ว ฮื่อ ชั้นก็เหมือนกัน"


 


ริมฝั่งแม่น้ำกก เมืองฝาง ปี 2532 ท้องฟ้าใสสะอาด ทั้งกว้าง ทั้งโล่ง ราวจะบรรจุสายลมได้สักแสนสาย แดดหรือก็สวยสุดใจ…


…สวยเหลือเกิน.


 


.....................................หมายเหตุค่ะ.................................


 



  • ฉันเขียนเรื่องสั้นนี้ไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว เพื่อไว้อาลัยและระลึกถึงเด็กชายที่จากไปเมื่อเดือนเมษายนหลายปีก่อน


  • แต่กลับบ้านครั้งล่าสุด มีคนแจ้งข่าวว่า เด็กชายอีกคนหนึ่งที่เหลืออยู่กำลังป่วยไข้อย่างหนักด้วยโรคที่รักษาไม่หาย ทุกคนพูดว่า เขาคงมีชีวิตอีกไม่นานนัก แต่ฉันกลับไม่มีโอกาสพบเขาเลย


  • ในจำนวนเพื่อนที่สนิทสนมกัน มีอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้เขียนถึงในเรื่องนี้ แต่ฉันมักจะเรียกเขาว่า "ซอมพอ" ดอกไม้ของเดือนเมษายน ก่อนเลือกตั้ง สว. ไม่กี่วัน เขาเลือกที่จะทำร้ายตัวเอง กินยาตาย ฉันรู้ข่าวหลังกลับออกมาจากหมู่บ้าน


  • ทั้ง 3 คนนี้ เป็นผู้ชายที่น่ารัก และมีความรักให้กับผู้ชายเช่นเดียวกัน


  • ฉันคิดถึงพวกเขามากจริงๆ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 



 


 


 


 


 


 


 


 



 


 


 


 



 


0101010101