เล่าเรื่องจากเมืองเชียงใหม่ ตอนที่ 3 ศิลปินหญิง กับ ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์
คอลัมน์/ชุมชน
ตอนที่ 3 ศิลปินหญิง กับ ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์
"คนงาม ๆ ต้องงามคู่ความเด่นดี ต้องฮักศักดิ์ศรีของกุลสตรีแม่ย่า แม่ญิง เยือกเย็นสดใสเหมือนน้ำแม่ปิง มั่นคงจริงใจฮักใครฮักจริง สาวเอยสาวเวียงพิงค์ สาวเครือฟ้าเคยซนซานอีกแม่สาวบัวบานนั่นคือนิทานสอนใจ๋....."
ตอนหนึ่งของเพลงล่องแม่ปิง ที่ลอดผ่านเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปินหญิงชื่อดังแห่งล้านนา สุนทรี เวชชานนท์ เป็นเพลงที่คุ้นหูมานานกว่า 10 ปี
ช่วงนี้ร้านอาหารเฮือนสุนทรี คนแน่นเป็นพิเศษ ใช่ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าเข้าหน้าหนาวแล้ว คนไปเชียงใหม่กันเยอะ แต่คนที่เยอะในร้านสุนทรีช่วงนี้ไม่ได้เป็นคนที่มาจากต่างถิ่นมากนัก แต่เป็นคนเชียงใหม่เองที่มากเป็นพิเศษ แน่นอนไม่ว่าไม่ใช่ว่าเป็นเพราะสุนทรีมีลูกสาว ลานนา คัมมินส์ ที่โด่งดังขึ้นมาเท่านั้น แต่เป็นเพราะตัวสุนทรีเองที่อยู่มาวันหนึ่งก็ได้ลุกขึ้นมาเล่าเรื่องของตัวเองที่คนคิดไม่ถึงออกมาให้คนได้ฟัง
สุนทรี เรียกได้ว่าเป็นนักร้องหญิงที่ร้องเพลงคำเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างยาวนาน และถึงตอนนี้ก็คิดว่ายังไม่มีใครเทียบเธอติด เธอโด่งดังมาคู่กับจรัล มโนเพชร เพื่อนผู้ล่วงลับผู้ที่ทำให้คนต่างถิ่นได้รู้จักกับโฟล์คซองคำเมือง เพลงหลาย ๆเพลงที่สุนทรีขับร้องก็เป็นฝีมือการแต่งของจรัล แต่ด้วยน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ ถึงบัดนี้แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี สุนทรีก็ยังร้องเพลงเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่เธอยังเป็นสาวจนกระทั่งลูกโตเป็นสาว อันเนื่องจากผู้คนต่างอยากฟังน้ำเสียงจริง ๆ ของเธอ และจะให้คนอื่นมาร้อง หรือจะให้สุนทรีไปร้องเพลงอื่น ๆ ให้ฟังก็คงไม่กินใจ
เรื่องการเขียนถึงเรื่องของตัวเองของคนดังนั้น ในระยะนี้ดูจะกำลังเป็นที่นิยมอยู่ไม่น้อย จึงไม่น่าจะแปลกอะไรที่สุนทรีจะลุกขึ้นมาทำบ้าง และถ้าแค่พูดถึงชีวิตธรรมดา ๆ ก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ที่ฮือฮาก็คือนักร้องที่ให้ภาพความเป็นหญิงงามแห่งล้านนา ควรจะเป็นกุลสตรี ดุจดังเพลงที่นำเสนอกลับลุกขึ้นมาประกาศตนว่า เคยเป็นชู้กับสามีชาวบ้าน
สำหรับมนุษย์ปุถุชนแล้ว อะไรจะไปน่าสนใจเท่ากับเรื่องของชาวบ้าน สุนทรีนำจุดนี้ขึ้นมาขายก็นับว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะคนต่างอยากรู้กันเหลือเกินว่า ใครหนอคือผู้ชายคนนั้น คาดเดากันไปต่าง ๆ นานา จนผู้ชายทั้งหลายที่มีโอกาสเข้าใกล้สุนทรีต่างต้องถูกตั้งข้อสงสัยไปตาม ๆ กัน เรื่องของสุนทรีจึงกลายเป็นเรื่องที่คนทั้งเมืองพูดถึง หรือเรียกว่าเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ แต่บางคนไม่ได้ตั้งข้อสงสัยเปล่าก็เม้าท์แตกต่อเติมเรื่องราวกันไปเรื่อยเปื่อย
มีบางกลุ่มที่อยากรู้เอามาก ๆ ก็ต้องมาที่เฮือนสุนทรี และซื้อหนังสือของเธอพร้อมขอลายเซ็น และจะได้ฉวยโอกาสถามไปด้วยเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร จะได้คลายสงสัย แล้วจะได้นอนตาหลับ
สุนทรี บอกว่าทุกวันนี้ถ้าใครกล้าถามก็กล้าบอก และนี่ก็เป็นจุดประสงค์ว่าทำไมสุนทรีต้องเขียนหนังสือ เพราะเธอรู้สึกว่า ลูกผู้หญิงอย่างเธอต้องถูกหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างแรงจากผู้ชายที่ทรงอิทธิพลพอสมควรคนหนึ่งจากวงการน้ำหมึก และเธอก็รู้สึกว่ามีผู้หญิงอื่น ๆ อีกหลายคนที่ไม่มีโอกาส ไม่อยู่ในสถานะ และไม่มีเครื่องมือที่จะตอบโต้การกระทำการอันเป็นหมิ่นเกียรติลูกผู้หญิงได้ แต่เธอมี และเธอก็ใช้วิธีการเดียวกันตอบโต้คือ สาดน้ำหมึกกลับไปเช่นกัน
เธอบอกว่า เธออยากทำให้คน ๆ นั้นเห็นว่า เธอไม่ใช่สาวเครือฟ้าที่จะต้องก้มหน้ายอมรับอยู่ฝ่ายเดียว และจะทำลายศักดิ์ศรีของสาวเหนืออย่างเธออยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้ เขาควรจะได้เรียนรู้เรื่องนี้บ้าง
ก็นับเป็นความหาญกล้าของเธอพอสมควรที่ออกมาแฉเรื่องเหล่านี้ได้ ทั้ง ๆ ที่อันที่จริงก็เท่ากับต้องแฉเรื่องของตนเองไปด้วย ก็ถือเป็นการวัดใจ และหาความเป็นธรรมจากสังคมไปด้วย แน่นอนบรรดาหัวอนุรักษ์จ๋าย่อมรับไม่ได้กับเรื่องนี้ ว่าเธอไปเป็นชู้กับสามีคนอื่นแล้วยังมีหน้ามาประกาศตัวปาว ๆ ส่วนคนที่รักความเป็นธรรมหรือบรรดาผู้หญิงแถวหน้าก็เห็นว่าสมควรแล้วที่ออกมาแฉพฤติกรรมของคนที่ดูดีในสังคมให้คนได้เห็นเบื้องหลังกันเสียบ้าง เพื่อว่าต่อไปนี้ใครจะทำอะไรก็จะได้ระมัดระวังตัวกันมากขึ้น
จะมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างไรจากสังคมก็ช่าง แต่การออกหนังสือเล่มนี้มา ไม่เพียงแต่จะทำให้สุนทรีได้กลายเป็นเจ้าของหนังสือขายดีจนหมดแผงอย่างเร็วรวดในเชียงใหม่เท่านั้น แต่ส่งผลให้ลูกค้าในร้านของเธอก็แน่นขนัดขึ้นทุกวัน
ถึงกระนั้น จากงานเขียนของสุนทรีก็สะท้อนให้เห็นมุมมองบางอย่างของสังคมได้ว่า การเป็นหญิงไทยนั้น การแสวงหาความเป็นธรรมในระดับบุคคลก็ทำได้ไม่มากอย่างที่คิด และเมื่อจะลุกขึ้นมาร้องขอความเป็นธรรมจากสังคมให้เห็นว่าตนถูกกระทำก็ยังต้องแลก ต้องยอมเปลืองตัว ยอมให้ตนเองต้องเจ็บปวดจากคำวิจารณ์ไปด้วย
จะมีสักกี่ครั้งที่ผู้หญิงได้รับความเป็นธรรมโดยไม่ต้องเจ็บปวด