Skip to main content

เก่อญอโพ (2)

คอลัมน์/ชุมชน


 


 


หลังจากเสียงปรบมือเงียบลง  สายตาของเยาวชนทุกคู่มองไปที่เธอคนหนึ่ง  เหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง  เธอพยายามทำสายตาบ่ายเบี่ยงทำนองปฏิเสธ  แต่สายตาทุกคู่ก็ยังไม่ยอมละไปทิศทางอื่น  เธอทำท่ากระดุกกระดิกนิดหน่อยแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน


 


"ฉัน  เก่อปอเส  เยาวชนจากภาคอิระวาดี  ขอกล่าวในนามตัวแทนเยาวชนปวาเก่อญอจากประเทศพม่าว่า  เราต้องขอขอบคุณพาตี่เดเนียลมากที่สละเวลามาแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเราในวันนี้


 


คนที่ทำงานรับใช้ชนเผ่านั้น  ทุกคนล้วนเป็นปัญญาชน เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูง  แต่เสียสละเพื่อชนเผ่า  สละทั้งความคิด  ความรู้ กำลังกายและใจ เป็นแบบอย่างที่น่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นที่สุด


 


เมื่อตอนเป็นเด็ก  ฉันเคยได้ยินอาจารย์คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อมีการประชุมสหภาพกะเหรี่ยง ซึ่งต้องมีตัวแทนจากรัฐต่างๆเช่น กอซูเล  ปาเต็ง  เมียวมยะ  ทวาย ตองอู เป็นต้น


 


การมาประชุมของตัวแทนแต่ละครั้งมาไม่ค่อยพร้อมเพรียงกัน ไม่ค่อยมีเอกภาพ แทนที่จะเป็น Karen  National  Union   แต่กลายเป็น Karen  Never  Unite  คือรวมกันไม่ได้  แต่เราอยากให้เป็น Karen Always  Unite รวมกันได้ตลอดเวลา  หากทำอย่างนี้ได้เราก็จะได้ชาติ


 


ณ วันนี้และวันต่อไปเรายังหวังเสมอว่าวันหนึ่งเราจะได้ชาติสักวันหนึ่ง  แต่ไม่รู้ว่าวันไหน พวกเราทุกคนต้องสร้าง Net work  connections แต่ละคนทำตามความสามารถและบทบาทที่ตนเองสามรถทำเพื่อชนเผ่าได้ให้ดีที่สุด  เพราะชาติเราอาจไม่เห็นด้วยตา  แต่เราอาจพบแผ่นดินอยู่ในใจเรา  ชาติอยู่ในใจเรา


 


อยากให้ชนเผ่าเราให้ความสำคัญกับการศึกษามากๆ  หากเรามีความรู้ มีปัญญา มีการศึกษา เราจะสามารถทันคนอื่น  ไม่โดนหลอก เราสามารถอยู่ในระดับเดียวกับคนอื่นได้  ไม่ว่าด้านประวัติศาสตร์  ด้านภาษา  หรือด้านเศรษฐกิจก็แล้วแต่  เราทุกคนจะพยายามและต้องพยายาม   ต่าบลื๊อ"   เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง


 


"อยากได้ยิน ความคิดเห็นของพี่น้องปวาเก่อญอทางฝั่งไทยบ้าง" คนหนึ่งออกความเห็น


 


"ใช่  ใช่"  "ดี ดี"   หลายคนเสริม  ผมหันซ้ายหันขวาเยาวชนปวาเก่อญอทางฝั่งไทยมีผมคนเดียว  ทำให้ตกใจเล็กน้อยคาดไม่ถึงว่าจะโยนมาแบบนี้


 


"ผมขอร้องเพลงแทนการพูดคุยดีกว่านะครับ" เมื่อไม่มีใครปฏิเสธ  ผมหยิบเตหน่ากูของผมเริ่มบรรเลง 


 


"บรรพบุรุษปวาเก่อญอ                               สั่งเสียลูกหลานปวาเก่อญอ


จงรักกันและกัน                                        โลกจะได้รับรู้ปวาเก่อญอรักสันติภาพ


มันผู้ใดเกลียดชังชนเผ่าตนเอง                     วิญญาณบรรพบุรุษจะสาปแช่ง


หลงผิดให้ย้อนกลับคืนมา                            วิญญาณบรรพชนรับรู้ชื่นชมและอวยพร


ด้วยรักและศรัทธาที่แน่วแน่                         นำชนเผ่าก้าวต่อไป


ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชนเผ่า                        ปวาเก่อญอจะได้รับสันติภาพ"


 


"ผมอยากฟังเสียงเพลงจากพี่น้องปวาเก่อญอ  ฝั่งตะวันตกบ้าง"  ผมเรียกร้องหลังจบเพลง


 


ขณะที่เยาวชนฯเองก็เรียกร้องอยากฟังเพลงจาก พาตี่เดเนียล


 


กีตาร์ถูกส่งไปที่เขา  เขาหยิบมองกีตาร์แล้วลูบมันอย่างทะนุถนอม  เขาเริ่มนวดคอกีตาร์เบาๆ  แล้วเอานิ้วแตะที่สายอย่างละเมียดละไม  เขาเริ่มหลับตา และเปล่งเสียงอ่อนเบา แต่มีพลัง


 


เพียงแค่ความสงสาร


มิอาจเยียวยารักษาบาดแผลของชนเผ่าได้


หากลองนึกถึงหัวอกตัวเอง


 เธอจะเข้าใจความเจ็บปวดเหล่านั้น


หากมันเกิดขึ้นกับเธอ 


เธอจะเข้าใจที่มาของน้ำตา


ย้อนกลับมาดูที่หัวใจของเธอ  


แรงบันดาลใจของเธอซ่อนอยู่ที่ไหน


หรือเธอภาระต้องทำเรื่องที่สำคัญกว่า   


ความพยายามเหล่านั้นเพื่อตัวเธอเองหรือเพื่อใคร?


ความรู้  ความสามารถสามารถและโอกาสที่เธอมี     


แบ่ง ถ่าย ปันสู่ชนเผ่าจะดีไหม?


หากเธอได้ยินบทเพลงนี้    


ฉันหวังที่เธอจะเข้าด้วยหัวใจ


เมื่อโอกาสและจังหวะมาถึง


 เราจะมีโอกาสอยู่ร่วมกัน


เราจะพยายามร่วมกัน  


ตามกำลังและศักยภาพอย่างถึงที่สุด


ฉันหวังที่เธอจะนึกถึงสิ่งเหล่านี้


 


สิ่งที่เขาทำไม่ค่อยเหมือนการร้องเพลง   บางช่วงเหมือนการพูดคุยกับคนอื่น  บางขณะเหมือนการคุยกับข้างในตนเอง   บางจังหวะเหมือนการบ่นเบาๆ   แต่นั่นแหละเป็นสิ่งที่เขาพยายามทำมันให้เหมือนกับการร้องเพลง


 


"ผมเขียนเพลงและร้องเพลงให้เด็กสมัยสอนหนังสือที่ทวาย"  เขาลืมตาแล้วพูดกับคนฟัง  ขณะที่มือเขาอุ้มกีตาร์อย่างคุ้นเคย


 


"ผมเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายและใจผมบอบช้ำเกินกว่าที่จะทำในสิ่งที่ผมเคยชอบและรักได้อีก  ผมไม่มีอารมณ์ในการร้องเพลงอีกแล้ว  ยิ่งร้องยิ่งเจ็บปวด  ยิ่งเจ็บยิ่งบอบช้ำ  ผมจึงต้องอยู่ห่างกับมัน   แต่คน


ปวาเก่อญอเป็นคนรักเสียงเพลง พวกเรารักเสียงเพลง"


 


หือ!!!!!!!!!......." จบลงด้วยเสียงถอนหายใจดังขึ้นมาจากหลายคนพร้อมกัน