Skip to main content

เหมือนดอกไม้มีเรื่องเล่า 5 : หางนกยูงของฉัน ในฤดูร้อนที่ไม่เหมือนเดิม

คอลัมน์/ชุมชน


เมื่อ 16 ปีก่อน


จำได้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนั้น


 


บนถนนสีเทา ขนาบข้างด้วยทุ่งนาสีเขียวสด


ฤดูทำนาที่วนเวียนหลายรอบในเมืองเล็กที่มีน้ำตลอดปี


ฉันสวมชุดนักเรียนสีขาวหม่น กระโปรงที่ตัดเย็บอย่างหยาบ จอดจักรยานที่ปั่นจากบ้านมากว่า 7 กิโลเมตร เพื่อจะไปยังโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้ไปอีก 3 กิโลเมตร


 


เพื่อนจากหมู่บ้านเดียวกันปั่นล่วงหน้าไปแล้ว ในวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมต้นและเรายังไม่รู้หรอก ว่าพรุ่งนี้เราจะไปที่ไหน อาจไปเรียนต่อในเมือง อาจออกไปทำงาน ส่วนฉัน เมื่อหมดทุนการศึกษาที่ได้รับ 600 บาทต่อเทอม ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ฉันควรจะอยู่ตรงไหนดี หรืออนาคตเป็นเรื่องของโชคชะตา บนท้องฟ้านั้นจะมีคำตอบให้เราไหม


 


เงยหน้าขึ้นไป  ท้องฟ้าสีขาวจัด มืออีกข้างยังจับจักรยานไว้แน่น


เปล่าหรอก ฉันไม่ได้มองหาอนาคตจากบนนั้น แต่ฉันจอดรถเพื่อเงยดูดอกหางนกยูงสีแดงส้ม


มันบานสะพรั่ง สูงใหญ่ กวาดเอาแสงตะวันของฤดูร้อนไปไว้ใต้กลีบบางจนแทบหมดสิ้น


ฉันไม่เคยเห็นหางนกยูงต้นใหญ่ขนาดนี้มาก่อน หรือเพราะฉันไม่ค่อยได้ไปไหน เสน่ห์ของหางนกยูงหยุดฉันไว้ไม่ใช่แค่ 5 หรือ 10 นาที แต่นานเกินครึ่งชั่วโมงทีเดียว


ตัดสินใจทิ้งรถไว้ เดินเล่นเก็บดอกสีส้มที่ร่วงหล่น


อยากได้ดอกไม้ใส่แจกัน แต่ก็ต้นมันสูงเกินไป และฉันก็ปีนต้นไม้ไม่เป็นเอาเสียเลย


ที่ทำได้ คือเพียงเก็บเศษดอกไม้ร่วงใส่สมุดบันทึก


ปล่อยให้มันถูกทับไว้อย่างนั้น กลายเป็นดอกไม้แห้งสีซีด และวันหนึ่งสมุดเล่มนั้นก็หายไปจากชีวิต


 


.................................................


 


ถัดจากนั้นมาอีก 16 ปี


 


 "จอดรถหน่อยได้ไหม"


ฉันเอ่ยขึ้นเบาๆ ระหว่างทางสายเก่าที่เคยผ่าน


คนขับรถยิ้มและค่อยลดอัตราความเร็วลง เขาไม่แปลกใจเลย ที่จะทำอย่างนี้


ปล่อยรถให้หยุด ปล่อยฉันให้ออกไปยืนมองนิ่งๆ ถ่ายรูป หรือทำอะไรก็แล้วแต่ เขาตามใจฉันเสมอทุกครั้งที่ฉันเจอต้นหางนกยูง ไม่ว่าจะเป็นบนถนนเส้นเดิมกับจักรยานคันนั้น หรือบนถนนบางสายที่เราเพิ่งเคยได้ไป


 


แม้จะหัวเราะอยู่บ้าง เมื่อฉันบอกกับเขาว่า


 "ฉันกอบเก็บความทรงจำฝากหางดอกนกยูงไว้ และสัญญาว่าจะกลับมาเอา"


 


เขาว่าฉันอ่านนิยายมากไป แต่เขาก็พูดอย่างนั้นด้วยแววตาอารมณ์ดี และเมื่อฉันถ่ายรูปเสร็จ เขาก็จะนั่งฟังฉันเล่านิยายของฉันไปจนกว่าเราจะถึงที่หมาย นิยายที่ว่าด้วยดอกหางนกยูง ซึ่งปรากฏตัวตนอยู่บนเรื่องรักของพ่อกับแม่ ซึ่งฉันเล่าว่า..


 


เมื่อครั้งฉันยังเด็ก แม่ทำให้ฉันสังเกตยามหางนกยูงออกดอก เมื่อนั้นฤดูใหม่จะมา


มันเป็นช่วงรอยต่อของฤดูร้อน ก่อนจะเข้าสู่ฤดูฝน  


แม่สวมเสื้อผ้าชุดสวยและซ้อนท้ายจักรยานพ่อเข้าเมือง ไปซื้อกระเป๋านักเรียนและรองเท้าให้กับเด็กผู้หญิงที่จะเข้าโรงเรียนประถม แม้ไม่กี่ครั้งที่ฉันจะได้รับโอกาสแบบนั้น แต่ก็จำภาพได้ดี ยามแม่กลับมาถึงบ้าน ริมฝีปากสีแดงสด เสื้อลูกไม้สีชมพูอ่อน และผ้าถุงลายหางนกยูง  ผู้หญิงคนนั้นจะโดดลงจักรยานด้วยรอยยิ้มแสนปรีดา


 


ฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยทุ่งแดด แม่ถลกผ้าถุงผืนเก่งซับเหงื่อหน้าตาเฉย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน ผึ่งผ้าถุงลายหางนกยูงไว้บนราวใต้ถุน แม่คงไม่อยากให้มันซีด และใส่มันอีกครั้งเมื่อต้องไปส่งฉันที่โรงเรียน  ไปงานวันแม่ หรือไปทำบุญที่วัด


 


จวบจนวันสุดท้ายที่แม่ใส่ผ้าถุงผืนนั้น ในงานวันศพของตัวเอง นอนแน่นิ่งไร้ชีวิตบนแคร่ไม้ไผ่ ฉันและพ่อบรรจงสวมชุดโปรดให้แม่ แม้ไม่ใช่ในฤดูร้อน เราทั้งคู่ยืนมองดูหางนกยูงที่ไหม้ไฟไปจนเป็นสีดำ และรู้สึกว่าเป็นเวลานานเสียเหลือเกินในปีนั้น กว่าฉันจะได้เห็นหางนกยูงอีกครั้งในฤดูร้อนถัดไป


 


 "นิยายเศร้าจังตอนจบ"


คนขับรถของฉันว่า แต่ฉันก็ยังยิ้ม กี่รอบต่อกี่รอบที่เล่าออกไป เขาก็ทนฟังเสมอ


 


จวบจนฤดูร้อนปีนี้ หางนกยูงยังแข่งขันกับสีเหลืองของดอกคูณ เขาปล่อยให้ฉันถ่ายรูปอย่างบ้าคลั่งเมื่อผ่านทุกเส้นถนน จนกระทั่งฉันรบเร้าเขาอย่างตั้งใจว่า


 "พาเราไปถ่ายรูปหางนกยูงต้นนั้นหน่อยได้ไหม ต้นที่เราจอดจักรยานตอนมัธยมน่ะ"


 "อื้มได้สิ แต่ช่วงนี้ฟ้ามันหม่นๆ ไม่รู้ฝนจะตกไหม ฤดูร้อนไม่เหมือนเดิมแล้ว"


 "ไม่เป็นไรหรอก เราอยากถ่ายรูปเก็บไว้ รูปอาจไม่ค่อยสวย แต่มันมีความหมายเสมอ"


 "ใช่ มีความหมายเสมอ" เขาว่า แววตามีเลศนัยอมความคิด


 "ทำไมทำหน้าตาแปลกๆ ล่ะ" ฉันถามออกไป


 "ก็ไม่เคยสงสัยเลยเหรอ หลังจากเธอเก็บดอกหางนกยูงแล้ว มักจะมีรถเมล์มาจอดตรงนั้น"


 "อืม ใช่ ทำไม เธอลงรถเมล์ตรงนั้นเหรอ"


 "ก็ใช่น่ะสิ ห่างจากบ้านเป็นกิโลเลย แต่ก็ลงตรงนั้นแหละ"


 "อ้าว ทำไมล่ะ"


ฉันหัวเราะโวยวาย ค่อยๆ ปล่อยความทรงจำไปยังเวลานั้น ฤดูร้อนกับจักรยาน ฉัน และหางนกยูงที่บานสะพรั่ง


 


เด็กชายคนนั้นก้าวลงจากรถประจำทาง เมื่อเจอหน้ากัน ฉันก็ยิ้ม บ้างก็ทักทายตามประสาคนโรงเรียนเดียวกัน แต่ไม่ทันไร ฉันก็จะรีบปั่นจักรยานออกไป หันกลับไปมอง ก็เห็นเด็กชายหัวเกรียนคนนั้นๆ ลิบๆ อยู่ใต้ต้นหางนกยูง


 "ตกลงเธอลงรถตรงนั้นทำไมเหรอ" ฉันถาม


 "ก็เพราะเธอไง เธอทำให้ฉันและเพื่อนๆ สงสัยว่าตรงนั้นมีมันอะไร ก็เลยลงไปดู"


 "หา จริงเหรอ โอย ขำจัง แล้วเจออะไรไหม"


 "ก็ไม่เจออะไรหรอก เจอแต่เธอแล้วก็ดอกหางนกยูงน่ะแหละ" เขาว่า


ฉันหัวเราะน้ำตาไหล แล้วก็คิดว่า ภาพถ่ายออกมาคงไม่ชัดหรอก เพราะเอาแต่หัวเราะและปล่อยให้กล้องไหวอยู่อย่างนี้


 


ถ่ายรูปได้ไม่ทันไร ฝนก็เหมือนจะตกลงมา เธอรีบกระโดดขึ้นรถ ตะโกนสั่งว่า


 "ขึ้นรถก่อนเร็ว เดี๋ยวเปียกฝน"


ฉันยังตัดสินใจกดชัตเตอร์ แม้สงสารกล้องอาจโดนละอองฝน


แต่ในใจคิดว่าฉันพลาดโอกาสนี้ไม่ได้หรอก หางนกยูงมีนิยายอีกหลายเรื่องอยู่ในนั้น


 


โดยเฉพาะในฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


---------------------------------------


 


  


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 



 


 


 


  


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


  


 


 


 


 


 


  


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


  


 


 


 


 


 



 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


   


 


 


 



 


 


0 0 0