Skip to main content

The Da Vinci Code : การไขปมปริศนา ระทึกใจ ไร้ที่ติ

คอลัมน์/ชุมชน

น้ำตาฟ้า


 



 


เพราะตอนที่เป็นหนังสือนั้น ฉันก็อ่าน The Davinci Code แบบลุ้นระทึกไม่หลับไม่นอน  จนคนนอนข้าง ๆ ตื่นมาตอนค่อนรุ่งเห็นฉันยังถ่างตากับนวนิยายเล่มหนาของแดน บราวน์  หลังจากที่บอกให้เลิกอ่านไปตั้งแต่ตอนห้าทุ่ม พี่แกก็คว้ากรรไกรมาตัดสายโคมไฟที่ให้แสงสว่างเสียฉับ ฉันคว้าหนังสือย่องลงมาที่ห้องน้ำด้านล่าง  อ่าน และอ่าน จนจบ อาบน้ำแต่งตัวไปทำงานโดยไม่ได้หลับตาแม้แต่วินาทีเดียว 


 


 


เมื่อแว่วว่า สุดยอดจินตนาการระทึกจะออกมาโลดแล่นบนจอ ฉันก็เฝ้ารอด้วยความระทึก วันที่ไปดู ระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ขายตั๋วของโรงหนังก็ดันมาเจ๊งเสียนี่ แถวที่รอต่อคิวซื้อบัตรชมภาพยนตร์ก็ยาวเหยียดออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากใครที่เกี่ยวข้อง  เมื่อเห็นท่าจะไม่ได้ความ ฉันก็สวมหัวใจสิงห์ (นักสืบ) แถเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันหนอ จึงถึงบางอ้อ  จริงๆ แล้ว น้องพนักงานขายตั๋วน่าจะออกมาชี้แจงตั้งแต่แรกแก่ลุง ๆ ป้า ๆ ทั้งหลายที่ยืนเข้าแถวยาวรออยู่เกือบ ๆ ชั่วโมงให้รู้ถึงสถานการณ์


 


แปลกดี เรื่องแบบนี้ทางโรงภาพยนตร์ควรจะต้องฉับไวที่สุด  ไอ้เรื่องระบบคอมพิวเตอร์แก้ไขล่าช้าไม่ว่ากันหรอก เพราะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี แต่การเสียเวลาน้อยนิดออกมาทำความเข้าใจให้ลูกค้าหายหงุดหงิดนี่ ทำไมคิดกันช้าจัง 


 


The Davinci Code จินตนาการสุดระทึกในรูปแบบภาพยนตร์ทำได้ดีเท่า ๆ กับจินตนาการจากหนังสือเลยทีเดียว  การทำงานอย่างสอดประสานกันของนักถอดรหัสสาว โซฟี เนอเวอ กับโปรเฟสเซอร์แลงดอน เพื่อคลี่ปมปริศนาที่ภัณฑารักษ์  ฌาร์ค โซนิแยร์ ทิ้งไว้ก็ชวนให้ลุ้นตื่นเต้น เอาใจช่วยไปด้วยทุกขณะ


 


หรือการที่หนังย้อนภาพกลับไปให้เห็นเรื่องราวในสมัยโบราณ ภาพที่ออกมาดูวิจิตรงดงามเกินกว่าจะบรรยายได้ ทำให้ฉันเห็นและเชื่อถึงความโหดร้ายที่มีอยู่ในยุคสมัยนั้นที่การเมืองไปใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ หรือศาสนาเองก็ไปใช้การเมืองเป็นเครื่องมือ  คนบริสุทธิ์ทั้งหลายล้วนต้องถูกเข่นฆ่าเพื่อสังเวยใครหรืออะไรก็ไม่รู้ที่ไม่มีผู้ใดให้คำตอบได้อย่างชัดแจ้ง เฉกเช่นตอนที่ผู้กองฟาซ เล่าให้เพื่อนตำรวจอีกคนฟังว่า อริงกาโรซ่า นักบวชที่ควรแก่การศรัทธามาบอกว่า แลงดอน คือผู้ร้ายฆ่าคนตายที่โหดเหี้ยมอำมหิตเกินกว่าใครจะคาดคิดได้จากการสารภาพบาปของเขาเอง  หน้าที่ของนายตำรวจอย่างผู้กองฟาซ คือต้องหยุดเขาให้ได้เพื่อไม่ให้คนบริสุทธิ์อื่น ๆ ถูกทำร้ายได้อีก  หากเขาทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ  ผู้กองฟาซ ถามเพื่อนตำรวจอย่างเจ็บปวดว่า


 


"เขาทำผิดต่อนักบวชผู้ควรค่าแก่การศรัทธาคนนั้น  หรือว่าเขาทำผิดต่อพระผู้เป็นเจ้ากันเล่า "


 


ฉากอันมลังเมลืองของสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดทั้งเรื่องโดยไม่ต้องใช้จินตนาการ  ทั้งพิพิธภัณฑ์ลูฟท์ งานศิลปะล้ำค่าที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์  รวมทั้งโบสถ์ วิหาร มหาวิหารต่าง ๆ ที่แสนงดงามนั้นก็ชวนให้นึกอยากไปสัมผัสด้วยสายตาสักครั้ง


 


แม้จะอ่านหนังสือมาจนรู้ว่าเหตุการณ์จะดำเนินไปและคลี่คลายอย่างไร  แต่ฉันกลับไม่รู้สึกว่าอรรถรสที่ได้จากการดูหนังมันลดด้อยลงไปแต่อย่างใด  ตรงกันข้าม ฉันเข้าใจว่า ถ้าไม่อ่านหนังสือไปก่อนอาจจะดูไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำไป 


 


นอกจากต้นเรื่องที่ดูอืดอาดไปบ้าง นอกจากพี่ ทอม แฮงค์ ที่แม้จะฉลาดเฉลียว  รอบรู้สมกับเป็นนักสัญลักษณ์วิทยา  แต่ก็ดูอ้วน อืด ดูแก่เกินวัย ห่างไกลกับมาดสง่างามของโปรเฟสเซอร์แลงดอนของฉันที่จินตนาการได้จากในหนังสือนั้น  ก็ไม่มีอื่นใดที่ต้องติติงภาพยนตร์เรื่องนี้   ไร้ที่ติเสียจนรู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่เฝ้ารอ    


 


The Davinci Code  สนุกค่ะ  ฉันว่าอย่างนั้น  


 


Photo : http://images.google.com/images