Skip to main content

หมอนวด พนักงานบริการได้ เฮ! จริงหรือ

คอลัมน์/ชุมชน

เป็นครั้งแรกที่มีการหาเสียงกับผู้มีอาชีพบริการ โดยเฉพาะบริการด้านบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ  อยู่ๆ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา รักษาการรัฐมนตรี 2 กระทรวง ก็ไปนั่งคุยกันว่าจะโอนประชาชนแรงงานนอกระบบที่มีสิทธิรักษาฟรีในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (จ่ายค่าธรรมเนียมครั้งละ 30 บาท) มาให้สำนักงานประกันสังคมบริหารจัดการดูแลด้านสิทธิประโยชน์แทน โดยคนเหล่านี้ต้องจ่ายเงินซื้อประกันจากระบบประกันสังคมคนละ 100 บาทต่อเดือนหรือ 1,200 บาทต่อปี ทั้งนี้รัฐจ่ายสมทบให้อีก 1,200 บาทต่อปี  รวมเท่ากับ 2,400 บาทต่อปีต่อคน ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะนำเงินที่ได้ไปจัดสิทธิประโยชน์ให้แรงงานนอกระบบเหล่านี้ใน 4 เรื่อง คือ


1. รักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคอะไรก็ตาม


2. จ่ายค่าคลอดบุตรให้


3. จ่ายค่าชดเชยเมื่อทุพพลภาพให้ (ไม่รู้จ่ายเป็นรายเดือนหรือรายครั้ง)


4. จ่ายค่ามรณะสงเคราะห์ให้ทายาท หรือผู้รับประโยชน์เมื่อเสียชีวิต


 


ซึ่งเงินซื้อประกันที่แรงงานนอกระบบจ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคมเป็นการจ่ายขาดไปเลยในแต่ละปี  เมื่อเทียบกับเดิมที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพ จะได้รับสิทธิประโยชน์ข้อ 1 กับข้อ 2  มีต่างกันตรงที่ระบบหลักประกันสุขภาพยังไม่ได้รับการรักษาไตวายเรื้อรัง ซึ่งทางระบบหลักประกันสุขภาพกำลังเร่งดำเนินการให้ครอบคลุมประชากรทุกคนเพื่อให้ได้รับการรักษาไตวายเรื้อรังในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ปัจจุบันยังทดลองนำร่องรักษาไตวายเรื้อรังใน 13 จังหวัดเท่านั้น  ดังนั้น จากเดิมจ่ายค่าธรรมเนียม 30 บาทได้รับการรักษาฟรีรวมการคลอดบุตร ยกเว้นไตวายเรื้อรัง เมื่อมาจ่ายเองในระบบประกันสังคม 1,200 บาทต่อปี ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นอีก 2 ประการคือเมื่อทุพพลภาพ และเมื่อเสียชีวิตเป็นมรณะสงเคราะห์  


 


สำหรับหมอนวด พนักงานบริการ รวมถึงแรงงานนอกระบบในชนบท ส่วนใหญ่อาจจะมีการจ่ายเงินเข้าระบบมรณะสงเคราะห์ (ฌาปนกิจสงเคราะห์) ในหมู่บ้าน ในตำบลของตนอยู่แล้ว อาจไม่ต้องการจากระบบประกันสังคมอีกก็ได้ สิ่งสำคัญที่แรงงานต้องการเป็นหลักประกันสำหรับชีวิต น่าจะเป็นกรณีเมื่อตกงาน ว่างงาน และเมื่อยามแก่เฒ่าชราภาพไม่อาจทำงานได้ ควรมีบำเหน็จบำนาญ สำหรับการดำรงชีวิตอย่างสมศักดิ์ศรีและไม่เป็นภาระของใคร  ทั้งนี้ เมื่อยังมีงานทำ มีรายได้ ก็ควรมีการจ่ายเงินประกันสังคมสำหรับกรณีนี้ไปด้วย  ดังนั้น หากต้องจ่ายปีละ 1,200 บาท น่าจะมีการพิจารณาว่าควรจะได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับตกงาน ว่างงาน และชราภาพด้วย  หากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพด้านการประกัน จะบอกว่าเงิน 1,200 บาทต่อปีไม่พอสำหรับการจัดสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับว่างงาน ตกงาน และชราภาพได้ ก็คงต้องเสนอตัวเลขที่เหมาะสมมาให้แรงงานนอกระบบทั้งหมดได้พิจารณาว่า ตนเองจะสามารถจ่ายได้หรือไม่ หรือจะมีวิธีการใดที่เหมาะสม เช่น ไม่ขอรับสิทธิประโยชน์เรื่องรักษาพยาบาลและคลอดบุตร เพราะสามารถรับได้จากระบบหลักประกันสุขภาพอยู่แล้ว แต่จ่าย 1,200 ร่วมกับรัฐจ่ายอีก 1,200 นั้นไปดำเนินการเฉพาะเรื่องทุพพลภาพ กับว่างงาน ตกงาน และชราภาพ  รวมถึงมรณะสงเคราะห์ด้วยก็ได้  จะดีไหม 


 


พี่น้องหมอนวด พนักงานบริการ และแรงงานนอกระบบอื่นๆ ต้องขบคิดดูดีๆ ว่าได้เฮจริงหรือไม่  เพราะอย่างไรก็ตาม รัฐจ่ายสวัสดิการรักษาพยาบาลให้อยู่แล้ว แต่ยังไม่จัดสวัสดิการยามชราภาพที่เหมาะสมให้ ซึ่งควรจะมีการพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง มีรับฟังความเห็น มีประชาพิจารณ์ มีประชาปรึกษากันให้รอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะกองทุนประกันสังคมกึ่งหนึ่งจ่ายด้วยประชาชน อีกส่วนหนึ่งจ่ายโดยรัฐ จะปล่อยให้รัฐมนตรีสองคนมาคุยกันแล้วแถลงข่าวกันง่ายๆ ดูจะไม่น่าจะเป็นบรรยากาศทางการเมืองของบ้านเราอีกต่อไปแล้ว