Skip to main content

ดู "ก้านกล้วย" แบบคนคิดมาก

คอลัมน์/ชุมชน

ยี่สิบสี่เศษหนึ่งส่วนหก


 

 


 



 


ใครกันหนอ...เป็นคนกำหนดว่าการไปดูหนังนั้นเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตที่คู่รักมักจะนิยมทำด้วยกัน พอๆ กับการไปกินข้าว เดินเล่น ช็อปปิ้ง หรือกิจกรรมอะไรก็ได้ที่สามารถทำกันสองคน J


 


อย่างช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่ยอดยาหยีของผม (เออแฮะ ไอ้คำเชยๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีใครใช้กันแล้ว ใช้สักหน่อยก็ได้อารมณ์พิลึก) เธอชวนผมไปดูหนังเหมือนกัน


 


เธอชวนผมไปดูการ์ตูนแอนิเมชั่น "ก้านกล้วย" โดยให้เหตุผลว่าเธอรู้สึกว่าผมเหมือนกับไอ้เจ้าก้านกล้วยในเรื่องเสียเหลือเกิน ซึ่งผมไม่รู้ว่าผมจะดีใจ หรือเสียใจดี ที่แฟนตัวเองมาชมว่าน่ารักเหมือนช้าง (จริงๆแล้วก็อยากบอกแม่ยอดยาหยีของผมนะ ว่าเธอเองก็เหมือนชบาแก้ว-ตัวเอกฝ่ายหญิงเหมือนกัน ตรงที่แม่คุณทั้งสวย ทั้งน่ารัก...แต่ยังไงซะ ก็ยังเป็นช้างอยู่ดี :-P) ซึ่งในที่สุด ผมก็ตอบตกลงไปดูหนังกับเธอจนได้ พร้อมทั้งพกเอาความรู้สึกหวาดหวั่นว่าหนังเรื่องนี้จะเป็น "จ๊ะทิงจาเวอร์ชั่นช้าง" เข้าไปในโรงหนังด้วย


 


 


 


แต่พอดูเข้าจริงๆ ต้องยอมรับด้วยนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วเชียวล่ะ ว่าเทคนิคด้านแอนิเมชั่นนั้นทำได้เนี้ยบกว่าที่คิด (ผมไม่เชื่อว่าแอนิเมชั่นฝีมือคนไทยจะสามารถทำให้ภาพต้นหญ้าเวลาต้องลมพลิ้วได้เหมือนจริง จนผมได้มาดูก้านกล้วยนี่แหละ) จนผมคิดว่าถ้าทางทีมงานของกันตนาพัฒนางานแอนิเมชั่นของตัวเองอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานนักเราคงสามารถเอางานแอนิเมชั่นของเราไปอวดชาวบ้านชาวช่องเขาได้เชียวแหละ


 


ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น ก้านกล้วยอาศัยสูตรง่ายๆ แบบที่เราเคยเห็นจากการ์ตูนหลายๆ เรื่อง (การพลัดพราก การตามหาสิ่งที่หายไป การพิสูจน์ตัวเอง จนไปถึงชัยชนะในตอนท้ายเรื่อง) ซึ่งบางคนอาจมองว่ามันไม่มีอะไรใหม่ในเนื้อเรื่อง แต่ถ้าพล็อตเก่าๆ สามารถทำให้คนดูมีความสุขแล้ว ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรละกระมัง J


 


แต่ในคะแนนเชิงบวกของก้านกล้วย ก็มีสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตะหงิดๆ กับการ์ตูนเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน (ไม่ใช่การที่ลูกสาวเสี่ยเจียงมาพากย์เสียงชบาแก้ว หรือการให้มิสเตอร์ดีมาร้องเพลงประกอบหนังหรอกครับ) แต่ไอ้สิ่งน่าหงุดหงิดที่ว่าก็คือ...ตัวละครที่เป็นคนในเรื่องนั่นเอง โดยเฉพาะทหารในฉากสู้รบ ที่ดูทีไร ไพล่ไปคิดถึงอีตา "กอลลั่ม" ในหนัง Lord of The Ring พิกล


 


ยิ่งโดยเฉพาะถ้าคุณบังเอิญไปเกิดเป็นตัวละครในหนังเรื่องนี้ แล้วดันทะลึ่งเป็นตัวละครทหารพม่า ความหน้าตาพิลึกของคุณจะเพิ่มขึ้นอีก ๒๐% ยิ่งถ้าได้เห็นช้างฝ่ายพม่า เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่า "นี่มันช้างจริงๆ หรือหุ่นยนต์ช้างฟะ มันดูน่ากลัวเกินไปหน่อยมั้ง..."


 


จริงๆ ถ้าคิดแบบไม่คิดมากอะไรนักหนา ก็อาจอธิบายได้ว่า "มันต้องมีการสร้างพระเอก-ผู้ร้ายสิวะ หนังมันถึงจะมีลุ้น ไม่งั้นไอ้ก้านกล้วยจะไปสู้กับใครละวะ"


 


...แต่บังเอิญชื่อบทความชิ้นนี้มันเขียนอยู่แล้ว ว่าเป็นการ "ดูก้านกล้วยประสาคนคิดมาก" ผมเลยขออนุญาตท่านผู้อ่าน "คิดมาก" เสียหน่อยนะครับ


 


ผมเห็นภาพของคนและช้างพม่าในหนังแล้ว พาลคิดถึงสมัยไปฝึก รด. ภาคสนามที่เขาชนไก่เมื่อสมัยผมเรียนมัธยม ที่ในวันท้ายๆ ของการฝึก ครูฝึกจะเอาละครจำลองเหตุการณ์สมัยสมัยสงครามเก้าทัพมาเปิดให้พวกเราดู (ไม่รู้ว่าสมัยนี้ยังมีเปิดวีดิโอที่ว่านี่ให้ดูหรือเปล่า)


 


ในละครที่ว่านั่นจะมีฉากที่ปืนใหญ่ของค่ายพม่า ซึ่งระดมยิงใส่ฝ่ายกองทัพไทย...ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าทัพพม่าลืมปรับศูนย์ปืนใหญ่หรือเปล่า เพราะลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ว่านั้นยิงไม่โดนค่ายฝ่ายไทยเลยแฮะ :-P (จริงๆ มันน่าจะโดนบ้างสักลูกสิ)


 


ในขณะที่พอฝั่งไทยจะยิงมั่ง ปรากฏว่าโป้งเดียวทะลุเข้ากลางค่ายพม่าเลยครับพี่น้อง J


 


ดูแล้ว คิดแล้ว พาลให้สงสัยจังเลยครับว่า ทำไมหนอ...ภาพของพม่าในหนัง ในละครถึงต้องดูด้อยกว่า น่ากลัวกว่า (และยิงปืนใหญ่แม่นน้อยกว่า) ฝ่ายไทยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


 


ทั้งๆ ที่ถ้านับตั้งแต่วันที่เราเสียกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ก็นับได้นานหลายร้อยปีแล้ว...นานจนบรรดาคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี่ว่านั้นคงจากไปหมดแล้ว (หรือใครเกิดทันตอนเสียกรุงฯ ก็ช่วยมาบอกกันหน่อยนะฮะ ผมจะได้ถอนคำพูด J) แต่สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ คือ อคติระหว่างเชื้อชาติ ที่ยังคงปรากฏให้เห็นเป็นหย่อมๆ


 


จนอดนึกกลัวไม่ได้ว่า ถ้าในอีกสักร้อยปีข้างหน้า อคติอะไรอีก ที่จะบิดภาพของคนในที่อื่นๆ ให้บิดเบี้ยวจากที่เป็นจริง


 


มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเราตอนนี้ แล้วอดห่วงไม่ได้... L


 


ปล. ขอบคุณ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/khankluay/kk.html สำหรับรูปประกอบครับ