Skip to main content

สวนของนักเขียน 1 : นักตกแต่งป่า

คอลัมน์/ชุมชน


 


ท่านบอกฉันว่า เป็นแค่คนตกแต่งป่าและฉันก็เห็นจริง


 


เพื่อนของฉันส่ายหน้าพลางว่า "ทำไมต้องตกแต่ง ป่าก็ต้องเป็นป่า"
"การปลูกต้นไม้ให้ป่าก็คือการตกแต่งป่า เอาดอกไม้มาปลูกให้ป่ามีสีสันเพิ่มขึ้น ตกแต่งดูแล"


 


"ป่าถึงเปลี่ยนไป เช่นที่เคยเป็นป่าเป็นภูเขาก็กลายมาเป็นสนามกอล์ฟ เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นคนรดน้ำให้กับหญ้าในสนามกอล์ฟ รดเพื่ออะไร"


"อ้าว...แล้วกัน ไม่ใช่ปลูกป่า แบบต้นไม้เข้าแถว แต่นี่ตกแต่งป่า ในความหมายว่าอยู่ในป่าและดูแลป่า แต่ว่าดูแลต่างกันกับชาวบ้านที่อยู่กับป่าแบบกินอยู่กับป่า หาของป่ากิน เขาก็มีวิถีอีกแบบหนึ่ง มีการดูแลอีกแบบหนึ่ง แต่ดูแลแบบนักเขียนนักตกแต่งป่าก็อีกแบบหนึ่ง"


 


"เธอมันพวกโรแมนติก"


ฉันบอกเพื่อนว่าฉันเข้าใจ ฉันเห็นด้วยกับเธอ และฉันไม่ได้เรียกพวกสร้างสนามกอล์ฟว่าเป็น นักตกแต่งป่า เพราะไม่ใช่แน่


นี่แหละเพื่อนของฉันละ เธอชื่อสารภี


 


……….


 


เพื่อนของฉัน--เธอเป็นนักอนุรักษ์ ทำงานมูลนิธิที่เกี่ยวกับสัตว์เกี่ยวกับป่าอยู่จังหวัดใต้สุดของประเทศ นานครั้งเราถึงได้มาพบกัน และเดี๋ยวนี้ยิ่งนานครั้งกว่าจะได้พบกัน เพราะเธอเดินทางไกลอยู่เสมอ เราจึงสื่อสารกันด้วยตัวอักษร เขียนจดหมายถึงกัน แต่วันนี้เราได้พบกันอีกครั้ง


 


เราเติบโตมาด้วยกัน วิ่งเล่นในสวน ไปอาบน้ำในลำคลองด้วยกัน ประถมปลายเราแยกกัน พอเรียนมหาวิทยาลัยกลับมาพบกันอีกครั้ง เพื่อนเรียกฉันว่า พวกโรแมนติก และขยายความต่อไปว่า ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไร เพียงมีชีวิตอันโรแมนติก เพื่อนสรุปอีกครั้งเพียงเพราะฉันมีชีวิตครอบครัวกับคนเขียนบทกวีและเล่นดนตรี – เพื่อเห็นแก่ความสุขของเพื่อนฉันก็เลยยอมรับไปตามที่เพื่อนว่า เพราะไม่เห็นว่าเป็นพิษเป็นภัยอะไร


 


เพื่อนที่รัก ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นนักอนุรักษ์ แต่ทำไมฉันจะไม่รู้สึกรู้สากับต้นไม้ใบหญ้า แม่น้ำลำคลองเล่า เดือนที่ผ่านมาฉันรู้ว่ามีการเดินขบวนต่อต้านการสร้างเขื่อนที่ลำคลองบ้านเรา ฉันอ่านบทกวีของกวีหนุ่มคนหนึ่ง เขาเขียนถึงสายน้ำในลำคลองบ้านเรา เพื่อนรู้ไหมฉันต้องพยายามที่จะอ่านให้จบ เพราะมันเจ็บปวด ฉันเพิ่งพบบทกวีที่อ่านแล้วเจ็บปวด เพราะฉันรู้จักกับลำคลองสายนั้นดี


 


ฉันเรียกมันว่า สายน้ำแห่งชีวิตมิใช่เพียงสายน้ำแห่งความสนุกสนานเท่านั้น ตลอดเวลาที่ชีวิตผ่าน เราพบน้ำหลากอย่างรุนแรงและก็จบลง ญาติ ๆ ของเราต่างรู้ดีว่าจะทำอย่างไรในช่วงน้ำหลาก และเมื่อน้ำเริ่มแห้ง มีหาดทรายขาว มีต้นหญ้าขึ้นแซม วัวกินหญ้า


 


ข้ามน้ำไปอีกฟากโดยไม่ต้องใช้เรือ หนุ่มสาวเพียงถลกชายผ้าขึ้นเหนือเอว เด็ก ๆ ลอยคอไป เอาเรือขึ้นแห้ง อุดชันรอยรั่วด้วยน้ำขี้ไต้และน้ำยางที่เผามาจากต้นยางสด ๆ  คว่ำเรือตากแดดให้แห้ง ไม่นานน้ำก็หลากมาใหม่ เต็มลำคลอง ไม่เคยได้ยินใครพูด "กลัวน้ำจะไหลลงทะเลหมด ต้องเก็บน้ำเอาไว้"


 


เป็นเช่นนี้มานานและดำเนินต่อไป ฉันกลับไปที่คลองเมื่อปีผ่าน --มันยังเหมือนเดิม พ่อกับแม่และญาติ ๆ ของฉันยังข้ามฝากไปทำไร่ในที่ลุ่มที่น้ำท่วมทุกปี ไม่เห็นใครจะเดือดร้อน ทำไร่พริกขี้หนู เริ่มหว่านเมล็ดเพาะกล้า และนำต้นกล้าปลูก ต้นโตขึ้นออกดอกขาวบานกะจิดริด   จากดอกขาวเล็ก ๆ ค่อย ๆ เป็นเม็ดเขียวและค่อยๆ แดงเข้ม  เก็บแต่เม็ดแดงไปตากแห้ง  เก็บจนต้นเริ่มแก่ดอกขาวไม่มีแล้ว และน้ำหลากก็มาถึงพอดี คนปลูกพริกตัดพริกทั้งต้นหอบมาที่เรือนมาเก็บเม็ดพริกครั้งสุดท้าย


 


เมื่อน้ำหลาก มีปลามากับน้ำ เราเรียกว่าปลาแม่ปลา กับปลาฉลาด ตัวขาวคล้ายดาบ ปลาน้ำจืดมากับน้ำหลาก  ฤดูน้ำหลากน้ำเต็มคลองมีปลากิน แต่ถ้าน้ำไม่หลากปลาพวกนี้ก็อาจจะไม่มีให้กิน


 


น้ำแห้งอีกครั้ง หาดทรายขาวมาแทนที่ ชาวไร่เริ่มปลูกแตงโมแทนพริก แตงโมชอบทรายขาว เมื่อแตงโมอ่อน ๆ เอามาแกงเลียงแกงส้มอร่อยนัก รอลูกโตสุกเก็บไปขายได้ นั่นแหละฤดูกาลปลูกพริกก็จะกลับมาอีกครั้ง และจบลงที่น้ำหลากใหม่  ชีวิตเป็นเช่นนี้


 


ถึงวันหนึ่ง สายน้ำเริ่มมีเจ้าของ มีแพให้นั่งท่องเที่ยวนั่งชมแม่น้ำ โชคดีที่ไม่ประสบความสำเร็จ ในที่สุดธุรกิจล่องแพก็เลิกราไป วันเวลาต่อมา มีโครงการสร้างเขื่อนขนาดเล็ก เพื่อเก็บน้ำในฤดูน้ำหลากเอาไว้ใช้ในฤดูแล้งเพื่อการเกษตร นั่นเป็นคำกล่าวอ้าง ความจริงเพื่อการอุตสาหกรรมที่กำลังจะขยายตัว


 


ไม่ใช่ฉันไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือคิดจะเขียนแต่เรื่องชีวิตนี้สวยงาม เหมือนที่เธอกล่าวหาว่า "พวกโรแมนติก" ฉันพยายามเขียนเรื่องนี้ เรื่องสายน้ำที่บ้านเรา ในวันที่มีโครงการสร้างเขื่อน ฉันได้ยินพวกญาติของฉันคุยกันว่า ใครจะเป็นคนปิดเปิดประตูน้ำ  ถ้าน้ำหลากมาก เปิดไม่ทันมันจะล้นท่วมบ้าน  ฉันนำคำถามของเขาไปเขียน แต่ไม่ได้ลงตีพิมพ์ บรรณาธิการไม่ให้ลง


 


เธอเป็นนักอนุรักษ์ เธอรู้จักบรรณาธิการใช่ไหม ใช่แล้ว ...เขาเป็นคนดูแลข้อเขียนที่จะลงในหนังสือเล่มนั้น ๆ หน้าที่ของฉันคือเขียน ฉันเขียนแล้วเพื่อนจ๋า แต่ไม่ได้พิมพ์  ทั้งที่ข้อเขียนของฉันไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจะต่อต้านคัดค้านอย่างจริงจัง นักเขียนไม่ใช่ผู้ตัดสิน ไม่ใช่ผู้ชี้ผิดถูก ไม่ใช่นักเทศน์นักบวชผู้สั่งสอนธรรมะ


 


เอาละ ฉันจะเขียนเล่าเรื่อง นักตกแต่งป่าให้เธออ่านดีกว่า ให้เธอหรือใครก็ได้ที่อยากรู้  


 


นักตกแต่งป่า เป็นนักเขียน