Skip to main content

"ฟุตบอลโลก" เวลาทอง ของการหาเงินใช้ ?

คอลัมน์/ชุมชน



ในที่สุด ‘เทศกาลฟุตบอลโลก’ ก็เคลื่อนขยับเข้ามาถึงวาระที่จะมีการแข่งขันอีกครั้ง แต่ก่อนจะถึงเทศกาลนี้ มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งออกมาต้อนรับกับกระแสฟุตบอลโลกอย่างเร็วพลันเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา



งานวิจัยที่ว่า เปิดเผยโดยสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ซึ่งข้อมูลที่น่าสนใจคือ เมื่อจำแนกตามกลุ่มอาชีพ พบว่ามีนักเรียน/นักศึกษาที่ตั้งใจจะเล่นพนันทายผลฟุตบอลสูงถึง ๑๐๗,๐๙๐ คน และวงเงินหมุนเวียนในกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ ๑๐๓,๖๕๙,๖๙๖ บาท


นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยใหม่ล่าสุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง จากงานวิจัยโครงการชีวิตกับความเสี่ยงต่อการพนันบอลในเยาวชนของ ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ หัวหน้าทีมประสานงานโครงการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัด หรือ ไชลด์ วอทช์ (Child Watch) ที่น่าสนใจว่า …. ๑๕.๒๖ เปอร์เซ็นต์ของเด็กมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาเล่นพนันบอล และถ้าไม่มีเงินจ่าย ๕๐ เปอร์เซ็นต์ พบว่าถูกทำร้ายร่างกาย ๒๐ เปอร์เซ็นต์ถูกรีดไถเงินและขู่กรรโชกทรัพย์ และประมาณ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ต้องเข้าไปพัวพันกับการค้าประเวณี ทั้งโดนบังคับและจำใจเอาตัวเข้าแลกเพื่อจ่ายหนี้พนันบอล…..


เมื่อศึกษางานวิจัยทั้งสองชิ้นและมองดูสภาพทั่วไปของสังคมจะพบว่า คนที่เล่นพนันฟุตบอลนั้นมีหลายวัย หลายอาชีพ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือว่า ผู้เล่นพนันบอลมีอายุน้อยลง คืออยู่ในช่วงวัยรุ่นนั่นเอง


ทำไมช่วงฟุตบอลโลก เป็นเวลาทองของการหาเงินมาใช้? ในเรื่องนี้เพื่อนที่เคยแทงบอลบอกว่า มันเป็นการหารายได้อย่างหนึ่ง และก็เล่นกับเพื่อนๆ ไม่ต้องไปถึงมือบ่อนใหญ่ เล่นกับเพื่อนก็ทีละ ๕๐-๑๐๐ บาท ตังค์ที่ได้ก็เอามาใช้จ่าย ไปดูหนัง ไปซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ หรือไม่ก็เอาไปจ่ายค่าหนังสือเรียน แต่ส่วนมากจะเอาตังค์ที่ได้ไปเที่ยวเล่นมากกว่า เพราะค่าใช้จ่ายอื่นเราก็ต้องกันไว้ ต้องจัดการตัวเองด้วย


ดูเหมือนว่าเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เล่นพนันบอลก็เพื่อหาเงินไปใช้ ที่เคยได้ยินมา เพื่อนบางคนไม่เล่นมาก เพราะมีการจัดการกับวงเงินที่จะเอาไปเล่น แต่บางคนที่เล่นเสียจนอยากได้เงินคืน ก็มีบางคนที่ไปขโมยของ หรือเอาของมีค่าของตนไปขายเพื่อแลกกับเงินที่จะเอาไปแทงบอลต่อ



เงินที่ได้จากการพนันบอลส่วนใหญ่ก็จะนำไปใช้จ่ายกับสินค้าที่ตอบสนองความต้องการมากกว่าความจำเป็น เช่น โทรศัพท์มือถือ บัตรเติมเงิน ไปดูหนัง กินอาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นต้น (แต่ตอนนี้คงจะต้องเอาเงินมาใช้เรื่องค่าเล่าเรียนในภาคเรียนใหม่ เพราะเงินกู้ จาก กรอ. ยังไม่ได้โอนมาให้นักศึกษา)



ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะตลาดใหญ่ของสินค้าเหล่านี้ก็คือ ‘วัยรุ่น’ และสินค้าก็สร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาว่า ‘สินค้านี้เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่’ วัยรุ่นจึงต้องหาเงินมาเพื่อซื้อและบริโภคสินค้านั้นๆ ซึ่ง ‘ช่องทาง’ ในการหาเงินนอกจากจะขอจากครอบครัวแล้ว การหารายได้อย่างการพนันบอลก็เป็น ‘ช่องทาง’ ที่ง่ายและไม่ซับซ้อนหรือไม่ต้องออกแรงอะไรมากนัก



อย่างไรก็ดี ผู้ที่เล่นพนันบอลก็มีทุกวัย ไม่ใช่แค่วัยรุ่นเท่านั้น แต่สิ่งที่ผลงานวิจัยชี้ออกมานั้นย่อมสะท้อนให้เห็นว่า ‘ขอบเขต’ ของคนที่เล่นพนันบอลนั้นมีมากขึ้นทุกๆ วัน และนับวันจะขยายจำนวนทั้งคน และวัยไปอย่างรวดเร็ว



สิ่งที่น่าพิจารณามากกว่านั้นก็คือ สินค้าต่างๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้น ที่พยายามมุ่งตลาดมายังกลุ่มวัยรุ่นถือว่าเป็น ‘ตัวจักร’ สำคัญ ที่ทำให้คนทั่วไปรวมทั้งวัยรุ่นต้องเสาะแสวงหาเงินเพื่อมาซื้อและบริโภคสินค้าเหล่านั้น หากสินค้ามีมากเท่าไหร่ คนก็ถูกทำให้ต้องการเพิ่มขึ้น ผู้ที่จะบริโภคก็ต้องหารายได้จากส่วนอื่นๆ เพื่อให้ได้สินค้านั้นมา


ช่วงเวลาทองของการหาเงินใช้ ผ่าน ‘การพนันบอล’ เป็นแค่หนึ่งในกลวิธีที่คนๆ หนึ่งจะได้มาซึ่งเงิน แต่ก็อย่าลืมว่าผู้เล่นพนันบอลมีทั้งได้กับเสีย และได้รับผลกระทบอื่นๆ อีกมากมาย


ส่วนเจ้าของธุรกิจสินค้าต่างๆ ที่เราเอาเงินไปซื้อของของเขา ก็นั่งนับเงินอยู่เงียบๆ อย่างมีความสุข


(ปรับจากต้นฉบับแรกที่กำลังจะตีพิมพ์ในวารสาร S -Exchange, http://www.teenpath.net/teenpath/Main.asp?Menu=3)