Skip to main content

วันที่ลำธารน้ำใส ลมพัดไหวไหวเย็นใจ

คอลัมน์/ชุมชน

บทเพลง"แมลงปอปีกใส" จากวงดนตรีอมตะ สองวัย ที่เด็กๆ และผู้ใหญ่คือ น้าวี วีรศักดิ์ ขุขันธิน กับน้าต้อม กิตติพงศ์ ขันธกาญจน์ และนักร้อง เช่น น้องนุช ปิยะนุช บุญประคอง ได้ช่วยกันแต่ง ช่วยกันร้อง ช่วยกันเล่นดนตรี เมื่อ ๒๗ ปีที่ผ่านมา ได้สืบสานจิตใจรักธรรมชาติ รักสังคมแห่งศานติให้แก่พ่อแม่และเด็กๆ ที่รักวงสองวัยมาจนทุกวันนี้


 


ท่อนต้นของเพลงขึ้นว่า "วันที่ลำธารน้ำใส ลมพัดไหวไหว เย็นใจ ลมเอยลมพัดมา พัดไป ต้นไม้แกว่งไกวไปมา วันที่ลำธารน้ำใส พันธุ์พืชไสว ดอกไม้แซมปน แมลงปอปีกใสบินวน ไปแห่งไปหน ไหนเล่านา"


 


วันวารอันเป็นมหามงคลของชาวไทยในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี นำมาซึ่งความปลื้มปิติ ความสุขแก่ชาวไทยทั้งมวล เสื้อเหลืองสว่างไสวไปทั้งประเทศ ด้วยหัวใจจงรักภักดี เทิดทูน เป็นล้นพ้น


 


นิทรรศการเทิดพระเกียรติที่อิมแพค เมืองทองธานี มีคนไทยหลั่งไหลไปชื่นชมพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจกันเนืองแน่นถึง ๖ ล้านคน ดิฉันตั้งใจไปชมนิทรรศการเพื่อนำพระราชปณิธานมาใส่เกล้าใส่กระหม่อมปฏิบัติในชีวิตและในหน้าที่การงาน


 


๓ ครั้งที่ได้ชื่นชม ครั้งแรก สว.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ได้นำ สส.หญิงแกร่งแห่งรัฐสภายุโรปไปด้วย ได้ชมนิทรรศการส่วนพระราชประวัติจนจบอย่างคร่าวๆ ได้ตระหนักว่าพระราชบิดา ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งการแพทย์ไทย ได้ปลูกฝังให้ทรงเห็นว่าผลประโยชน์ของส่วนรวมต้องมาเป็นที่หนึ่ง ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นรอง ส่วนสมเด็จย่าได้ปลูกฝังให้ทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ประหยัด มีคุณธรรม รักศิลปะ กีฬา ธรรมชาติ ภาพที่ทรงผนวช ทรงบิณฑบาต ทรงกตัญญูต่อสมเด็จย่า เป็นแบบอย่างของครอบครัวยุคใหม่ ที่มักอยู่อย่างตัวใครตัวมัน ต้องทบทวนความสัมพันธ์ พ่อ แม่ ลูก ให้อบอุ่น แน่นแฟ้นขึ้น


 


ครั้งที่สองที่ไปชมงาน เป็นวันที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทอดพระเนตรงาน ดิฉันได้พบกับเยาวชนที่ได้รับคัดเลือกเป็นยุวมัคคุเทศก์ในโครงการ "เด็กไทยรักในหลวง" (ซึ่งลูกชายคือ ลูกหว้า บวร ดีเทศน์ นิสิตปี ๒ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ มีโอกาสได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อพระเจ้าอยู่หัว ฯ โดยได้รับคัดเลือกเป็น ๑ ใน ๖๐ คนด้วย) ด้วยความชื่นชมที่เด็กเหล่านี้ได้ทำหน้าที่อย่างสง่างาม มีภูมิรู้จริง


 


เด็กที่ได้เข้าทูลถวายรายงานหลายคน ร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความปิติสูงสุด ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงสนพระทัยตรัสถามเด็กในเรื่องต่างๆ อย่างใกล้ชิด ดิฉันมั่นใจว่าเด็กเหล่านี้จะรับใช้แผ่นดินอย่างสุดจิต สุดใจ เพราะพระบารมีที่จารึกอยู่ในใจตลอดชีวิต


 


ครั้งที่สาม ดิฉันจึงได้เดินชมพระราชกรณียกิจ ๔ ส่วน คือ การอนุรักษ์ดิน อนุรักษ์น้ำ อนุรักษ์ป่า และเศรษฐกิจพอเพียง ได้เห็นพระอัจฉริยภาพ ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ พระวิริยะ อุตสาหะ และพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทย ประดุจสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำ ประดุจแสงสว่างที่กำจัดความมืดให้หมดไปจากแผ่นดินไทย


 


ความทรงจำที่ดิฉันได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมประชาชนชาติพันธุ์ต่างๆ ในลุ่มน้ำแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ถึง ๓ ครั้ง เมื่อต้นปี ๒๕๒๒, ๒๕๒๓ ,๒๕๒๔ (โดยขณะนั้นคุณธนูชัย ดีเทศน์ ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา บ้านปางสา ได้เข้าเฝ้าถวายรายงานอย่างใกล้ชิด) ทำให้ทุกคนในครอบครัว ตั้งมั่นที่จะรับใช้แผ่นดินอย่างสุจริตใจ จนกว่าชีวิตจะหาไม่


 


แต่นโยบายที่กำหนดโดยรัฐบาลกลับสวนทางกับพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งควรเป็นหัวใจของการดำเนินชีวิตของทุกคน และควรเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ


 


                           


 


นโยบายการอนุรักษ์ป่า ควรกำหนดให้ทุกภาคส่วนของประเทศมีป่าประเภทต่างๆ ตามระบบนิเวศที่หลากหลายอย่างสมดุล กำหนดมาตรการระดับชาติ การมีส่วนร่วมของชุมชน ตามวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น การควบคุมไม่ให้ไฟไหม้ป่าในฤดูร้อน การควบคุมไม่ให้นายทุนและเกษตรกรบุกรุกป่าเพื่อเอาเนื้อไม้ หรือเอาพื้นที่ไปใช้ปลูกพืชเชิงเดี่ยวราคาถูกจนป่าวอดวาย กลายเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม แล้วออกเอกสารกำกับให้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคล ตามนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ซึ่งเป็นเหตุหลักให้ป่าบุ่ง ป่าทาม ทางอีสาน ป่าพรุ ป่าชายเลน ทางใต้ ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณทางเหนือ วอดวายกลายเป็นพื้นที่หัวโล้น เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของน้ำทะลักถล่มหมู่บ้าน ๕ จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง


 


                        


 


นโยบายประชานิยม และนโยบายกระตุ้นการบริโภค การเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้ชุมชนชาวเขา และชนบทที่เคยอยู่อย่างสงบสุข พอเพียง พึ่งตัวเองได้ กลายเป็นหมู่บ้านที่ต้องพึ่งพาระบบเศรษฐกิจ การตลาด ถนน ไฟฟ้า ได้นำค่านิยมแบบสังคมเมืองเข้ามาอย่างถาโถม


 


ขนมกรุบกรอบ ใส่สี รสเค็มๆ มันๆ น้ำหวานใส่สี แต่งกลิ่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง อาหารสำเร็จรูป ซึ่งล้วนไร้คุณค่าทางโภชนาการ ถูกนำมาขายในหมู่บ้าน


 


 


 


เด็กน้อยถูกนำมาฝากให้ยายเลี้ยง พ่อแม่ไปทำงานในเมือง ยายผู้ไม่รู้เท่าทันสังคมโลกาภิวัฒน์ ที่เห็นเด็กเป็นเพียงเหยื่อ เป็นลูกค้า ก็เลี้ยงเด็กด้วยอาหารขยะ ถุงละบาท สองบาท โตขึ้นมาเด็กกลายเป็นเด็กไอคิวต่ำ น้ำหนัก ส่วนสูง ไม่ได้มาตรฐาน เพราะรัฐบาลไม่ใส่ใจกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กอย่างรอบด้าน


 


หมู่บ้านชายแดนติดผืนป่าของพม่า คือ บ้านแสนใหม่ ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เป็นบ้านเล็กในป่าใหญ่ ชุมชนมีชีวิตผูกพันกับป่า มีต้นก่อที่ให้ลูกก่อขายเป็นรายได้ปีละหลายพันบาทต่อครอบครัว มีกล้วยป่าที่ตัดต้นมาเป็นอาหารเลี้ยงหมูได้ทุกวัน มีผลไม้จากป่า เช่น มะไฟ มะม่วง มังคุด มะเดื่อ เบอรี่ป่าสีแดงส้ม มีพืชผัก เป็นอาหารธรรมชาติทุกวัน


 


เด็กบ้านแสนใหม่เล่นกันตามธรรมชาติ ไปเก็บพืชผักผลไม้ในป่าด้วยกัน ส่งเสียงใสๆ ได้ยินแล้วอยากตามไปด้วย เล่นสามล้อเลื่อนจากเนินเขาสูงลงสู่เชิงเขา เป็นเกมสนุกที่ไม่ต้องซื้อหา แต่รวยเพื่อน รวยน้ำใจ รวยรอยยิ้ม


 


แต่ร้านค้าในหมู่บ้านแสนใหม่ ก็เหมือนร้านค้าในชนบททั่วไปที่มีสินค้าคุณภาพต่ำจากร้านขายส่งในเมือง ส่งมาขายให้  ขอฝากกระทรวงสาธารณสุขให้ควบคุมคุณภาพอาหารทุกชนิดที่ผลิตขาย ต้องระบุส่วนประกอบของอาหาร คุณค่าทางโภชนาการต่อหน่วย แหล่งผลิตที่สืบต้นตอได้ และวันเดือนปีที่ผลิต ที่หมดอายุให้ชัดเจน เพื่อเด็กไทยและคนไทยทุกวัยได้บริโภคอาหารและสินค้าที่มีคุณภาพอย่างเป็นธรรม


 


ปี ๒๕๔๙ นี้ ดิฉันสังเกตว่า การรุกเชิงตลาดของสารเคมีเพื่อการเกษตร รุกคืบอย่างน่ากลัว ประชิดถึงตัวชาวบ้าน ดังหนวดของปลาหมึกยักษ์ โปสเตอร์โฆษณายาฆ่าหญ้า ฆ่าศัตรูพืช ปุ๋ยเคมี ติดตามต้นไม้ ตามปั๊มน้ำมันหลอดในหมู่บ้าน รวมทั้งเสียงโฆษณาในวิทยุ ภาพโฆษณาในทีวี ย้ำว่าฆ่าหญ้าตายเรียบไม่เหลือ (แต่ไม่ยักบอกว่า แม้แต่คนก็จะสูญพันธุ์ในไม่ช้า) มีร้านขายสารเคมีในหมู่บ้านแล้ว ทำให้ซื้อได้ง่ายขึ้น แทนที่จะต้องไปซื้อในอำเภอเหมือนเมื่อก่อน


 


                         


 


ชาวเขาบนดอยสะพายถังใส่สารเคมีพ่นในแปลงกะหล่ำปลี ข้าวโพด ข้าว กันมากขึ้น โดยไม่มีการป้องกันตัว ไม่มีหน้ากาก ไม่มีถุงมือ รองเท้ายาง รับสารเคมีเข้าไปในตัวกันเต็มๆ เผื่อมาถึงผู้บริโภค ถึงสัตว์ในดิน ที่ต้องตายไปตามกัน รวมถึงชีวิตในน้ำด้วย


 


บางดอยที่ปลูกกะหล่ำปลี มะเขือเทศ ส้ม พืชเชิงเดี่ยวกันเต็มทั้งดอย จนไม่มีป่าเหลืออยู่ ชาวเขาใช้สารเคมีที่ปรากฏในชื่อการค้าต่างกัน เป็นหลายเท่าของปริมาณที่จำเป็นจะต้องใช้ แม้เป็นสารเคมีต้องห้ามที่ประเทศอื่นเขาห้ามนำเข้าแล้ว แต่เราก็ยังอนุญาตให้นำเข้า โดยไม่มีการควบคุมมาตรฐานการขาย การใช้ ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ปล่อยให้เกษตรกรและผู้บริโภคได้รับภัยกันโดยตรง จนสัดส่วนผู้เป็นมะเร็งของไทยเพิ่มขึ้น อันน่าจะฉุดให้อายุเฉลี่ยของประชากรลดลงไปอีก


 


พระเจ้าอยู่หัวทรงวิจัยทดลองหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ  ป้องกันและแก้ปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนภูเขาสูง แต่การสนองพระราชดำริยังน้อยเกินไป ภูเขาอันเป็นต้นน้ำลำธารมีไม้ใหญ่ที่มีค่าต่อระบบนิเวศ เช่น ประดู่ ตะเคียน สัก ไม้เบญจพรรณต่างๆจึงถูกถางแล้วเผาทิ้งอย่างไม่ใยดี เพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยวราคาต่ำไว้ไปเลี้ยงสัตว์ คือ ข้าวโพด ปลูกกะหล่ำปลีนอกฤดู ปลูกขิง มันฝรั่ง ปลูกส้ม ที่แย่งน้ำจากชาวนา เมื่อไหร่ที่สำนึกรักในหลวง รักแผ่นดิน จะเกิดกับคนไทยอย่างแท้จริงเสียที ทรงแนะเรื่องการปลูกป่า ๓ อย่าง เพื่อประโยชน์สี่อย่าง คือ เพื่อกิน เพื่อเป็นฟืน เพื่อสร้างบ้าน เครื่องใช้ เพื่อเป็นต้นน้ำลำธาร แต่เราก็ปลูกพืชเชิงเดี่ยวกันอย่างไม่เข้าใจธรรมชาติ ด้วยความโลภเห็นแก่เงินเป็นหลัก


 


                        


 


คัตเอาท์ใหญ่ที่เชียงรายเขียนว่า "ผมกล้าคิดใหม่ ทำใหม่ ผมกล้ารับประกัน เปลี่ยนไร่เป็นสวนยางพารา เปลี่ยนนาเป็นสวนปาล์ม" รู้ไหมกว่าจะปรับพื้นที่เป็นคันนายากเย็นแค่ไหน ถ้ายางพาราและปาล์มไม่ให้ผล ราคาตกต่ำ เกษตรกรจะกินอะไร คนไทยต้องซื้อข้าวกินหรือไม่ ทำไมจึงไม่ "ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ที่เหลือจึงขาย " เสียก่อน พากันปลูกพืชเชิงเดี่ยวบนภูเขาลาดชัน ดินโคลนจะถล่มลงมาทับคนตายอีกไหม ?


 


น้ำในลำธารสายต่างๆ ขุ่นข้น จนเมื่อไหลลงสู่เจ้าพระยาก็ขุ่นจนเป็นสีส้มจัด การประปานครหลวงต้องประกาศเตือนให้คนกรุงเทพฯ ประหยัดน้ำ เพราะน้ำในคลองประปามีตะกอนเจือปนมาก จนไม่มีคุณภาพดีพอที่จะผลิตเป็นประปาได้


 


            "แล้ววันหนึ่งก็มาถึง                       วันที่ซึ่งลำธารน้ำขุ่นข้น


            ไร้ดอกไม้ใบหญ้ามาแซมปน            แมลงปอไม่บินวนไปมา


 


            ทุกสิ่งนั้นดูเปลี่ยนไป                      ธรรมชาติถูกใครทำปี้ป่น


            แมลงปอปีกใสบินวน                      ไปแห่งไปหนไหนเล่านา"


 


บทเพลงแมลงปอปีกใสของเด็กๆ คงจะเตือนใจให้ผู้ใหญ่รักธรรมชาติ เข้าถึงธรรม กตัญญูต่อในหลวง พ่อของแผ่นดิน ด้วยการ "ปฏิบัติบูชา" เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติให้อยู่คู่กับมนุษย์อย่างสมดุลย์และศานติสุข ไม่สายเกินไปที่จะกลับตัว กลับใจ กันเสียใหม่ทุกคน เริ่มต้นเดี๋ยวนี้ ก่อนจะไม่มีป่า ไม่มีน้ำใส ไม่มีดินอุดมอีกต่อไป


 


 


ภาพโดยมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา