Skip to main content

คำขอร้องของน้องก้อนหิน...หนูเกลียดทักษิณ แต่ไม่ใช่พวกสนธิ ได้มั้ยคะ

คอลัมน์/ชุมชน

เมื่อครั้งยังเป็นเด็กหญิง น้องก้อนหินมีปัญหากับการเลือกข้าง ยามเล่นกระโดดยางชิงแชมป์โอลิมปิกประถม หัวหน้าทีมสีชมพูชอกกิ้งพิงค์คือพี่ใหญ่ ป.6 ผู้แสนจะบึกบึนน่าเลื่อมใส ในขณะที่พี่ ป.5 หัวหน้าทีมสีม่วงเม็ดมะปรางนั้น...ก็เป็นอัจฉริยะทางด้านกลยุทธ ทั้งสองทีมผลัดกันแพ้ชนะมาหลายครั้ง และต่างฝ่ายต่างติดใจในพลังสปริงข้อเท้ากระโดดตัวข้ามยางของก้อนหิน การแย่งชิงตัวเข้าพวกจึงเกิดขึ้น .... 


 


ก้อนหินอยากเป็นพวกของทั้งสองฝ่าย จึงตัดสินใจหาทางประนีประนอมเสนอตัวลงแข่งขันให้ทั้งสองทีม  เหตุการณ์ครั้งนั้นสอนให้ก้อนหินรู้ว่า ในสนามประลองไม่มีความสมานฉันท์ใดๆ ทั้งสิ้น หากก้อนหินเลือกฝ่ายพี่สีชมพู ย่อมหมายความถึงการเป็นศัตรูกับสีม่วง ในทางกลับกันการเข้าร่วมกับสีม่วงก็ย่อมเป็นการประกาศภาวะสงครามกับสีชมพูในทันที


 


บทสรุปจบลงที่... ก้อนหินถูกประณามจากทุกฝ่ายว่าเป็นนกสองหัวที่เหยียบเรือสองแคม ความช้ำชอกใจจากการถูกสังคมตราหน้า ทำให้ก้อนหินตัดสินใจหันหลังให้กับความสนิทสนมในโลกของความเป็นจริง แล้วเข้าไปฝังตัวอยู่ในชุมชนโลกเสมือนอันยิ่งใหญ่แทน ....


 


จากวันนั้น จนถึงวันนี้เป็นเวลาหลายปีที่ก้อนหินมีความสุขดีกับการใช้เกือบครึ่งของเวลาในชีวิตประจำวันฝังรกรากอยู่กับโลกที่ขึ้นต้นด้วย www.  จนกระทั่งมีชายสองคนก้าวเข้ามายึดโลกที่เปรียบเสมือนบ้านแห่งที่สองของก้อนหิน ชายทั้งสองดังกล่าว ชื่อ... "ทักษิณ" และ "สนธิ"


 


จากการศึกษาฐานข้อมูลในระบบ.. ก้อนหินรู้มาว่า ก่อนหน้านี้ "ทักษิณ" คือนักธุรกิจผู้ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย ส่วนรวยมาได้ด้วยเหตุใดนั้น พี่ๆ ในโลกเสมือนบางคนบอกว่าไม่ต้องสนใจ เพราะนักธุรกิจมีความชอบธรรมในการหาผลกำไร


 


"เค้าเรียกว่า ทำมาหากิน คนฉลาดกว่าย่อม (หา) กินได้มากกว่าใครๆ เค้าก็ทำกันแบบนี้"


 


พี่ๆ เขาว่ามาอย่างนั้น ข้อนี้ก้อนหินพอทำใจรับได้... แต่เมื่อทักษิณเปลี่ยนใจจากการหาเงิน มาหาอะไรที่มากกว่าเงิน ด้วยการกระโดดพุ่งตัวตาม "ทฤษฎีกบกระโจน" เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก้อนหินจึงเริ่มรู้สึกมีปัญหา...


 


ซึ่ง Search Engine เคยบอกเอาไว้ว่า ตามหลักการทางรัฐศาสตร์แล้ว รัฐมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพลเมืองของประเทศชาติ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับอำนาจมาจากประชาชน มาดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ว่านี้ แต่ดูไปดูมาทักษิณ เริ่มบำรุงสุข ให้กับพวกพ้องพี่น้องตัวเอง จนเริ่มเพิ่มทุกข์ให้กับคนอื่นซะมากกว่า


 


ส่วน "สนธิ" ... Search Engine เจ้าเดิมให้ข้อมูลมาว่า ในอดีต...สนธิเป็นนักธุรกิจเพื่อนสนิทของทักษิณ เคยร่วมมือกัน ...หาผลกำไรในเชิงธุรกิจ... หลายครั้งหลายคราว ตามประวัติที่ร่ำลือกันมาหลายตำนาน สรุปออกมาได้คร่าวๆ ว่า ... สนธิเองก็ไม่ใช่คนดี (เขาว่ากันว่าคนที่มีอะไรคล้ายๆ กันมักถูกดึงดูดมาไว้ใกล้ๆ กัน ถึงว่าล่ะ เมื่อก่อนสนธิถึงต้องอยู่ใกล้ทักษิณ...ก้อนหินคิด)


 


ก้อนหินไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้เพียงอยู่มาวันหนึ่งรายการโทรทัศน์ที่ครั้งหนึ่งสนธิเคยใช้สนับสนุน และชื่นชม ยินดี กับการทำงานของเพื่อนทักษิณ ก็ถูกถอดออกจากผังของรายการอย่างกะทันหัน และสนธิก็ลุกจากที่นั่งฐานะ "เพื่อนสนิท" ขึ้นมาสะบั้นสัมพันธ์กับทักษิณอย่างออกหน้าออกตา หลายคนบอกว่าเขาขัดแย้งกันเรื่องเงินๆ ทองๆ และผลประโยชน์อื่นๆ ...จากการประมวลด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ก้อนหินสรุปกับตัวเองได้ว่า .... ก้อนหินไม่ชอบสนธิ แต่ดูคนรู้ไส้รู้พุงกันออกมาสาวไส้ให้โลกรู้เรื่องอีกฝ่ายแบบนี้ก็ยุติธรรมดี ก้อนหินจึงตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขไปตามอัตภาพที่ประชาชนคนไทยพึงมีต่อไป หากแต่โลกทั้งในความเป็นจริงและโลกเสมือนไม่ยอมให้ก้อนหินทำแบบนั้น


 


ความยุ่งยากเริ่มต้นขึ้นในค่ำวันหนึ่ง ก้อนหินหมุนโมเด็มเข้าไปฝังความคิดไว้ในชุมชนพันธุ์ทิพย์ตามปรกติ พี่ๆ ในบ้านราชดำเนิน ที่ทะเลาะถกเถียง ตบตี กัดจิก กันทางตัวหนังสืออยู่เป็นนิจก็ยังคงปฏิบัติภารกิจตามปรกติเช่นกัน ก้อนหินไล่สายตาไปตามกระทู้ต่างๆ ด้วยความเคยชิน ห้องราชดำเนินในเว็บไซต์พันธุ์ทิพย์เป็นศูนย์รวมกระทู้พูดคุยเรื่อง การบ้าน การเมืองต่างๆ นานา


 


อาจารย์ที่โรงเรียนเคยชมว่าความรู้รอบตัวเกี่ยวกับแวดวงการเมืองของก้อนหินอยู่ในระดับที่ดีมาก ก้อนหินไม่เคยบอกใครหรอก ว่าความรู้ส่วนใหญ่ได้มาจากการอ่านกระทู้ที่นี่...สด ใหม่ กระชับ ฉับไว ดีกว่า Search Engine เป็นไหนๆ โดยปรกติแล้วก้อนหินจะให้วิธี "ซุ่มอ่าน" (*ภาษานักเว็บบอร์ด) เพียงอย่างเดียว เพราะรู้ตัวว่าไม่มีความรู้มากพอในการตอบ ...ไม่รู้จริงแล้วอย่าเผลอตอบ เดี๋ยวจะช้ำชอกกลับไป... วัฒนธรรมราชดำเนิน ณ พันธุ์ทิพย์ เขาว่าไปอย่างนี้


 


บรรยากาศของเว็บบอร์ดแห่งนี้ ในวันนั้น มีกระแสความคุกรุ่นทางอารมณ์ในระดับเข้มข้นเกินปรกติ ก้อนหินใช้นิ้วเลื่อนเมาส์ประกอบการไล่สายตาอ่านกระทู้ลงไปได้เพียง 4 กระทู้ ก็พอรู้สถานการณ์คร่าวๆ ว่า บัดนี้...ยุทธวิธีสาวไส้ทักษิณให้ประชาชนได้เห็น โดย..สนธินั้น ถึงจุดที่สุกงอมเต็มที่


 


สนธินัดรวมพลคนต่อต้านทักษิณครั้งใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มีผู้ตั้งกระทู้เพื่ออุทิศให้กับการนัดแนะเรียกร้องรวมพลดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ก้อนหินอดไม่ได้ที่จะเข้าไปโพสต์ให้กำลังใจสนับสนุน ในฐานะผู้ร่วมตำหนิทักษิณ  (แต่ไปร่วมชุมนุมไม่ได้หรอก คุณแม่บอกว่าเป็นเด็กเป็นเล็กอย่ายุ่งเรื่องหนักสมองของบ้านเมือง มันเสียเวลาเรียนเพื่อสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหา’ลัยดังๆ)


 


ก้อนหินไล่ตอบกระทู้ที่เกี่ยวข้องไปเรื่อยๆ จนหมดเวลาไปกว่าครึ่งคืน จึงตัดสินใจจะหยุดการเชื่อมต่อโมเด็ม แล้วปิดไฟ กินนม นอน ... แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนไปต้องย้อนกลับไปดูกระทู้ที่ตอบเอาไว้ก่อนสินะ ดูว่าคนอื่นเขาว่าอย่างไรกันบ้าง


 


และแล้วฝันร้ายที่สุดในชีวิตของก้อนหินก็เริ่มต้นขึ้น


 


พี่ๆ พอจะนึกถึงเกมปาไข่น้ำที่เราเล่นกันสมัยเด็กๆ ออกมั้ยคะ เกม....ที่จะแบ่งผู้เล่นออกเป็นสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างใช้ลูกโป่งลูกเล็กที่มีน้ำอยู่ข้างในไล่ปาใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยแรงเหวี่ยงเต็มพิกัด มีจุดมุ่งหมายให้ลูกโป่งพุ่งไปกระแทกผู้เล่นต่างทีมแล้วแตกโผละออกมาเปียกเนื้อตัวจนชุ่มโชกน่ะค่ะ


 


ฝันร้ายของก้อนหินคล้ายๆ แบบนั้น เพียงแต่สิ่งที่บรรจุอยู่ในลูกโป่งทัศนคติของพี่ๆ ในห้องราชดำเนินไม่ใช่น้ำเปล่า แต่เป็นอคติ เหตุผลและการตัดสินส่วนตัว มาตรฐานของตนเอง การแบ่งพรรคแบ่งพวก และอื่นๆ อีกมากมาย ก้อนหินรู้สึกว่าไอ้อะไรก็ตามที่อยู่ในลูกโป่งของพวกพี่ๆ ส่วนใหญ่ มันดูจะเป็นสีดำๆ ช้ำเลือดช้ำหนอง น่าเกลียดน่ากลัวยังไงไม่ทราบ


 


ก้อนหินไล่สายตาตามความเห็นที่โพสต์ไปเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังใช้วิชากำลังภายในที่เรียนรู้มาจากเว็บไซต์มังกรหยกออนไลน์ กระโดดหลบหลีกลูกโป่งที่ว่านั้นไปมา จนกระทั่งอ่อนแรง


           


            โผละ !  



 



 


มีลูกโป่งพุ่งตรงมากระแทกตัวก้อนหินจนได้ ความรู้สึกเมื่อครั้งกระโดดยางโอลิมปิกประถมเริ่มกลับคืนมา คราวนั้นก้อนหินอยากเข้าพวกทั้งสองฝ่าย แต่คราวนี้ก้อนหินไม่อยากอยู่ฝ่ายไหนเลยนี่นา โลกนี้มันมีตัวเลือกน้อยขนาดนั้นเลยหรือ ขาวกับดำ 1 กับ 2 ทักษิณกับสนธิ....


 


ฝันร้ายของก้อนหินยังคงดำเนินต่อไปในอัตราความเร็วความถี่...คงที่ต่อเนื่อง ชายสองคน คนสองกลุ่ม ทักษิณและสนธิ การแบ่งออกเป็นฝ่ายคนรักทักษิณกับคนไล่ทักษิณ (ที่เหมารวมเอาไว้เป็นพวกสนธิ จำลอง หรือประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว) เริ่มไล่รุกเข้ามายึดครองโลกเสมือนของก้อนหินมากขึ้นเรื่อยๆ  ไม่จำกัดวงอยู่เพียงแต่ในบ้านราชดำเนิน ณ พันธุ์ทิพย์อีกต่อไป


 


ก้อนหินพยายามต่อสู้ปกป้องตัวเอง ด้วยการโยนลูกโป่งน้ำที่มีคำอธิบายบรรจุอยู่กลับไปยังคนกลุ่มนั้น ... ก้อนหินไม่ได้เป็นพวกสนธิ ไม่ได้เป็นคนของจำลอง ไม่ได้เป็นลิ่วล่อประชาธิปัตย์ ก้อนหินแค่เกลียดทักษิณจากวิจารณญาณของตัวเองเฉยๆ ไม่ได้รึยังไง...


 


หากนั่น ไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ในชีวิตของก้อนหินดีขึ้นแต่อย่างใด ก้อนหินค้นพบว่าตัวเอง และเพื่อนๆ นักเรียนนักศึกษาที่เกลียดทักษิณทั้งหลายแหล่ ต่างถูกเหมารวม ข่มขืนทางวิจารณญาณให้กลายเป็นพวกเด็กอวดดีที่รู้น้อย หนึ่งในคนใต้การครอบงำของสนธิและพวกไปเรียบร้อย โดยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในศาลสูง ศาลกลาง หรือศาลเตี้ยใดๆ ทั้งสิ้น


 


ก้อนหินเหนื่อยอ่อนจนแทบหมดแรง จนมีพี่ๆ บางคนแนะนำให้กลับไปทำหน้าที่ของเด็ก (เรียน เรียน เรียน และเรียน) โดยไม่ต้องเข้ามาสนใจการบ้านการเมืองเรื่องอื่นอีกต่อไป พี่บางคนแนะนำให้ไปบริโภคข้อมูลฝ่ายรัฐบาลเยอะๆ จะได้เอาไปกลบข้อมูลฝ่าย NGO และพรรคพวกลงไปซะ ก้อนหินจะได้ตาสว่างซักที (พี่ๆ เขาว่างั้น) ส่วนบางคนแนะนำให้ขว้างลูกป่งน้ำบรรจุคำว่า ลิ่วล้อไทยรักไทยแบบไม่ลืมหูลืมตา กลับไปหาคนกลุ่มนั้นดูบ้าง เผื่อความสะใจจะเยียวยาความรู้สึกของก้อนหินได้  หากยังไม่มีวิธีใดช่วยให้ก้อนหินปลอดภัยจากความชอกช้ำ (ฟังดูโอเว่อร์เล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ก้อนหินเชื่อว่านี่เป็นปมในใจที่ส่งผลมาตั้งแต่สมัยประถม)


 


เมื่อต่อสู้กับการยัดเยียดแยกพวกจนหมดวิธี  วันนี้.. ก้อนหินเหนื่อยจนคิดจะตัดใจจากโลกเสมือนแล้วโยกย้ายเวลาในชีวิตกลับมาไว้ในโลกของความเป็นจริงอย่างเต็มส่วนอีกครั้ง การตัดสินใจหันหลังให้กลับสถานที่ที่คุ้นเคยมานานเป็นแรมปี การเดินหนีออกจากสังคมและผู้คน (ทางตัวหนังสือ) ที่ก้อนหินรัก ...ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บางที..อารมณ์ของโลกเสมือนอาจจะทำให้ความรู้สึกที่คนแสดงออกมาเกินธรรมดาได้มากไป จนทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว


 


ก้อนหินอยากลองกลับไปศึกษาโลกความเป็นจริงที่เคยละทิ้งมาอีกซักครั้ง อย่างน้อย ก้อนหินอาจไม่โดนตราหน้าเหมือนตอกอักษรลิ่มลงกลางศีรษะให้เป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีข้อแก้ตัวเหมือนเมื่ออยู่ในอินเตอร์เน็ต


 


"แม่คะ ... ก้อนหินยกคอมพิวเตอร์ไปไว้ในห้องนั่งเล่นดีกว่านะคะ ไม่อยากเอาไว้ในห้องนอนแล้ว"  ก้อนหินได้มองหน้าแม่อย่างพิจารณาเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แม่แก่ลงไปเยอะน่าดู สงสัยเด็กนักเรียนที่แม่สอนอยู่จะดื้อมาก การกลับเข้าสู่โลกความจริงเริ่มทำให้ชีวิตสดใส อย่างน้อยก้อนหินก็ได้พิจารณาอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยจะเคยมองแล้ว


 


"ยังไงก็ได้ค่ะ...ลูก" แม่เดินมาช่วยเก็บสายไฟ


"ดีเหมือนกันนะ ก้อนหินหมกมุ่นอยู่กับอินเตอร์เน็ตมากๆ มันอันตราย เมื่อวานนี้แม่ได้ยินพวกเด็กนักเรียนเค้าคุยกันถึงเรื่องนัดแนะกันไปชุมนุม เห็นว่านัดแนะกันทางอินเตอร์เน็ตไว้หลายคน เด็กพวกนี้ไม่ไหว .... อ่อนหัดแล้วยังไม่รู้ตัว สมน้ำหน้า ตอนนี้สนธิเงียบหายไปแล้ว......"


 


แม่ยังพูดต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว แต่ก้อนหินนั้นอ้าปากค้างอยู่ที่มุม 38 องศาไปเรียบร้อย ลืมไป...แม่เป็นครู และจากสถิติผสมการเหมารวมครูจำนวนมากมายที่ก้อนหินเคยเจอชอบทักษิณ (หรืออีกนัยหนึ่ง ชอบนโยบายเรื่องเกี่ยวกับ วิทยฐานะหรืออะไรซักอย่างที่ทำให้ได้เงินเดือนเพิ่ม)


 


"หนูก็เกลียดทักษิณ .... แต่ไม่อยากเป็นพวกเดียวกับสนธิได้มั้ยคะ ขอร้อง....." ก้อนหินวิงวอนต่อแม่โลกแห่งความเป็นจริงด้วยความปวดร้าว


 


ได้มั้ยคะ.... ทุกคน