Skip to main content

(ไม่ใช่แค่) ป๊อปคอร์น

คอลัมน์/ชุมชน

๒๔ ๑/๖


 


ก่อนที่คุณๆ จะอ่านบทความชิ้นนี้ ผมคงต้องขอเตือนกันด้วยความหวังดีว่า บทความชิ้นนี้จะไม่การวิพากษ์วิจารณ์ ไม่มีการพูดถึงเนื้อหาสาระ แม้กระทั่งจะไม่มีการพูดถึงฉากประทับใจในหนังสักเรื่อง


 


พูดง่ายๆ ก็คือบทความชิ้นนี้ จะไม่มีการพูดถึงหนังเลยแม้แต่เรื่องเดียว


 


แต่ไอ้สิ่งที่ผมจะพูดถึงในครั้งนี้ คือองค์ประกอบหนึ่งที่ดูไม่ใคร่จะสำคัญสักเท่าไหร่นัก แต่สำหรับบางคน... หากขาดมันไปก็เหมือนจะทำให้การดูหนังของเขาทอนรสชาติลงมาบ้าง


 


ไอ้สิ่งที่ว่าคือ...ของกินระหว่างดูหนังนั่นเอง


 


แม้เราจะรู้ว่าการกินอาหารระหว่างดูหนังไปด้วยจะเสี่ยงต่อการขยายก้อนไขมันบนพุงแบบไม่ตั้งใจ แต่สำหรับหลายๆ คน รวมทั้งตัวผมเองก็อดใจไม่ได้ แหม...การนั่งดูหนังพร้อมๆ กับกินอะไรเล็กๆ น้อยๆ นั้นเป็นความสุขแบบหนึ่งทีเดียว


 


พูดถึงของกินในโรงหนังยุคปัจจุบันนั้น ที่เราคิดถึงโดยปกติก็คือข้าวโพดคั่ว หรือถ้าเราจะเรียกให้ดัดจริตขึ้นเล็กน้อยพองามก็ต้องเรียกมันว่า "ป๊อปคอร์น" ตามด้วยน้ำอัดลม (คงหาคนไม่กี่คนที่สามารถกินข้าวโพดคั่วอย่างเดียวโดยไม่ต้องกินน้ำตามโดยไม่รู้สึกฝืดคอจนหนังจบได้) และบรรดาของกินเบ็ดเตล็ดอื่นๆ จำพวกลูกอมและขนมห่อต่างๆ


 


แต่ถึงอย่างนั้นเถอะ ด้วยราคาของกินหน้าโรงหนังที่แพงกว่าปกติ จึงทำให้หลายๆ ครั้งเราเลือกที่จะใช้บริการของกินนอกโรงหนัง ซึ่งมักจะมากจากร้านสะดวกซื้อ หรือไม่ก็จากร้านอะไรก็ได้แถวๆ นั้นที่มีรายการลดราคา (โดยเฉพาะถ้าโรงหนังที่ว่าอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือว่าโรงหนังแห่งนั้นทำตัวเป็นห้างสรรพสินค้าเอง...ก็จะมีร้านจำพวก "อาหารเร็วๆ" ที่มักจะมีใบปลิวลดราคามายั่วน้ำลายเสมอๆ)


 


อย่างเช่นครั้งหนึ่งที่ผมกับแม่ชบาแก้วของผมไปดูหนังด้วยกัน (สำหรับท่านที่ไม่เก็ตมุข ขอให้ย้อนกลับไปอ่านตอน "ดูก้านกล้วยแบบคนคิดมาก" ครับ) ที่โรงหนังในห้างแห่งหนึ่ง บังเอิญว่าเราได้รับใบปลิวลดราคาแบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่งจากร้าน "อาหารเร็วๆ" ที่มีตัว M เป็นสัญลักษณ์ ในวันนั้นอาหารประกอบการดูหนังของเราทั้งคู่จึงเป็นมันฝรั่งทอดขนาดใหญ่สองชุดเต็มๆ (ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้เจ้ามันฝรั่งสองชุดใหญ่นั้นก็สูญหายไปอย่างลึกลับ ทิ้งไว้เพียงกล่องเปล่าๆ สองกล่องไว้ดูต่างหน้าหลังหนังจบเท่านั้น :-P)


 


แต่การกินมันฝรั่งทอดในโรงหนังนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกิน ถ้าเทียบกับ "ของกินในโรงหนัง" ของพ่อลูกคู่หนึ่งที่ผมได้พบเมื่อคราวผมไปดู "หนุมานพบเจ็ดยอดมนุษย์" ที่โรงหนังเฉลิมกรุง (ถึงตรงนี้อย่าเพิ่งเร่งรีบเดาอายุผมว่าเลยหลักสี่ไปแล้วเชียวนะ เพราะผมไปดูหนังเรื่องนี้ในคราวที่มันถูกนำมาฉายใหม่เมื่อสักสี่ซ้าห้าปีนี้เอง)


 


พ่อลูกคู่นั้นแกล่อบะหมี่หมูแดงเลยครับ...


 


เอ่อ...ก่อนที่จะเลยเถิดไปกว่านี้ เรากลับไปถึงของกินหน้าโรงหนังแบบปกติกันก่อนเถอะครับ


พูดถึงราคาของอาหารหน้าโรงหนังที่มักจะแพงกว่าที่เห็นตามปกติแล้ว ผมเคยคิดสงสัยว่า ทำไมเจ้าข้าวโพดคั่วและน้ำอัดลมที่อยู่หน้าโรงหนังถึงมีราคาแพงกว่าของแบบเดียวกันที่เราสามารถหากินได้ทั่วไป


 


ไอ้เรื่องความต่างของวัตถุดิบ และบรรดาค่าใช้จ่ายที่ใช้กับสถานที่ก็น่าจะเป็นไปได้กระมัง แต่มันจะทำให้ราคามันสามารถแพงขึ้นได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ


 


แต่เมื่อผมเห็นบรรดา "ชุดคอมโบ" ทั้งหลายทั้งปวง ที่มักจะเป็นน้ำอัดลมที่ตัวแก้วมีภาพโฆษณาหนังที่กำลังเข้าในช่วงนั้น (แถมที่ฝาแก้วก็ยังมีรูปตัวละครในหนังให้เราเห็นอีกแฮะ) บวกกับข้าวโพดคั่วที่มีภาพแบบเดียวกับที่อยู่ในแก้วน้ำแปะอยู่ในถังใส่ข้าวโพดด้วย


 


เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วไอ้ค่าข้าวโพดและน้ำอัดลมที่เราต้องจ่ายเพิ่มนั้น อาจจะจ่ายให้กับภาพสวยๆ ที่เราเห็นบนบรรจุภัณฑ์พวกนั้นก็ได้ ซึ่งสำหรับบรรดานักสะสมของที่ระลึกจากหนัง ก็คงไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนสักเท่าไหร่


 


แต่ถ้าคุณไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นั้น แต่แค่เพียงนิยมการกินในโรงหนังนั้น...เราจะต้องจ่ายเงินกับการดูหนังบนถังป๊อปคอร์นด้วยเหรอ?