Skip to main content

Galaxy Express 999 : แดนศิวิไลซ์อยู่ไหนหนา...

คอลัมน์/ชุมชน

เด็กใหม่ในเมือง


 


"การ์ตูนเป็นเรื่องสำหรับเด็กเท่านั้น" นับเป็นความเชื่อหนึ่งที่ฝังหัวอยู่ในคนไทยส่วนใหญ่มาช้านาน จนทำให้ผู้ใหญ่ที่อ่านการ์ตูนมักจะถูกประทับตราข้อหา "เป็นเด็กไม่รู้จักโต" จากคนรอบข้าง


 


แล้วมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เหรอ?


 


จริงอยู่ ที่การ์ตูนมักจะเป็นสื่อแรกๆ ที่ถูกใช้เพื่อสื่อสารกับเด็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการ์ตูนจะไร้ความสามารถในการสื่อสารกับวัยอื่นๆ ในทางตรงกันข้าม หลายๆ ครั้งการ์ตูนถูกใช้เป็นเครื่องมือบอกเล่าเรื่องราวในโลกของผู้ใหญ่ ทั้งชีวิต, การเมือง, ปัญหาสังคม เรื่อยไปจนถึงเนื้อหาเชิงปรัชญา (ซึ่งการ์ตูนที่มีเนื้อหาเหล่านี้ คนบางคนที่เอาแต่อยู่ใน "หลุมดำ" แห่งความเชื่อที่ว่าการ์ตูนต้องเป็นเรื่องสดใส ไร้เดียงสาสำหรับเด็กก็คงไม่คิดที่จะทำความเข้าใจหรอก...)


 


อย่างการ์ตูนที่ผมจะพูดถึงวันนี้ น่าจะถือเป็นงานชิ้นคลาสสิกของวงการการ์ตูนแนวไซ-ไฟญี่ปุ่นไปแล้ว นั่นคือการ์ตูนเรื่อง Galaxy Express 999 (ที่ในอดีตเราอาจจะรู้จักในชื่อ "รถด่วนอวกาศ 999") ผลงานการเขียนของมัสสึโมโตะ เรจิ ที่สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจเพิ่งได้ลิขสิทธิ์การตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ และเพิ่งตีพิมพ์ฉบับที่ 1 ออกมาให้เราได้อ่านเมื่อไม่นานมานี้


 




 


Galaxy Express 999 เป็นเรื่องที่จินตนาการฉากหลังเป็นโลกที่มนุษย์สามารถแปลงร่างกายตัวเองให้เป็นจักรกล เพื่อยืดอายุตัวเองให้อยู่ยาวนาน แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายจักรกลก็เป็นของแพงสำหรับมนุษย์บางส่วน ทำให้ร่างจักรกลกลายเป็นเครื่องมือในการแบ่งชนชั้นทางสังคม มนุษย์ที่ไม่มีร่างจักรกลกลายเป็นพลเมืองชั้นสองที่มีค่าเทียบเท่ากับสัตว์


 


โฮชิโนะ เท็ตสึโร่ เป็นเด็กชายธรรมดาที่แม่ถูกมนุษย์จักรกลฆ่าตาย (เพื่อนำร่างกายไปสต๊าฟฟ์ติดข้างฝาคฤหาสน์!) แต่แม่เขาได้สั่งเสียก่อนตายว่าถ้าขึ้นรถด่วนกาแล็กซี่ 999 ไป จะได้พบกับสถานีดาวเคราะห์ที่มีร่างกายจักรกลแจกฟรี หลังจากนั้นเท็ตสึโร่ได้พบกับเมเธล – หญิงสาวลึกลับที่มอบบัตรโดยสารรถด่วนสาย 999 ให้กับเขา โดยมีข้อแม้ว่าเขาจะต้องเดินทางไปด้วยกัน


 


หลังจากนั้น...การเดินทางไปทั่วจักรวาลของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้น


 


ระหว่างการเดินทางของทั้งคู่นั้น พวกเขาต้องผ่านดวงดาวมากมาย เช่นดวงจันทร์ไททันของดาวเสาร์ที่บ้านเมืองถูกสร้างด้วยวิทยาการจนงดงาม  แต่มนุษย์กลับอยู่อย่างไร้ระเบียบ หรือใน "ดาวของพรุ่งนี้" ที่อยู่ในโลกก่อนยุคอนาคต แต่ผู้คนกลับมีน้ำจิตน้ำใจให้กัน รวมถึงผู้คนมากมายที่ทั้งคู่ต้องพบ ไม่ว่าจะเป็นอัศวินดำ – เจ้าของดวงดาวที่ไม่มีใครยอมรับที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ร่างจักรกล แต่ผลที่ได้คือร่างกายจักรกลที่น่าเกลียด หรือบีโทเฟ่น – นักดนตรีหนุ่มผู้ทะเยอทะยานเพื่อการเป็นนักแต่งเพลงชื่อดังบนดาวแห่งหยดน้ำ


 


คล้ายกับว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะตั้งคำถามถึง "ความเจริญ" ผ่านทางสัญลักษณ์ของ "ร่างกายจักรกล" ที่แห้งแล้ง ขาดชีวิตจิตใจ และกว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองสูญเสียอะไรไปก็สายเสียแล้ว เหมือนกับที่เซโรนีโม-มนุษย์จักรกลบนดาวอังคาร ที่พยายามปล้นตั๋วรถไฟจากเท็ตสึโร่พูดเอาไว้ก่อนสิ้นใจว่า...


 


"เพราะฉันรู้แล้วว่านายมีร่างกายที่มีชีวิต มีเลือดเนื้อ ไม่ใช่จักรกล เมื่อก่อนฉันก็เหมือนกัน... ก่อนจะล่องลอยมาถึงที่นี่ ช่วงที่เพิ่งออกเดินทาง ฉันก็เหมือนกัน ในอกที่มีหัวใจจริงๆ ที่มีเลือดไหลผ่านเต้นอยู่ เต็มไปด้วยความฝันและความหวัง


 


ไปเถอะ! ไม่มีเวลาแล้ว! รักษาร่างกายนั้นให้ดีนะ ถ้ารอให้เป็นจักรกลแล้วมันจะสายเกินไป!"


 


@#@#@#@#@#@


 


ตอนที่ผมเขียนถึงการ์ตูนเรื่องนี้ ผมคิดถึงเพลง "ลุงคิดกับหลานชิดชัยและแดนศิวิไลซ์สุดของฟ้า" ในอัลบั้ม "แดนศิวิไลซ์" ของคุณธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ในท่อนที่ว่า


 



 


"ตะวันลับ จับทิวไม้


ดวงจันทร์ฉาย กลับกลายเช้าอยู่หลายครา


อาหารที่เตรียมไปและยา


เริ่มหมด คนเริ่มคด มีปัญหา


 


ใจอยากพบแดนไกล แดนศิวิไลซ์ที่ไขว่คว้า


ไยมาพบดินแดนยากแค้น ดิ้นรน และโหยหา"


 


ผมคิดถึง "สาร" ที่ Galaxy Express 999 พยายามส่งผ่านไปยังผู้อ่าน ก็อดคิดต่อจากเพลงๆ นี้ไม่ได้ว่าจริงๆ แล้ว "แดนศิวิไลซ์" ที่เต็มไปด้วยความเจริญทางเทคโนโลยีอย่างเต็มสูบนั้น อาจเป็นเพียงความว่างเปล่า


 


ยิ่งเมื่อเห็น "ผู้มีบารมีในรัฐธรรมนูญ" บางคนกำลังนำประเทศไปสู่ความเป็นดินแดนมนุษย์จักรกลแล้วนั้น ก็ได้แต่ถอนหายใจ