สวนของนักเขียน 4 : ผู้ปรารถนาจะใช้ชีวิตอยู่ในป่า
คอลัมน์/ชุมชน
ผู้ปรารถนาขอมีชีวิตอยู่กับป่าและก็ได้อยู่ในป่าจริง ๆ
ไปดูการใช้ชีวิตในป่าของครอบครัวนี้กันเถอะ บ้านหลังใหญ่ในหุบเขา อยู่อย่างไรไม่ให้รบกวนธรรมชาติไม่ทำลาย และมีความสุขด้วย และต่างรับใช้ซึ่งกันแหละกัน นอกจากนำไม้ดอกไม้ใบเข้ามาปลูกในป่า เพื่อตกแต่งป่าให้สวยงาม หรือช่วยปลูกไม้ให้กับป่า
ฉันพบว่า ที่นี่มีพันธุ์ไม้จากที่ต่าง ๆ มากมาย เพราะทันทีที่มีคนรู้ว่าเขาชอบปลูกต้นไม้และดูแลตกแต่งป่า บรรดาเพื่อน ๆ ญาติมิตรก็นำพันธุ์ไม้มาให้เขาปลูก
สมาชิกชุมชนคนรักป่าคนหนึ่ง เขียนจดหมายมาคุยกับฉัน เรื่องคนปลูกต้นไม้ เธอบอกว่าอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วอยากจะคุยกับใครสักคนและบังเอิญเธอได้อ่านข้อเขียนของฉันเรื่อง "ลูกสาวบ้านนั้นปลูกต้นไม้ให้ถนน" ที่ฉันเขียนในสานใจคนรักป่า
เธอเล่าเรื่องย่อ "คนปลูกต้นไม้" ว่า ผู้ชายคนหนึ่งปลูกต้นไม้บนที่ว่างเปล่า เขาปลูกไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจว่าเป็นที่ดินของใคร เขาชื่อบุฟฟิเยร์
บุฟฟิเยร์ โดนคนของรัฐตรวจสอบ...เขาโดนเจ้าหน้ารัฐเพ่งเล็งเหมือนกัน แต่ไม่ถูกจับและไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ
ผู้คนทั่วไปก็คงคิดว่า บุฟฟิเยร์ เป็นคนแปลก ๆ เขาจะปลูกต้นไม้ไปทำไม น่าจะเอาเวลามาทำงานของตัวเองที่เป็นประโยชน์เพื่อตัวเองมากกว่า
ฉันเขียนจดหมายตอบกลับไปว่า และแนะนำให้เขาไปอ่านเรื่องสวนของคนขี้เกียจ ของสุวิชานนท์ รัตนพิมล สวนของคนขี้เกียจเป็นสวนของชาวปกาเกอญอ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ท่านโรยเมล็ดพันธุ์ลงไปบนดิน และปล่อยให้มันขึ้นเองโดยธรรมชาติ เมื่อหน้าแล้งที่ท่านทำก็คือตัดต้นกล้วยไปวางรอบโคนต้นให้มันได้น้ำจากโคน ปลูกไปเรื่อย ๆ สารพัดอย่างในสวนให้นกกินบ้างให้ผลสุกหล่นลงโคนต้นบ้างเพื่อเพิ่มปุ๋ย การทำสวนของท่านคล้าย ๆ คนขี้เกียจ แต่เป็นการทำกินแบบพอเพียง ไม่ต้องพึ่งปุ๋ย ไม่ต้องใช้สารเคมี จะไปเก็บกินเมื่อไหร่ก็ได้ ให้เพื่อนบ้านกินด้วย
และตอนนี้ฉันกำลังเขียนเรื่อง สวนของนักเขียนตอน "นักตกแต่งป่า"
ที่เมืองเหนือมีคำอยู่คำหนึ่ง คำว่า "ของหน้าหมู่" ของหน้าหมู่คือของส่วนรวม แม่น้ำ ลำคลอง ภูเขา ป่าไม้ ทะเล ถนนหนทาง ล้วนเป็นของหน้าหมู่
บุฟฟิเยร์ คงจะคิดว่าปลูกต้นไม้เพื่อเป็นของหน้าหมู่เหมือนกัน
เมืองไหน ๆ ก็ต้องมีของหน้าหมู่ ของสาธารณะที่ใช้ร่วมกันทั้งสังคมหรือใช้ร่วมกันทั้งโลก เช่นแม่น้ำที่ไหลผ่านมาหลายประเทศ ธารน้ำที่ไหลมาจากต้นน้ำบนภูเขาสูง
"นักเขียน นักตกแต่งป่า" เป็นคนชอบสนทนาและนับว่าเป็นข้อดี เพราะมีคนเชื่อมั่นและศรัทธา ดังนั้น ถ้าท่านพูดหรือเขียนอะไรออกไปจะส่งผลกระทบได้ง่าย
วันหนึ่งมีน้องนักข่าว วัยเยาว์ถามว่า เห็นด้วยไหม ? ที่กับโครงการที่รัฐจะย้ายคนออกจากป่า
โธ่ จะเห็นด้วยได้อย่างไร ในเมื่ออยู่ในป่า ฉันอยากจะตอบแทนน้องนักข่าวอย่างนั้น
"ไม่เห็นด้วย แต่เราต้องยอมรับว่ามีบางอย่างที่ชาวบ้านไม่รู้ มีบางอย่างที่ต้องหาความรู้จากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น ต้องมีวิธีการที่ว่า จะอยู่อย่างไร ต้องมีกฎเกณฑ์บ้างเหมือนกัน บางอย่างเขาไม่รู้ก็ต้องให้ความรู้ บางอย่างที่เขารู้และทำดีอยู่แล้วก็ต้องสนับสนุน"
นับว่าเป็นบทสรุปที่ชัดเจนมาก มีกฎเกณฑ์ร่วมกัน และสนับสนุนสิ่งที่เขาทำดีอยู่แล้ว เพราะคนอยู่กับป่าย่อมเข้าใจธรรมชาติแห่งป่าเขาได้ดี เขาเรียนรู้ด้วยชีวิต