Skip to main content

ใจเสีย

คอลัมน์/ชุมชน

 


เยอ เหม่ ญา เนอ แต เลอ เนอ แอะ ยา                      ตือ เยอ ลอ คี เนอ แล แน ดอ ปวา กา


เนอ ต่า เก่อ โต เลอ เนอ แต หมึอ เยอ ซะ                 เต่อ โจ นา  เก่อ แอะ แทะ ยา เต่อ กา


เนอ กุ ยา  แน เนอ ซะ เออ โดะ แล                          เนอ ธี่ ปวา กา เก นอ ยา ดอ เนอ แล


ดิ ต่า เก่อ โต แม ญา แกวะ เอะ แกวะ จอ                   ตือ ลอ คี เกะ ธ่อ แกวะ เอะ ฉี่ บอ


 


ต่อหน้าฉันสัญญาว่าเธอรักฉัน                                  พอลับหลังเธอหันไปกับคนอื่น


วาจาเธอเอ่ยให้ฉันหลงตายใจ                                  ทั้งกายทั้งใจเธอมอบให้ฉันผู้เดียว


เธอหลอกฉันใจเธอช่างดำเหลือเกิน                           เห็นคนอื่นเลิศเธอจึงทอดทิ้งฉันไป


ดั่งภาษิตว่า "ต่อหน้าเหมือนน้ำผึ้งหวาน                       ลับหลังเหมือนขี้ผึ้งบูด"


 


                                                (ส่วนหนึ่งของเพลงใจเสีย)


คำร้อง-ทำนองโดย ชิ สุวิชาน


                                                                        อัลบั้ม เพลงนกเขาป่า


 


ผมนั่งเครื่องยนต์หุ้มเหล็กสี่ล้อจากเชียงใหม่สู่ดินแดนที่ฝังรกของผม ดินแดนที่โชยด้วยกลิ่นสน สาบขุนเขา ไอ แม่น้ำและอุ่นรักแห่งชนเผ่าผม คนปวาเก่อญอ


 


มูเจ่คี บ้านเกิดเมืองนอนของผม วันนี้เธอเปลี่ยนไป เธอดูแปลกตา เธอดูเหมือนไม่ค่อยคุ้นเคยกับผม  เธอดูห่างเหิน จากความเป็นสังคมปวาเก่อญอ  เธอเริ่มกลายเป็นสังคมเมือง  เธอเปลี่ยนไปหรือฉันเปลี่ยนแปลง? เธอพัฒนาหรือแค่ทันสมัย?


 


เธอ - - ต้นไม้ แม่น้ำ  ผีเสื้อ  สายลม  ขุนเขา และดอกหญ้า คิดอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงของเธอบ้าง ฉันอยากรู้จัง ? และเธอเองคิดอย่างไร? จำนน? จำยอม? จำเป็น? จำใจ? หรือ ยินดี ? ยินยอมหรือเรียกร้อง?


 


แต่การกลับมาสู่อ้อมอกแม่ครั้งนี้ คงไม่ได้มีโอกาสคุยและถามความเป็นไปของเธอมากนัก


 


ผมกลับมาทำหน้าที่บางอย่างที่กฎหมายได้บัญญัติไว้


ในฐานะพลเมืองหรือประชาชนคนไทยคนหนึ่ง


เหมือนการย้อนสู่คืนวันเก่า  ผมกลับมาฟังเรื่องบ่นของแม่ข้างเตาไฟ 


กลับมาฟังเสียงเตือนของพ่อข้างเตาผิง  แต่เรื่องที่บ่นเสียงที่เตือนเปลี่ยนไปจากเรื่องเรียน เรื่องค่าเทอม  ค่ากินค่าอยู่ เปลี่ยนมาเป็นความคิดถึง การเฝ้าหา  แต่เสียงและเรื่องที่ไม่เปลี่ยนคือความรัก ความห่วงหาอาทรที่มีต่อลูก                                                                                                                                                                                                     



 


 


หลังจากทานข้าวเย็นในบ้านไม้ทรงปวาเก่อญอ


การนั่งสนทนาพร้อมดื่มน้ำชารอบเตาไฟตามวิถี


คนมูเจ่คี ดำเนินไปอย่างปกติ


 


โฮ้! โฮ้! โฮ้!  เสียงฉุ่ยโหม่ซู  หมาเพศแม่เห่าทำหน้าที่ส่งสัญญาณถึงเจ้าของบ้านว่ามีคนมา


เขา…เพื่อนผมสมัยเรียนชั้นมัธยมต้นในหมู่บ้านด้วยกัน  บัดนี้เขาจบปริญญาตรีจากกรุงเทพฯ


 


"โอะ มึ โช เปอ" ผมทักทายเขาพร้อมกับเชิญเขานั่ง


"ต่าบลื้อ" เขากล่าวพร้อมกับรับน้ำชาที่ผมยื่นให้


 


"คิดอย่างไร  ถึงลงสมัครกับเขาด้วย?" ผมถาม


"ก่อนผมจะลงสมัคร  ผมไปถามครูบาอาจารย์หลายท่านและชาวบ้านส่วนมากเขาบอกให้ผมลง  และผมเองอยากกลับมารับใช้และพัฒนาบ้านเกิดของเรา" เขาตอบ


 


"กระแสเป็นไงบ้าง?" ผมสอบถามเขา


"ตอนนี้ กระแสผมดีมาก ผมเป็นเต็งหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้  ผมได้รับการตอบรับจากชาวบ้านดีมาก  ผมไปมาแล้วทุกหมู่บ้าน  ทุกตำบลในเขตเลือกตั้งนี้  เขาบอกว่าเขาเลือกผมแน่นอน" เขาตอบด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ


"พรุ่งนี้ อย่าลืมกาเบอร์ผมนะ" เขาย้ำผมอีกที ก่อนขอตัวกลับ


 


หลังจากการเลือกตั้งผ่านไปสองวัน ผมจึงต้องจากป่าสนสู่แดนป่าคอนกรีตอีกครั้ง จากมูเจ่คีด้วยความเป็นห่วงกังวลว่า เธอจะเปลี่ยนใจไปกับกระแสทุนนิยมที่เข้ามาจีบ และตื๊อเธออย่างไม่ลดราวาศอก แต่ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ


 


เย็นวันนั้น…ณ ป่าปูนแห่งนครพิงค์  เขาควบมอเตอร์ไซด์มาหาผม  ผมสังเกตและสัมผัสถึงกลิ่นเมาของเขาจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาเมาอะไรนอกจากนั้นอีกหรือเปล่า


 


"ผลการเลือกตั้งเป็นไงบ้าง?" ผมถามเขาด้วยความตื่นเต้นและลุ้น


"คะแนน ผมมาอันดับสุดท้าย ไม่น่าเป็นไปได้เลย ผมไปที่ไหนมีแต่คนบอกว่าจะเลือกผม หลังเลือกตั้งเขาก็บอกว่าเขาเลือกผม  พอเลือกตั้งเสร็จกลับไม่ได้  แต่ผมได้ข่าวว่าเขาทุ่มเงินซื้อเยอะนะ"


 


"แล้วจะเอาไงต่อ?  จะร้องเรียนไหม?"ผมถามความเห็นเขา


"ผมพอแล้ว ผมไม่เอาแล้ว" เขาส่ายหัวแล้วพูดออกมา พร้อมถอนหายใจอย่างผิดหวังรุนแรง


 


"ทำไมไม่เอารถยนต์มา?" ผมถามหาพาหนะคู่ใจของเขา


"รถเสีย  เข้าอู่เอาไปซ่อม หาเสียงขึ้นดอยจนเครื่องยนต์เกือบพัง ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าซ่อม  หมดเนื้อหมดตัวก็คราวนี้แหละ" เขาบ่นอย่างท้อแท้


 


บางทีรถเสีย สามารถเข้าอู่ซ่อมได้ ชำรุดจุดไหนมีอะไหล่ให้เปลี่ยน  แต่หากใจเสียหรือชำรุดนี่ซิ ต้องเอาไปซ่อมที่ไหนบ้าง?


 


เราอยู่ท่ามกลางสังคมที่เสี่ยงต่อภาวการณ์ใจเสีย  ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา  คนรอบข้าง การเยียวยารักษาซ่อมแซมหัวใจซึ่งกันและกัน เป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ต้องกระทำในการอยู่ร่วมกัน หัวใจไม่ได้ถอดทิ้งถอดขว้างหรือเปลี่ยนกันง่ายๆ 


 


วิธีการดูแลรักษาหัวใจตนเองและคนรอบข้าง เพื่อการขับเคลื่อนของชีวิตคือ  การตรวจเช็คน้ำใจไม่ให้แห้ง  ถ่ายเทน้ำมันล่อลื่นแห่งรักทุกระยะของการเดินทาง  เติมน้ำมันความห่วงใยอาทรที่ไร้สารแห่งความเห็นแก่ตัว  ติดตั้งระบบดิสเบรกแห่งโลภ โกรธหลง 


 


ตรวจสอบสัญญาณไฟแห่งความเข้าใจให้ดี  พวงมาลัยรถยนต์ใช้ระบบคุณธรรมและศีลธรรมในการบังคับเลี้ยว  หมั่นล้างความห่างเหินของการพบเจอพูดคุย และใส่ล้อการเดินทางที่เกาะเกี่ยวความสัมพันธ์เกื้อกุลกันระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติและคนกับสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างสมดุล 


 


ปล. อุปกรณ์เหล่านี้ไม่มีขายในกลไกตลาดของระบบทุนนิยมนะครับท่าน!!!