Skip to main content

นึกว่าแอบดีแล้วเชียว

คอลัมน์/ชุมชน

ชีวิตของหญิงรักหญิงนี่บางด้านบางมุมก็เหมือน ๆ กับผู้หญิงอื่น ๆ แต่บางด้านบางมุมถ้ามีการเก็บข้อมูลทางสถิติแล้ว ผลที่ได้ออกมาคงจะเป็น "แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ"


เรื่องหนึ่งที่ฉันคิดว่าต่างมากก็คือ ประสบการณ์การแอบ แอบในที่นี้ก็คือ การปกปิดว่าตัวเองรักผู้หญิง มีแฟนผู้หญิง หรืออยู่บ้านเดียวกับแฟนผู้หญิงมาสิบกว่าปีแล้ว หญิงรักหญิงที่ฉันรู้จักทุกคนผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแอบน้อย แอบมาก แอบเป็นครั้งคราว หรือแอบตลอดกาล บางคนแอบจนเป็นนิสัย บางครั้งฉันต้องเตือนเพื่อนที่แอบจนเป็นนิสัยให้รู้ตัวว่า จะไปแอบทำไมเนี่ย แถวนี้แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตที่พูดได้อยู่เลยนะ


บางครั้งคำว่า "อีแอบ" ก็เป็นคำตลก ๆ สำหรับคนที่ไม่เคยเจอประสบการณ์นี้ อย่างเช่นหนังที่กำลังจะเข้าโรงเร็ว ๆ นี้เรื่อง "แก๊งชะนีกับอีแอบ" นำทีมโดยคุณกาละแมร์ ฟังชื่อก็เดาได้ทันทีโดยไม่ต้องเห็นหน้าคุณกาละแมร์ว่า นี่คือหนังตลก แต่ชีวิตจริงของคนที่ต้องแอบนี่สิ มันน่าอึดอัดแสนสาหัส เหมือนต้องอยู่ในที่ ๆ หายใจไม่ทั่วท้องตลอดเวลา ถึงคุณวิทยา แสงอรุณ เจ้าของคอลัมน์ เลิกแอบเสียที ใน Metro Life จะออกมาชวนให้ชาวสีม่วงเลิกแอบ (ซึ่งฉันก็เห็นดีเห็นงามด้วย) แต่บางครั้งบางคราว ในสังคมที่ยังมีอคติและความรุนแรงต่อคนรักเพศเดียวกัน มันก็ยังมีความจำเป็นจะต้องแอบ โดยเฉพาะในภาวะที่ถ้าเปิดเผยตัวไปแล้วจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรือถ้าพูดไปแล้วจะทำให้คนที่เรารัก เกิดอาการโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน อันนี้ก็อาจจะเป็นการเสี่ยงเกินไป


แต่อย่างไรก็ตาม ฉันแทบจะไม่เคยเจอใครเลยที่แอบได้สนิท โดยไม่มีใครรู้ หลาย ๆ ครั้งเราไม่ต้องเป็นฝ่ายเปิดเผยตัวเองเลย เพราะจะมีผู้คนที่เรารู้จักและไม่รู้จักเป็นฝ่ายเปิดเผยให้เราเอง


เรื่องเด็ดที่ฉันชอบมากคือ เรื่องของรุ่นพี่คนหนึ่ง เธออยู่กับแฟนผู้หญิงมาหลายปีแล้ว แล้วก็คิดว่าไม่มีใครรู้ วันหนึ่งเธอเดินเข้าซอยบ้าน เห็นกล้วยเลยแวะซื้อ แม่ค้าผู้แสนดีกลับพูดกับเธอว่า "คุณไม่ต้องซื้อหรอก เมื่อกี้แฟนคุณเขาซื้อไปแล้ว" รุ่นพี่ถึงกับอึ้ง นี่ขนาดแม่ค้าขายกล้วยยังรู้เลย แล้วแม่ค้าแผงอื่น ๆ จะรู้มั้ยเนี่ย


ฉันเองก็เคยเจอกรณีแม่ค้าเหมือนกัน แต่เป็นแม่ค้าขายอาหารนกที่สนามหลวง ฉันกับแฟนเอารถไปจอดในสนามหลวง พอจอดปุ๊บแม่ค้าขายอาหารนกก็เดินตรงมาต้อนรับทันที "ซื้ออาหารนกมั้ยจ๊ะ ถุงสิบบาท ต๊าย นี่หล่อทั้งคู่ เป็นทอมกันล่ะสิ สงสัยจะมีแฟนสวยกันทั้งคู่เลยนะ" ฉันกำลังงง ๆ ว่าตกลงเราสองคนเป็นทอมทั้งคู่เหรอเนี่ย แฟนฉันก็รีบยื่นเงินสิบบาทให้แม่ค้าทันที คือพยายามให้แกหยุดพูดให้เร็วที่สุด แล้วรีบจูงมือฉันเดินหนีทั้งแม่ค้าและนก ฉันเดินตามด้วยความงง ๆ เอ๊ะ แล้วเราสองคนก็มีแฟนสวยทั้งคู่ด้วย  เออ งั้นแม่ค้าก็ชมเราว่าทั้งหล่อทั้งสวยน่ะสิ ฉันล่ะนับถือความตาถึงของแม่ค้าจริง ๆ


เด็กก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ความใสซื่อบริสุทธิ์ของเขาทำให้การแอบของเราสั่นสะเทือน ตัวอย่างหนึ่งก็คือ เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งของฉันเป็นแฟนกับผู้หญิงที่อยู่ในหมู่บ้านต่างจังหวัด นี่ก็นึกว่าแอบดีแล้วเหมือนกัน แต่วันหนึ่ง เด็กสี่ขวบข้างบ้านมาเล่นด้วย แล้วอยู่ ๆ เด็กก็ถามอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ว่า "น้า ๆ น้าเป็นกะเทยเหรอ" แฟนเพื่อนหันขวับไปถามเด็กว่าใครบอกมา เด็กก็ใสซื่อบริสุทธิ์ตอบว่า "แม่หนูบอก" เพื่อนถึงกับเสียวไม่รู้ว่าป่านนี้จะรู้กันไปทั้งบางหรือยัง


ขอเล่าถึงเพื่อนผู้ชายที่เป็นเกย์ประกอบกรณีเด็กนี้ เพื่อนฉันคนนี้ตั้งแต่เด็กจนสามสิบต้น ๆ ชีวิตก็ปิดบังตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็จะมีคนมาถามเสมอ ๆ ตั้งแต่อยู่มัธยมแล้วว่า เป็นเกย์เหรอ เป็นตุ๊ดรึเปล่า หรือว่าเป็นกะเทย เพื่อนก็จะตอบปฏิเสธตลอดเวลา แต่มีช่วงหนึ่งได้ไปใช้ชีวิตใต้ร่มกาสาวพัตร์ มุ่งมั่นฝึกฝนปฏิบัติธรรม วันหนึ่งขณะที่พระหนุ่มกำลังเล่นอยู่กับเด็กวัดตัวกะเปี๊ยก อยู่ ๆ เด็กวัดก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า "หลวงพี่ ๆ หลวงพี่เป็นเกย์เหรอ" ใจหายวาบเลยครับ หันกลับไปกลับมา โชคดีไม่มีพระรูปอื่นอยู่แถวนั้น ปัจจุบัน เพื่อนคนนี้ปล่อยวางกับการแอบแล้ว เพราะแอบยังไงก็มีคนรู้จนได้ ไม่เว้นแม้แต่เด็กตัวกะเปี๊ยก


 คนบางกลุ่มนี่ฉันนับถือจริง ๆ ดูแวบเดียวก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร บางทียังไม่เห็นตัวก็รู้แล้ว ยิ่งกว่าพวกเรากันเองที่ติดเกย์ดาห์เสียอีก คนกลุ่มที่ว่านี้ก็คือ หมอดู บรรดาหมอดูนี่ทำเอาเพื่อน ๆ หญิงรักหญิงของฉันช็อคกันมาหลายรายแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนที่เรียนด้วยกันที่ซานฟรานคนหนึ่ง อยู่กับแฟนผู้หญิงโดยที่ทางบ้านเมืองไทยไม่รู้ วันหนึ่ง คุณแม่ของเธอก็เกิดเป็นห่วงลูกสาวที่อยู่แดนไกล เลยไปหาหมอดูให้ดูชีวิตความเป็นอยู่ของลูกสาวให้ หมอดูดูไปดูมาแล้วก็บอกแม่ว่า "เออ ช่วงนี้ระวังหน่อยนะ ดวงลูกคุณไม่ค่อยดี แล้วผู้หญิงที่อยู่ด้วยน่ะ คนนั้นเค้าร้อนมากเลยนะ แต่ไม่เป็นไร มันมีเพื่อนดี เพื่อนมันเย็นมาก" พอแม่โทรมาบอก เพื่อนถึงกับช็อค รีบโทรมาบอกฉัน "หมอดูเอ๊าท์ฉันแล้ว" แต่ก็ดีที่แม่ไม่ได้ว่า ไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่บอกให้คบฉันไว้ก็แล้วกัน ก็ฉันคือเพื่อนเย็น ๆ คนนั้นนั่นเอง โชคดีที่หมอดูไม่เอ๊าท์ฉันด้วยอีกคน ไม่เช่นนั้นแม่อาจเปลี่ยนใจ


 


ฉันเองก็เคยเจอหมอดูแม่น ๆ แบบนี้หลายราย รายหนึ่งเป็นยามหน้าหมู่บ้านที่ศึกษาวิชาหมอดู วันหนึ่งฉันเดินเข้าบ้าน แกก็โพล่งขึ้นมาต่อหน้ายามคนอื่น ๆ ว่า ฉันน่ะ "ใจเป็นชาย กายเป็นหญิง" ช็อคเช่นกัน ไม่รู้จะทำหน้ายังไง เลยรีบเดินเข้าบ้านและตั้งใจว่าจะไม่เดินเข้าหมู่บ้านอีกแล้ว นั่งสามล้อแทนดีกว่า อีกคราวหนึ่ง ในวงสนทนาอย่างไม่เป็นทางการของการอบรมอย่างเป็นทางการ มีผู้หญิงคนหนึ่งมีวิชาดูลายมือ ใคร ๆ ก็ไปรุมล้อมคุณพี่คนนี้ แล้วก็สรุปกันว่า คุณพี่นี่แม่นจริง ๆ ฉันก็เลยลองยื่นฝ่ามือเข้าไปให้คุณพี่เธอดูบ้าง คำแรกที่เธอพูดท่ามกลางผู้เข้าร่วมอบรมมากหน้าหลายตาก็คือ "โอ๊ย นี่มันมือผู้ชายหรือมือผู้หญิงกันนี่" ช็อคอีกแล้ว ฉันรู้ดีว่าที่คุณพี่เธอพูดน่ะหมายถึงอะไร ไม่ใช่ลักษณะทางกายภาพแน่นอนที่เหมือนผู้ชาย เพราะมือของฉันไม่ได้ใหญ่โตอะไร ใครดูก็รู้ว่าเป็นมือของผู้หญิง แล้วคุณพี่ก็ตามมาด้วยคำถามว่า "นี่มีแฟนแล้วรึยัง" ผู้เข้าร่วมอบรมต่างพากันสนอกสนใจ อยากรู้คำตอบ แต่ฉันน่ะ อยากจะดึงมือกลับแล้วไปเขียนไดอารี่ว่า ระวังหมอดูไว้ให้ดี


เพื่อน ๆ อีกหลายคนมีประสบการณ์กับหมอดูเช่นนี้ เช่น หมอดูดูปุ๊บแล้วพูดเลยว่า "คุณน่ะมีความรักที่แตกต่าง" หรือ "พออายุ 35 จะมีความรักที่เปลี่ยนไป" (คือจะไปรักคนเพศเดียวกัน) ซึ่งก็เกิดจริงตามที่หมอดูว่า เรื่องนี้ทำให้ฉันข้องใจมากว่า นี่ดูกันได้ถึงขนาดนี้จริง ๆ หรือ วันหนึ่งเจอเพื่อนที่เป็นหมอดูเลยลองถามดู เพื่อนบอกว่า "โอ๊ย พอเห็นดวงก็รู้หมดแหละว่าใครเป็นเกย์ ดาวมันขึ้นมาแบบเห็น ๆ" เรื่องนี้ก็คงต้องแล้วแต่ใครจะเชื่อไม่เชื่อ แต่ฉันคิดว่า สมาคมโหราศาสตร์อาจจะเป็นสมาคมต่อไปที่ออกมารับรองว่า "รักเพศเดียวกันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากยีนเกย์ หากแต่เกิดจากเวลาตกฟาก"


ประสบการณ์นึกว่าแอบดีแล้วเชียวเหล่านี้ ย้อนกลับไปดูก็หัวเราะกับมันได้ แต่ตอนที่เจอจริง ๆ นั้น บางทีตลกไม่ออก หลาย ๆ ครั้งถึงกับช็อค หัวใจจะหยุดเต้นเสียให้ได้  จริง ๆ หลาย ๆ ครั้งก็ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะแอบอะไร แต่บางทีก็เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ไม่ได้อยากให้แม่ค้าอาหารนกรู้ หรือให้หมอดูมาพูดเปิดเผยชีวิตคู่ของเราต่อหน้าคนแปลกหน้าอื่น ๆ อย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าหากสังคมเรายอมรับคนรักเพศเดียวกันมากกว่านี้ ฉันและเพื่อน ๆ คงลดอาการช็อคในชีวิตประจำวันได้มากกว่านี้ ใคร ๆ ก็อยากจะเป็นตัวของตัวเอง อยากบอกว่ากับครอบครัวว่าคน ๆ นี้คือแฟนของเรา อยากหายใจให้ทั่วท้อง และคงไม่มีใครอยากถูกล้อว่าเป็นอีแอบ


แต่ตราบใดที่สังคมยังไม่เป็นเช่นนั้น ฉันก็ขอเตือนเพื่อน ๆ ที่ยังมีความจำเป็นต้องแอบอยู่ว่า


 "โปรดระวังแม่ค้า เด็ก และหมอดูไว้ให้ดี !!!"