Skip to main content

ความล้มเหลวของบัตรเทวดา

เสียดายจริงๆ ที่รักษาการ ส.ว.ไม่สามารถทำงานได้เหมือนที่เคยทำได้ นอกจากการแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็เลยต้องมาใช้หนังสือพิมพ์นี้เป็นที่ตั้งคำถามให้หน่วยงานของรัฐตอบ


 


หากมีหน่วยงานประชาสัมพันธ์ หรือผู้บริหารที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันตอบก็กรุณาตอบมาได้ที่หนังสือพิมพ์เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจที่ดี เพราะข้อมูลที่ผมได้รับตั้งแต่ทำงานในวุฒิสภาเป็นข้อมูลที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ บัตรเทวดา หรืออีลิทการ์ด ยิ่งนับวันยิ่งเดินหลงทาง


 


คงจะจำกันได้ว่าผมเคยอภิปรายในวุฒิสภาว่าอีลิทการ์ดจะเป็นโครงการที่ล้มเหลวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะไม่สามารถหาสมาชิกบัตรเป็นแสนเป็นล้านคนอย่างแน่นอน จะเกิดภาวะขาดทุน และจะเสียงบประมาณโดยไร้ค่า จะไม่มีทางได้เงินเป็นหมื่นล้านแสนล้านเหมือนที่คุยไว้


 


และก็เป็นจริงดังคาด สามปีที่ผ่านมาปรากฎว่าขาดทุนมาโดยตลอด ใช้งบประมาณของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)นับพันล้านบาทแล้ว


 


สมาชิกบัตรที่หาได้ประมาณหนึ่งพันบัตร  ได้เงินมาพันล้านแต่ลงทุนไปมากมายมหาศาล เหมือนตำน้ำพลิกละลายแม่น้ำ ขาดทุนมาตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัทจนถึงปัจจุบัน แต่บริษัทฯ ยังเดินหน้าโครงการอย่างไม่มีวันที่จะแก้ปัญหาได้


 


ผมเคยติงว่าไม่มีสมาชิกที่ไหนในโลกที่ขายราคาหนึ่งล้านแล้วใช้บริการฟรีไปตลอดชีวิต  แล้วผู้บริหารอิลิทการ์ดก็แอบคิดค่าธรรมเนียมรายปีเป็นสี่หมื่นบาทต่อปี ทั้งนี้เพราะรู้แจ้งเห็นจริงตามที่โดนทักท้วงว่าต้องแบกภาระการใช้บริการในสถานที่ต่างๆเช่นสนามกอล์ฟ สปา ฯลฯ อย่างมหาศาล


 


นี่ดีนะที่มีการติงและทักท้วงในรัฐสภาอย่างกว้างขวาง การที่จะใช้ที่หลวง ที่ธนารักษ์ เพื่อสร้างโรงแรม สนามกอล์ฟ สปา ที่ททท.เคยคิดเอาไว้จึงไม่เกิด  เพราะโครงการของราชการที่ประสบผลสำเร็จที่สามารถแข่งกับเอกชนที่น้อยมาก มีแต่เจ๊ง แล้วให้เอกชนเช่าไปแล้วทั้งสิ้น เช่นสนามกอล์ฟบางพระ (ให้ญี่ปุ่นเช่า) โรงแรมรถไฟหัวหิน (ให้เซ็นทรัลเช่า) ฯลฯ


 


ขอ ถาม ททท.และผู้บริหารอิลิทการ์ดหรือบริษัทไทยพริเวอเรจการ์ดจำกัดเป็นคำถามเพื่อให้พี่น้องประชาชนผู้สนใจได้หายข้องใจว่า


 


๑.การขายบัตรสมาชิกอิลิทการ์ด ต้องจ่ายเปอร์เซ็นต์ในการขายเท่าไร?  จ่ายให้ใครบ้าง?


๒.ตัวแทนบัตรอิลิทการ์ดในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นใคร มีความสัมพันธ์กับรัฐมนตรี, ผู้บริหาร ททท.บ้างหรือไม่?


๓.สมาชิกที่ขายไปแล้วมีกี่คน มีรายรับรายจ่ายของบริษัทไทยแลนด์พริเวอเรจการ์ดจำกัดนั้นเป็นอย่างไร? ใครบ้างที่เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ (คือไม่ต้องจ่ายค่าบัตร)


๔.การที่จะมีการออกกฎกระทรวงเปลี่ยนแปลงให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อที่ดินในเมืองไทยได้ แต่ต้องเป็นมาสมัครสมาชิกอิลิทการ์ดนั้น ใครได้ประโยชน์ และไม่เท่ากับเป็นการกินคอมมิชชั่นขายที่ดินของประเทศดอกหรือ?


 


หากต้องการให้ชาวต่างชาติมาซื้อที่ดินในเมืองไทย สู้ให้เขาเอาเงินฝากมาไว้ในเมืองไทยเป็นสิบๆล้านร้อยๆ ล้านต่อคนไม่ดีกว่าหรือ เหมือนประเทศนิวซีแลนด์ หรือประเทศอื่นๆที่เขาทำกัน


 


ไม่ต้องให้นายหน้ากินคอมมิชชั่นในบัตรอิลิทหรอก จะมาหากินผูกขาดแบบนี้ได้อย่างไรกัน จะไม่เป็นการหาผลประโยชน์หาคอมมิชชั่นในการขายที่ดิน เป็นการผูกขาดการขายที่ดินเพียงรายเดียวในเมืองไทยคือบริษัทไทยแลนด์พริเวอเรจการ์ดจำกัดดอกหรือ?


            


เพราะไม่ต้องมีใครมาเป็นนายหน้า ที่ดินของประเทศไทยนั้น ต่างชาติอยากจะได้ใจจะขาดอยู่แล้ว


 


ไม่เชื่อไปตรวจที่ดินที่เกาะสมุย หัวหิน หรือภูเก็ตดูก็ได้ว่าต่างชาติมาซื้อที่ดินของเรามากแค่ไหน ถึงขนาดต้องใช้โนมินีซื้อขายโดยคนไทยทีเดียว ไม่ต้องให้ใครมาเก็บคอมมิชชั่นแบบนี้ก็ขายได้ หากตอบคำถามได้ไม่แจ่มชัด ก็หยุดโครงการนี้ไปเสีย! ก่อนที่จะมีคนหาผลประโยชน์ผูกขาดในการขายที่ดินของประเทศไทยให้กับชาวต่างชาติ


 


แล้วกรุณาอย่าอ้างนะว่า บริษัทนี้เป็นของ ททท. ถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะทุกบัตรที่ขายนั้น มีค่าคอมมิชชั่น มีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า ๔๐ เปอร์เซ็นต์ และยังมีรายจ่ายอื่นๆ อีกมากมาย


 


ต้องมีการพิจารณาคุณสมบัติที่อาจจะมีการใช้อภิสิทธิ์หรือใช้เส้น หรืออาจจะมีการจ่ายใต้โต๊ะที่เราไม่อาจไว้ใจได้


 


ผู้ที่เกี่ยวข้อง กรุณาอย่าหนีหน้า กรุณาตอบคำถามของ ส.ว.นอกสภาที่นี่ก็ได้ เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้เข้าใจ สบายใจ และไว้วางใจ