Skip to main content

เธออยู่ในสายน้ำสักกี่สาย

คอลัมน์/ชุมชน

รัตติกาลมืดมิด  เมฆปิดฟ้าไม่เหลือดาวไม่เหลือเดือน  คนผู้ดุ่มเดินอย่างทุลักทุเล คลำทางกลางความมือมิด  ขณะหนึ่ง...คนผู้ถือไม้ขีดไฟไว้ในมือ  จุดไม้ขีดหนึ่งก้าน ไฟลุกพรึบ...วูบบบบบ...ดับ   ในพรึบและวูบนั้นอาจพอทำให้ได้เห็นทางไป  หรือโชคดีกว่านั้นเราอาจจะได้เห็นเทียนเล่มที่หล่นอยู่ที่พื้น  เผื่อว่า...พอจุดไม้ขีดก้านที่สอง เราจะสามารถจุดเทียนนั้นได้  เผื่อว่า...แสงเล็กน้อยที่ผุดแทรกขึ้นมาในความมือมิดนั้นจะพอให้เราได้เดินทางต่อไป.......


 


ต้นไม้หลายต้นบนภูเขา  รวมกันเป็นป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์  เก็บความชื้น เก็บน้ำไว้มากมายมหาศาล  เช่นกันกับอีกฝั่งหนึ่งของแผ่นดิน   ไกลออกไป ไอน้ำลอยตัวขึ้นเหนือมหาสมุทร กลายเป็นกลุ่มความชื้น และหยดน้ำอีกมากมายมหาศาล  ค่อยๆ หลอมรวมตัวกันเป็นมวลเมฆ  จากกลุ่มเล็กๆ  ค่อยๆ ดึง ดูดกันและกันหล่อรวมกันเป็นกลุ่มเมฆมหึมา  เคลื่อนที่ไปตามแรงลมมรสุมของฤดูกาล  เคลื่อนตัวเข้าสู่เขตภูเขา  แรงดึงดูดของหยดน้ำบนท้องฟ้า  กับหยดน้ำบนพื้นดินก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของอากาศ  ทั้งหลายทั้งปวงอีกมากมาย ปัจจัยแวดล้อม จึงเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เมฆก็ทิ้งตัวเป็นหยาด หยด  เป็นสายฝนที่เทโถมลงมาสู่ผืนดิน  แล้วหยดน้ำก็ซึมซับสู่กันและกัน


 


แห่งใดแห่งหนึ่ง...ร่องรอยเล็กๆ  ของผืนดินพอให้หยดน้ำได้ชำแรกแทรกตัวผุดโผล่ออกมา เป็นตา เป็นต้นน้ำ  หนึ่งหยด สองหยด หล่อรวมเป็นทางน้ำเล็กๆ  ไหลไป   ตาน้ำแบบนี้กระจายอยู่ทั่วไปในแถบถิ่นภูเขา  ได้ก่อเกิดทางน้ำเล็กๆ แบบเดียวกัน ร้อย พัน หมื่นสาย  ไหลมารวมกัน เป็นลำห้วย  เป็นลำธาร  ผ่านแผ่นหินดินทราย รากไม้ ต้นไม้ใบหญ้า  รอรวมหลายสายกลายเป็นแม่น้ำ  ยังไหลไปผ่านบ้านผ่านเมือง ผ่านผู้คน สิงสาราสัตว์ และเรื่องราวมากมาย  ไกลออกไป...ไกลออกไป...เนิ่นนาน...ต่อเนื่อง...เชื่อมโยง...ปรวนแปร....แล้วก็ไปถึงท้องทะเลในที่สุด  แต่นั่นก็ยังต้องเคลื่อนไหวต่อไป...ต่อไป...


 


ว่ากันว่า...หากมีใครคนใดหยิบหินสักก้อนหนึ่งจากลำธาร  กระแสน้ำจะเปลี่ยน   ทั้งท่วงทำนอง และจังหวะ  หินหนึ่งก้อนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสายน้ำ  เปลี่ยนรูปแบบการไหลของสายน้ำ  ในการเปลี่ยนแปลงหนึ่งครั้งนั้นอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบมหาสมุทร  ว่ากันอีกต่อมาว่า....  การเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นนั้น  ของสายน้ำ  เป็นเหตุให้พืชพรรณปรับตัว  รวมถึงฤดูกาลก็เป็นไปในวิถีแบบเดียวกัน


 


รัตติกาลมืดมิด...เมฆปิดฟ้าไม่เหลือดาวไม่เหลือเดือน  สงัด ...เงียบงัน  หญิงสาว  ในความเงียบนั้นนั่งอยู่โดดเดี่ยวในมุมหนึ่งของความมืด  ภาวะนั้น เธอได้แต่เฝ้ามองดูความมืด  ....เนิ่นนาน....คำถามผุดขึ้นมาว่า  หรือแท้แล้วความมือสนิทไม่มีอยู่จริง  พร้อมกันนั้นในความเงียบ  เธอได้แต่สดับเสียงของความเงียบ  เนิ่นนาน....พลันนั้นเธอพบว่า  ความเงียบก็มีเสียง  หรือแท้แล้วความเงียบก็เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง   


 


บัดนั้น...เธอจึงได้นำพาตัวเองออกเดินทางสู่อาณาจักรอันกว้างใหญ่ของหัวใจตน  เดินทางอย่างเฉื่อยช้าในอาณาจักรนั้น  ผ่านภาพ เสียง และเรื่องราวมากมาย  ตึกราวบ้านช่อง อันเป็นที่อยู่ของความฝัน  ความรัก  ความโกรธ ความเกลียดชัง  และที่อยู่ของใครต่อใคร สิ่งใดใดมากมายในนั้น 


 


ขณะหนึ่งของการเดินทาง  และการพบสิ่งต่างๆ มากมายในอาณาจักรแห่งใจตน  คำถามผุดมาว่า  หรือแท้แล้วสิ่งที่เธอเห็นอยู่นั้นล้วนแต่เป็นภาพลวงตา หรือแท้แล้วมันเป็นความจริง  หรือมันเป็นมายาการณ์ที่มีอยู่จริง  หรือมันเป็นความจริงที่เป็นมายา  แต่แล้ว  เมื่อคำถาม พร้อมเรื่องราวมากมายวิ่งวนอยู่รอบๆ เพียงวิ่งวนอยู่รอบๆ  เธอพบว่า เวลานั้นเอง ช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะดีงาม  สุข  จริงแท้ และเป็นนิรันดร์