Skip to main content

หมู่บ้านของความเปลี่ยน (1)

คอลัมน์/ชุมชน

ในคืนฟ้าหมาดฝน แมลงกลางคืนกรีดเสียงเซ็งแซ่ เขียดระงมอยู่บริเวณหนองน้ำหน้าบ้านเช่า


ในความมืด- -ผมเปิดโคมไฟให้ส่องสว่างเพียงบนโต๊ะหนังสือ แมวขี้เซานอนหมอบคุดคู้อยู่ใกล้ๆ


           


ผมพลิกอ่านหนังสือ "ผองเราคือเพื่อนร่วมโลก" บทเพลง : บทกวีเพื่อความดีงามของผู้คน ของสำนักพิมพ์สู่ฝัน "ทราย ชยา : แปล" และ "พิบูลศักดิ์ ละครพล" เป็นบรรณาธิการ


           


เป็นหนังสือเก่าและฉีกขาด  บางชิ้นแหว่งวิ่นหาย (หนังสือเล่มนี้ ผมขอกับนักเขียนหนุ่ม ถนอม ไชยวงษ์แก้ว เจ้าของบ้านเช่าคนก่อนเอาไว้ และผมย้ายเข้ามาอยู่แทน)


             


เมื่อพลิกอ่านช้าๆ  บางเนื้อเพลงนั้น


ชวนสะท้อนให้คิดถึงความเปลี่ยนแปลง


ของโลก ของสังคม ของหมู่บ้าน


แน่นอน มันทำให้ผมคิดถึงบ้านเกิดที่จากมาด้วย...


           


เนื้อเพลง TURN TURN TURN! ของ "จูดี้ คอลลินส์" ทำให้ผมรู้สึกเหงาและเศร้า


           


สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง (เปลี่ยน  เปลี่ยน  เปลี่ยน)


มันมีฤดูกาล (เปลี่ยน  เปลี่ยน  เปลี่ยน)


และเวลาสำหรับทุกความมาดหมายภายใต้โค้งฟ้านี้


 


เวลาสำหรับเกิด  เวลาสำหรับตาย


เวลาสำหรับเพาะปลูก  เวลาสำหรับเก็บเกี่ยว


เวลาสำหรับสังหาร  เวลาสำหรับรักษา


เวลาสำหรับหัวเราะ  เวลาสำหรับร้องไห้...


           


บางท่วงทำนองของถ้อยคำ...


มันทำให้ผมอดนึกถึงคำพูดของหลานชายในวันนั้นไม่ได้


           


"หมู่บ้านเราตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว" เสียงหลานชายเอ่ยออกมา, หลังจากเขาขับมอเตอร์ไซค์มาจากเชียงดาว ภายในเป้สัมภาระนั้นมีเสบียงอาหาร ของกินจากป่า หน่อไม้ ผักไม้ไซร้เครือที่พี่สาวผมฝากมาให้วางไว้บนโต๊ะ


           


ผมเงยหน้าฟังเขาเล่าเรื่องราวจากหมู่บ้าน...


           


"ตอนนี้ คนในหมู่บ้านไม่ว่าหนุ่มว่าแก่กำลังพากันออกจากบ้านกันเกือบหมดแล้ว" เขาเอ่ยทำลายความเงียบ


           


"ทำไมเหรอ..." ผมถาม    


           


"ก็เรื่องหนี้สิน กองทุนหมู่บ้าน กองทุนเงินล้านนั่นแหละทำให้พวกเขาต้องออกมา" เขาพูดเหมือนบ่นให้ฟัง


           


"แต่แปลกนะ ที่ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครโทษนโยบายนั้นเลย..."


           


"บางคนเอาเงินไปซื้อรถ ซื้อมือถือ บางคนเอาไปซื้อปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ปลูกมะเขือ กะหล่ำ ผักกาด พอเอามาขายที่กาดเมืองใหม่ก็ราคาตก สุดท้ายก็ไปต้องไปกู้หนี้นอกระบบเหมือนเดิม"


           


"ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาชำระหนี้แล้ว...ก็ต้องดิ้นกันไป"


           


ผมนิ่งเงียบ...ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา


           


สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง (เปลี่ยน  เปลี่ยน  เปลี่ยน)


มันมีฤดูกาล (เปลี่ยน  เปลี่ยน  เปลี่ยน)


และเวลาสำหรับทุกความมาดหมายภายใต้โค้งฟ้านี้


 


...เวลาสำหรับเริงรำ เวลาสำหรับคร่ำครวญ


เวลาสำหรับโยนก้อนหินทิ้ง


เวลาสำหรับเก็บรวมก้อนหิน


 


 



           


 


ผ่านไปอีกสองวัน ผมมีโอกาสกลับไปเยือนบ้านเกิดอีกหน  และเริ่มเห็นความเปลี่ยนลอยวนไปมาอย่างนั้นจริงๆ  หรือว่ามันกำลังจะกลายเป็นหมู่บ้านของความล่มสลาย!?...


           


พี่ชายเล่าให้ฟังว่า  เพื่อนคนหนึ่งขับรถยนต์ไปชนกับรถเก๋งคันโก้ตรงโค้งถนนหลวง รถพังยับทั้งสองคัน เพื่อนซี่โครงหักสองซี่  และยังถูกเจ้าของรถเก๋งคู่กรณีเรียกค่าซ่อมอีกตั้งแสนกว่า


           


เขาตัดสินใจขายรถคันเก่าทิ้ง และจ่ายค่าซ่อมรถเก๋งนั้นไป


           


"พรุ่งนี้มีอีกสิบกว่าคนจะออกไปทำงานที่กรุงเทพฯ" พี่สาวเอ่ยออกมาขณะนั่งอยู่ในเพิงร้านขายก๋วยเตี๋ยวหน้าบ้าน


           


ญาติผมคนหนึ่ง ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย หลังจากที่น้ำท่วมไร่นาสวนผสมผสานเมื่อปีที่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบสิ้น ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงกับชีวิต จนต้องตัดสินใจออกจากหมู่บ้านในวัยใกล้หกสิบ


           


"พวกเขาบอกว่าจะไปกันวันพรุ่ง วันนี้วันเสีย...จะไปรับจ้าง ไม่ได้ไปออกรบที่ไหนซักหน่อย ยังมาดูฤกษ์ดูยามกันอีก" พี่สาวผมบ่นพลางหัวเราะพลาง


           


"ไปบ่รอด  เชื่อเต๊อะ แหมบ่เมินก่ปิ๊กมา...อย่างใดตึงสู้อยู่บ้านเฮาบ่ได้หรอก" ใครคนหนึ่งเอ่ยออกมา


           


ใช่  เขาไม่เห็นด้วย ที่พากันออกจากบ้าน ไปรับจ้างในเมืองอย่างนั้น เพราะเขาเคยไปมาก่อนแล้ว สุดท้ายก็จำต้องหวนคืนสู่ถิ่น เหมือนนกบาดเจ็บคืนสู่ป่า  


           


ผมนิ่งเงียบ...ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา


หมู่บ้านของผมเปลี่ยนไปจริงๆ  เปลี่ยนและแปลกอย่างยิ่งในห้วงขณะนี้


 


ในขณะที่พวกเขากำลังออกจากหมู่บ้าน...


หากผมกำลังวางแผนจะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด


 


ในขณะที่พวกเขากำลังละทิ้งผืนนาผืนไร่ไปรับจ้างในเมือง 


หากผมกำลังวางแผนจะกลับไปปลูกบ้าน  ทำสวน อยู่กับความเรียบง่าย


           


ช่างเถอะ  ผมไม่ได้โทษชาวบ้าน ผมโทษความเปลี่ยนแปลง       


(และหากจะโทษอีก ผมอยากจะโทษไอ้นโยบายอะไรนะ...ที่ชาวบ้านชอบพูดกันว่า ประชานิยม...ประชาทุนนิยม อะไรนี่แหละ  ที่ทำให้ผู้คนโงหัวกันไม่ขึ้น จนต้องพากันระเห็จออกจากหมู่บ้านอย่างที่เห็น)


           


สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง (เปลี่ยน  เปลี่ยน  เปลี่ยน)


มันมีฤดูกาล (เปลี่ยน  เปลี่ยน  เปลี่ยน)


และเวลาสำหรับทุกความมาดหมายภายใต้โค้งฟ้านี้


           


...เวลาสำหรับได้รับ  เวลาสำหรับสูญเสีย


เวลาสำหรับขาด  เวลาสำหรับชุน...


           


ผมอ่านเนื้อเพลง ของ "จูดี้ คอลลินส์" บทนี้แล้ว


ทำให้นึกถึงเพื่อนบ้านและหมู่บ้าน


และทำให้ผมรู้สึกเหงาและเศร้า...