Skip to main content

ความรักไม่อาจเยียวยาได้ทุกอย่าง? (2)

-1-


 


ปิดเทอมหน้าร้อน เพื่อไม่ให้สุเมธ - ลูกชายที่กำลังโตเป็นหนุ่มใช้เวลาว่างไปคลุกคลีมั่วสุมกับเพื่อนในหมู่บ้านจัดสรรที่ชวนกันไปในทางเสื่อมเสียมากกว่าดี และเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบรรยากาศในหมู่บ้านหนุนส่งให้เด็กน้อยกลายเป็นเด็กโตที่ไม่น่ารัก


 


พ่อแม่ของสุเมธจึงคิดกันว่าควรที่จะส่งลูกชายกลับไปอยู่ต่างจังหวัดบ้านเกิด คือบุรีรัมย์  อย่างน้อยสภาพแวดล้อมที่ต่างจังหวัดน่าจะดีกว่าในเมืองหลวง ปู่ย่า ตายายและญาติพี่น้องอื่น ๆ จะโอบอุ้มให้สุเมธผ่านช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อไปได้


 


ถ้าบอกให้กลับไปดื้อ ๆ สุเมธคงไม่กลับแน่ ดังนั้น พ่อแม่จึงคิดแผนให้ยายที่อยู่ต่างจังหวัดโทรศัพท์มาหาสุเมธ  บอกว่าคิดถึงหลานมาก อยากให้หลานกลับไปเยี่ยม  ยายโกหกสุเมธไปว่าไม่ค่อยสบาย แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วและถ้าสุเมธว่างก็ให้มาหา


 


ถึงอย่างไรสุเมธก็ยังเด็ก และก็เป็นเด็กที่รักยายมาก ดังนั้นเขาจึงกลับไปเยี่ยมยายตามคำขอของยาย พออยู่กับยายเขาก็เล่าให้ยายฟัง (แน่นอนว่าเขาจะแต่งเติมเสริมแต่งเรื่องเล่าของเขาให้น่าดูน่าสนใจ) ว่า ตอนอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรรที่กรุงเทพฯ นั้น เขาเคยเป็นเด็กส่งยาบ้า เพราะตำรวจจะไม่มีทางสงสัยเด็กอย่างเขาเลย เมื่อเสร็จงานพวกรุ่นพี่ก็จะให้ยาบ้าเป็นการตอบแทนหรือบางครั้งก็ให้เงิน สุเมธเล่าว่าเขาทำอยู่หลายครั้ง และว่าเขาก็ตื่นเต้นเหมือนกันเวลาที่เจอตำรวจ


 


เมื่อยายถามว่าสุเมธกินยาบ้าด้วยหรือเปล่า สุเมธบอกว่ากินบ้างเหมือนกัน "แต่ผมไม่ติดหรอก ผมลองไม่กี่ครั้งเอง" สุเมธว่า


 


เขาเล่าให้ยายฟังทุกเรื่องที่เล่าได้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มของเขา ซึ่งทั้งหมดเขาไม่เคยเล่าให้พ่อแม่ของตนเองฟัง เขาคิดว่าพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวอันโลดโผนของเขา  และถ้าพ่อรู้ สิ่งที่พ่อจะทำเป็นอันดับแรกก็คือการก่นด่าเขา ก็เท่านั้นเอง


 


ยายฟังเรื่องเล่าของหลานด้วยความตระหนกตกใจ  แต่ความเข้าใจและความรักที่มีต่อหลานนั้นทำให้ยายรับฟังเรื่องเล่าได้อย่างตรงไปตรงมา


 


สุเมธสัมผัสได้ถึงความรักของยาย เขาอบอุ่นเมื่ออยู่กับยาย อบอุ่นที่มืออันแห้งเหี่ยวของยายโอบกอดเขาด้วยความห่วงหาอาทร


 


-2-


 


เมื่อได้เจอกับเพื่อนเก่า ๆ ที่เคยวิ่งเล่นกันตอนเป็นเด็กเล็ก ๆ วันเวลาในอดีตก็หวนกลับมาหาสุเมธอีกหน  สุเมธกลับมาผูกสมัครรักใคร่กับบรรดาเพื่อน ๆ ที่ต่างจังหวัดอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาชวนกันไปขี่มอเตอร์ไซค์รอบหมู่บ้าน รอบแล้วรอบเล่า ชวนกันไปกินเหล้าเมายาตามเถียงนาซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินของวัยรุ่นบ้านนอก  หาเรื่องทะเลาะกับวัยรุ่นหมู่บ้านอื่น ฯลฯ


 


สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นในบ้านเกิดทำให้สุเมธติดใจจนลืมกรุงเทพ ฯ ไปเสียสนิท เขาบอกพ่อแม่ว่าเขาไม่อยากกลับไปเรียนที่กรุงเทพฯ แล้ว เขาอยากอยู่กับยายที่บ้านเกิดมากกว่า  และอยากเรียนหนังสือร่วมกับเพื่อน ๆ ที่พูดภาษาเดียวกัน


 


พ่อแม่รู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรม "ติดเพื่อน" ของลูก ตอนแรกลูกไม่ยอมกลับต่างจังหวัดเพราะติดเพื่อนที่กรุงเทพฯ แต่พอไปอยู่ที่ต่างจังหวัดก็ติดเพื่อนที่นั่นจนไม่อยากกลับกรุงเทพฯ


 


เป็นความประสงค์ของพ่อแม่อยู่แล้วที่จะให้สุเมธเรียนชั้นมัธยม 3  ที่ต่างจังหวัดเพราะถ้าขืนเรียนที่กรุงเทพฯต่อไปก็คงไม่จบชั้นมัธยมต้นแน่ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าสุเมธติดศูนย์ทุกวิชาเพราะไม่เคยเข้าเรียนและไม่ส่งการบ้าน หนำซ้ำวิชากิจกรรมอย่างวิชาลูกเสือก็ไม่ผ่าน


 


ตอนแรกสุเมธบอกแม่ว่าแก้ศูนย์เรียบร้อยหมดแล้วเหลือเพียงแค่ 3 วิชา เท่านั้น แต่ทำไปทำมาสุเมธยังไม่แก้ศูนย์เลยแม้แต่วิชาเดียว ดังนั้นแม่ของเขาจึงต้องวิ่งเต้นหาทางแก้ศูนย์ให้ลูก ในขณะที่ผู้เป็นพ่อซึ่งหมดความอดทนไปนานแล้วบอกว่า "ปล่อยมันไปเถอะ!"


 


แม่ของสุเมธติดต่อตามหาคุณครูเจ้าของรายวิชาในแต่ละวิชาซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อย เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ครูบางคนจึงไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน  และเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าลูกชายแทบไม่ให้ความร่วมมือเลยสำหรับงานนี้


 


ตอนแรกครูบางคนไม่ยอมให้แก้ศูนย์เพราะนักเรียนไม่เคยเข้าเรียนเลย  และช่วงเวลาที่เปิดให้แก้ นักเรียน-สุเมธก็ไม่มาแก้ให้เรียบร้อย ทั้งยังต่อว่าสุเมธว่าเป็นเด็กที่นิสัยไม่ดี และเลยไปต่อว่าพ่อแม่ของสุเมธว่าตามใจเด็กเสียจนเด็กเหลิง


 


แม่ของสุเมธไม่สนใจคำต่อว่าของครู  ครูได้แต่เฝ้าอ้อนวอนจนครูใจอ่อน แต่ก็มีข้อแม้เงื่อนไขมากมายในการให้แก้ศูนย์ จนเด็กชายสุเมธหงุดหงิดรำคาญเผลอด่าแม่ครู (ลับหลัง) ไปหลายครั้ง


 


มันเป็นวาจาก้าวร้าวที่แม่ไม่เคยได้ยินและไม่เคยสั่งสอนให้ทำ แม่นึกว่าตนเองหูฝาดที่ได้ยินคำผรุสวาทอันรุนแรงจากปากของบุตรชาย แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้ผู้เป็นแม่ท้อแท้แทบหมดแรงก็คือว่าในรายวิชาภาษาอังกฤษซึ่งสุเมธเกลียดหนักหนานั้น หลังจากพากันไปอ้อนวอนจนครูประจำวิชาใจอ่อนยอมให้แก้ศูนย์แล้ว ครูก็บอกให้ลอกคำศัพท์ภาษาอังกฤษ 100 คำจากหนังสือเรียนและต้องท่องให้ได้ด้วย


 


สุเมธฟังแล้วส่ายหัวทันที "ใครมันจะจำได้" เขาบ่น แล้วพอแม่ยื่นสมุดให้ เพื่อให้เขาคัดลอกศัพท์ เขาก็ปัดสมุดนั้นจนกระเด็นไปไกล  


 


ผู้เป็นแม่โกรธมากที่ลูกแสดงกริยาเช่นนั้น ความโกรธกลายมาเป็นความเสียใจเจ็บปวด เธอคิดว่าเธอเลี้ยงลูกอย่างดี ให้ความรัก ความเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ เธออาจมีเวลาให้ลูกไม่มากนัก แต่มันก็ไม่น่าจะถึงกับเป็นปัญหาครอบครัวและเป็นเหตุให้ลูกต้องปัดสมุดทิ้งเลย


 


อย่างไรก็ตาม ด้วยการปลุกปลอบใจตนเอง ด้วยการให้กำลังใจตนเอง และด้วยความรักที่ไร้เงื่อนไข  ผู้เป็นแม่ก็ช่วยลูกแก้ศูนย์สำเร็จในทุกวิชาโดยว่าจ้างนักศึกษาคนหนึ่งมาช่วย  แม่ของสุเมธเดินทางมาที่โรงเรียนทุกวันเป็นเวลาเกือบ 3 อาทิตย์จนเจ้าหน้าที่และครู ๆ ต่างก็รู้จักเธอ ครูบางคนเปรยว่าเธอน่าจะได้ตำแหน่งแม่ตัวอย่างค่าที่ไม่เคยมีแม่คนไหนทำอย่างนี้มาก่อน


 


ถึงกระนั้นก็ตาม คนที่มีส่วนอย่างมากในการช่วยเด็กแก้ศูนย์ก็คือครูประจำชั้นที่โดดเข้าช่วยด้วยในทุกเรื่อง จนโดนครูบางคนค่อนแคะ


 


เมื่อแก้ศูนย์หมดแล้ว สุเมธจึงได้ย้ายกลับไปเรียนที่ต่างจังหวัดสมใจอยาก ในขณะที่พ่อแม่ทำงานในกรุงเทพ ฯ ต่อไป.