Skip to main content

สวนของนักเขียน 6 : มหัศจรรย์มันมู้

คอลัมน์/ชุมชน

บ้านสวนทูนอิน


 


ที่นี่มีต้นไม้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  สองทางเดินมีลั่นทมเป็นทิวแถว ทำให้คิดถึงเกาะสีชัง ถ้าใครเคยไปที่นั่นจะหลงใหลลั่นทม ที่นั่นมีลั่นทมหลายสี  มีวังเก่า และมีเรือนเก่าหลังงาม ถ้าอยากได้บรรยากาศการไปเกาะสีชัง ขอบอกว่า อย่านั่งรถมอเตอร์ไซค์ มันเร็วเกินไป ให้ค่อย ๆ เดินขึ้นไป ไม่ไกลเลย เมื่อขึ้นไปถึงแล้วก็ค่อย ๆ เดินชม


 


ที่สวนทูนอินก็เหมือนกัน มีต้นไม้มากมาย ต้องค่อย ๆ ดูไป และพบว่าทุกครั้งที่ขึ้นมาที่นี่ จะมีต้นไม้ที่เรายังไม่เคยเห็น หรือไม่ได้เห็นในวันก่อน


 


เรือนหลังเล็ก เป็นที่เขียนหนังสือของท่านและบางครั้งก็ต้อนรับแขกกลุ่มเล็ก ๆ อย่างยามนี้เราได้รับการต้อนรับที่เรือนเล็กแห่งนี้ 


 


ตรงข้างประตูบ้านมีตะกร้าเล็ก ๆ วางอยู่


"รู้จักมันมู้ไหม" ท่านถามขึ้นและอธิบายต่อว่า เป็นมันที่ออกหัวในอากาศ


"มันอะไรที่ออกหัวในอากาศ มหัศจรรย์แท้ หัวมันหัวเผือกมันต้องออกหัวในดิน" 


"อยู่ในตะกร้าบนโต๊ะที่วางหนังสือ" เขาว่า


 


ฉันหยิบมันหน้าตาแปลก ๆ ขึ้นมาดู


หัวมันหน้าตาแปลก ๆ อย่างนี้หรือไม่มีหัวในดิน เหมือนกับพวกมันเทศ มันสำปะหลัง หรือมันขี้หนูเหมือนที่บ้านใต้ หัวมันมู้ มันคงจะแตกหัวอยู่ตามก้านใบ


 


เขาพูดต่อว่า "เป็นมันที่อร่อยมาก และกำลังจะสูญพันธุ์แล้ว น่าเสียดายที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะได้กินกัน อร่อยกว่ามันฝรั่งอีกและปลูกง่ายด้วย เอาไปวางไว้บนดิน จะกลบดินหรือไม่กลบก็ได้ รดน้ำบ้างไม่นานแค่ปีเดียวก็ได้กินแล้ว  อร่อย เอาไปต้มกินเถอะ และปลูกไว้สักหัวสองหัว มันจะสูญพันธุ์แล้ว"


 


มันมู่คล้าย ๆ กับมันอย่างหนึ่งทางภาคใต้ คือมันอ้น มันคล้ายกันมากโดยเฉพาะเมื่อต้มสุกแล้ว มันอ้นที่บ้านใต้ไม่ค่อยมีใครปลูก ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า หรือว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่นิยมปลูกเพราะมันอ้นใช้ทำกับข้าวต้มแกงไม่ได้ ทำขนมก็ไม่ได้


 


ต้มกินเฉย ๆ และมีแต่พวกเด็ก ๆ เท่านั้นที่ชอบกินมันอ้น เมื่อครั้งวัยเยาว์ยังเรียนโรงเรียนวัด  ชั้นประถมต้น ที่โรงเรียนของฉัน แม่ค้าจะต้มมันอ้นมาขายในตอนเที่ยง เสียบก้านทางมะพร้าวเป็นเสียบ ๆ หิ้วเดินกินได้เลย  มันอ้นช่วยเด็ก ๆ ที่ไม่ชอบกินข้าว


 


แม่ที่มีลูกไม่ชอบกินข้าวกลางวัน ก็จะบอกว่า "ไม่กินข้าวก็ต้องกินมัน"  เป็นการรอดตัวไปไม่ต้องกินข้าว ฉันจำได้ว่าเมื่อวัยเด็กเรียนประถมต้น ฉันไม่ชอบการกินข้าวกลางวันเลย มันเสียเวลาไปเล่นกับเพื่อน กินมันต้มกินไปวิ่งเล่นไปก็ได้


 


กินมันต้มตามด้วยน้ำหวานสีสวย ดูดเข้าไปชื่นใจแท้ แค่คิดถึงก็ยังรับรู้ถึงความอิ่มความหวานชื่นหัวอกหัวใจ...' น้ำแข็งใสราดน้ำหวานกับมันต้ม' เป็นอาหารชั้นดีของพวกเด็ก ๆ ที่ห่วงเล่นห่วงเที่ยว


 


เด็ก ๆ ชอบกินมันอ้นเพราะเมื่อยามบอกเปลือกออกจะสนุก ลอกเปลือกออกเป็นวงกลมทำได้โดยไม่ให้เปลือกขาดออกจากกันแต่ขดเป็นเส้นยาว กินมันอ้นแล้วตามด้วยอ้อยควั่น เพราะจะได้ขัดฟันให้ขาวสะอาด เอามันที่ติดตามฟันออกไป


 


วันนี้ฉันได้มันมู้มาฝากเพื่อน ๆ พร้อมทั้งเล่าที่มาของมันชนิดนี้ให้พวกเขาฟัง บอกพวกเขาว่า นักเขียนใหญ่นักตกแต่งป่ากลัวว่ามันจะสูญพันธุ์ไปเหมือนกับพืชผักและต้นไม้หลายชนิดท่านก็เลยฝากมาให้พวกเราช่วยกันปลูก ใครมีที่ดินตรงไหนก็ไปปลูกหรือจะปลูกบนที่ดินของคนอื่นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดพลาดฉันเองอยู่บ้านเช่าที่มีผืนดินว่างพอที่จะปลูกอะไรลงไปก็ได้


 


น้องที่ข้างบ้านฉันเธอยังปลูกต้นไม้ข้างถนนเป็นทิวแถว พูดถึงการปลูกต้นไม้ เมื่อกลางเดือนตุลาคม ฉันคิดถึงต้นไม้ข้างถนนมาก เพราะฉันเดินทางกลับจากเมืองหลวงมุ่งสู่เชียงใหม่ รถมีปัญหา เราติดอยู่บนถนนหลวงนานกว่า 5 ชั่วโมง บนถนนสายนั้นมีป้ายทางหลวงเขียนว่าบ้านตาก มีร้านขายอาหารเล็ก ๆ อยู่ริมถนนให้พอได้นั่งพักแต่ร้อนเหลือเกินเพราะไม่มีร่มไม้เลย มองตามถนนสายนั้นไปสุดสายตาไม่มีต้นไม้ให้ร่มเงาพอที่จะพักได้เลย เราร้อนยาวนานตั้งแต่บ่ายสองโมงถึงห้าโมงเย็น หากถนนสายนี้มีต้นไม่ร่มรื่นเราก็คงไม่ต้องตากแดด ร่มเงาของมันคงจะช่วยให้เราคลายทุกข์ได้บ้าง


 


อย่างไรก็ตาม ป่าเขายังช่วยเราได้ เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งมาบอกว่ามีเห็ดโคนงอกขึ้นมามากมายที่ชายป่า เธอไปเก็บเห็ดโคนได้มากพอที่จะแบ่งปันให้เราต้มแกงกิน ได้กินผัดเห็ดโคน ต้มเห็ดโคนกับข้าวสวยที่ร้านข้างถนนให้ได้รู้สึกสุขใจไปได้บ้าง พอที่จะเชื่อได้ว่าเราติดอยู่กลางป่าแม้จะบนถนนหลวง เห็ดโคนทำให้การรอคอยช่างมาซ่อมรถไม่หนักหนาสาหัสจนเกินไป


 


เพื่อนร่วมทางของฉันบ่นขึ้นมาว่า ร้านขายอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้น่าจะปลูกต้นไม้ใหญ่บังแดดสักต้น เราเริ่มคุยกันเรื่องต้นไม้อย่างจริงจัง เขาว่าที่ไหนมีถนนที่นั่นต้นไม้ก็ถูกตัดทิ้งไป อยู่กลางป่าที่มีถนนสายใหญ่ตัดผ่านทำให้เราร้อนเปลวแดดจนแทบจะเผาไหม้เนื้อหนัง 


 


ฉันเล่าให้เขาฟังว่า เพื่อนของฉันคนหนึ่งมีเพื่อนทำงานในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ราคาสูงส่งไปขายต่างประเทศ มีคนงานนับร้อย 


 


ถามเพื่อนว่าไม้ที่เอามาเลื่อยมาแปรรูป มาได้อย่างไร จากที่ไหน เพื่อนตอบว่า ไม้ในเมืองไทยนี่แหละ เจ้านายเขามีเส้นสายใหญ่โต เรียกว่าใหญ่กว่าไส้หมูที่เราเอามาย่างกิน เหนียวกว่าเชือกเอ็นที่เราใช้ล่ามวัว


 


กลัวเพื่อนจะโกรธ  ถ้าพูดว่า พวกเราช่วยกันทำให้โลกร้อน มันก็เข้าทำนองว่า  ถ้าเราไม่ร่วมมือกับเขา ใครก็ทำลายไม่ได้ หรือว่าถ้าเป็นฉัน  ฉันจะไม่ยอมทำงานในสถานที่เช่นนี้ ไม่ยอมให้ใครเอาเงินและมีดพร้าใส่มือ


 


แต่ได้แต่นิ่งเงียบเพื่อถนอมน้ำใจเพื่อน นี่คือข้อด้อยจริงๆ เป็นการถนอมน้ำใจที่ไม่ควรถนอมโดยแท้ เราต้องไม่ทำ ไม่ขายและไม่ซื้อ  เช่นว่าเลิกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้ทุกชนิด นอกจากที่มีอยู่แล้วก็ใช้ไปเถอะแต่จะไม่ไปหาไปซื้อมาใหม่อีกแล้ว


 


ฉันเคยฟัง ดร.นักจัดรายการท่านหนึ่ง เล่าว่าหลานของแกไปซื้อของกับญาติผู้ใหญ่ เห็นญาติซื้อของประดับบ้านที่ทำดัวยไม้ หลานแกพูดว่า อยากร้อนหัวแตกใช่ไหม จึงซื้อเพื่อที่จะให้คนไปตัดมาทำใหม่


 


ฉันรู้สึกยินดีที่ได้ฟัง ฉันคิดว่าคงจะมีคนอื่น ๆ ได้ยินไปทั่วอีกสัก ร้อยคนพันคน แม้ว่าบางคนจะหมั่นไส้บ้างก็ไม่เป็นไร


 


หากวันหนึ่งเขายืนอยู่ข้างถนนที่ร้อนนานถึงห้าชั่วโมงพวกเขาก็จะเลิกหมั่นไส้เอง ถึงตอนที่แดดร้อนเปรี้ยง ก็หวังแต่เพียงร่มเงาบังแดดเท่านั้น  และถ้าเราหวังว่า เราจะเพลิดเพลินอยู่บนโลกใบนี้ร่วมกันโดยประนีประนอมไม่ทำลายกันจนกว่าเราจะจากโลกไปอย่างสงบและทิ้งทุกอย่างไว้ให้คนรุ่นต่อ ๆ ไป