Skip to main content

ลื้ออยากได้อาราย จีฉ่อยจัดให้...

คอลัมน์/ชุมชน

๒๔ ๑/๖


 


ความเดิมจากตอนที่แล้ว...


 


หลังจากที่ผมเขียนถึงลุงป๊ง-ลุงขายผลไม้มือวางอันดับหนึ่งแห่งจุฬาฯ ไปแล้วนั้น ก็มีผู้อ่านท่านหนึ่งได้พูดถึงร้าน "จีฉ่อย" ขึ้นมา ในฐานะร้านที่เข้าข่าย service mind ยอดเยี่ยมอีกร้านหนึ่งในละแวกนั้น ซึ่งข้อความนั้นก็ทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่า จริงๆ แล้วร้านจีฉ่อยก็มีความน่าสนใจอยู่พอตัวทีเดียวเชียว และถ้าไม่เล่าเรื่องของร้านนี้ ก็คงขาดอะไรไปสักอย่าง เหมือนกับใช้ครีมนวดผม แต่ลืมสระผมก่อน


 


วันนี้ก็เลยขออนุญาตท่านผู้อ่านมาเดินเล่นแถวๆ จุฬา-สามย่านอีกสักครั้งนะครับ


 


@#@#@#@#@


 


เชื่อว่าบางท่านคงจะเคยได้ยินเรื่องราวของร้าน "จีฉ่อย" กันมาบ้างจากกระทู้และฟอร์เวิร์ดเมล์ต่างๆ แต่ก็คงมีหลายคนที่ยังไม่เคยได้ยิน และสงสัยว่าจีฉ่อยคืออะไร


 


จีฉ่อยเป็นร้านขายของชำ (แบบที่เราสามารถเรียกได้เต็มปากว่า "ร้านโชว์ห่วย") ขนาดหนึ่งห้องแถวที่ตั้งอยู่แถวๆ ถนนพญาไท ดูแลกิจการโดยอาซิ้มแก่ๆ หนึ่งคน อาซิ้มที่แก่กว่าอาซิ้มคนแรกอีกหนึ่งคน และอาแปะอีกคนนึง


 


ร้านนี้เป็นของชำไม่กี่ร้านในประเทศนี้ที่คุณไม่สามารถเดินเข้าไปเลือกของภายในร้านได้ เพราะว่าภายในห้องแถวห้องนั้นจะถูกบรรดาสินค้าต่างๆ กองสุมขึ้นไปพะเนินเทินทึก จนทำให้เหลือทางเดินเข้าร้านแค่ประมาณหนึ่งฟุตกว่าๆ เท่านั้น (จริงๆ มันก็พอจะเดินเข้าไปในร้านได้แหละนะ แต่เมื่อคุณมองเห็นกองสินค้าที่วางสูงจนติดเพดานบ้านแล้ว คุณคงกลัวว่าถ้าคุณหายใจแรงเกินไป มันอาจจะถล่มลงมาทับคุณเอาง่ายๆ)


 


ผมเคยได้ยินรุ่นพี่ที่คณะของผมเล่าที่มาของชื่อเสียงของร้านนี้ว่า เมื่อแรกเริ่มเดิมทีจีฉ่อยก็เป็นเพียงร้านของชำและเครื่องเขียนธรรมดาๆ นั่นแหละ แต่เป็นร้านที่มีความพิเศษตรงที่ว่า ถ้าคุณอยากได้อะไรก็ตาม ที่ไม่ว่าในร้านจะมีหรือไม่ แต่ถ้าคุณความต้องการของคุณกับอาซิ้มเจ้าของร้าน ซิ้มแกจะจัดแจงหามาให้คุณจนได้


 


เมื่อนานๆ เข้า ร้านนี้จึงมีชื่อเสียงขจรขจายจากเดิมที่เป็นร้านที่ "ขายเครื่องเขียนทุกประเภท" กลายเป็นร้านที่ "ขายของทุกประเภท" ไปซะได้


 


เมื่อร้านนี้มีชื่อเสียงเป็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมีหลายๆ คนอยากจะ "ลองของ" กับร้านนี้ ด้วยการลองสั่งของแปลกๆที่สุดแท้แต่จะคิดกันมาได้ว่าคงไม่มีร้านของชำหน้าไหนกล้าขายของแบบนี้แน่ๆ


 


แต่คนที่ลองของกับจีฉ่อย ก็ "เจอดี" กันมาหลายครั้งแล้ว


 


ปฏิบัติการ "ลองของ" กับจีฉ่อยเริ่มจากของง่ายๆ อาทิ การขอซื้อไข่ไก่สด (ซึ่งจริงๆ แค่เดินเข้าไปในตลาดสามย่านที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ซื้อได้แล้ว) อาซิ้มเจ้าของร้านก็จะตอบสั้นๆ ด้วยภาษาไทยสำเนียงจีนว่า "เออๆๆ ลอเหลียว" หลังจากนั้นซิ้มจะเดินเข้าไปในร้าน และออกมาพร้อมกับไข่ไก่แช่เย็นในถุง (สันนิษฐานว่าไข่เหล่านั้นคงเคยอยู่ในตู้เย็นของห้องครัวในร้านมาก่อนแน่ๆ)


 


ต่อด้วยการขอซื้ออาหารตามสั่งประเภทราดหน้า, ผัดกะเพรา ฯลฯ ซึ่งเมื่อซิ้มรับออเดอร์จากลูกค้าแล้ว แกก็เดินออกทางหลังร้านไปสั่งที่ร้านขายอาหารบนตลาดสามย่าน แล้วก็เอามาขายต่อให้ลูกค้าที่นั่งรออยู่ที่หน้าร้านนะแหละ


 


เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่มีคนลองไปซื้อเนื้อหมูสดๆ ในเวลาหลังสี่ทุ่มที่จีฉ่อย อาซิ้มก็ตอบสั้นๆ ว่า "ลื้อจาเอาเท่าไหร่" หลังจากนั้นก็ให้อาซิ้มอีกคนบึ่งมอเตอร์ไซค์ออกไปหาซื้อหมูตามตลาดต่างๆ ที่พอจะมีขาย โดยที่ปล่อยให้ลูกค้ายืนรอเหมือนเดิม


 


ในขณะที่อาซิ้มกำลังปฏิบัติภารกิจหาซื้อหมูอยู่นั้น คุณลูกค้าชักจะรู้สึกว่า "ทำไมหมูชิ้นเดียว มันรอนานอย่างนี้ว้า..." เลยถามซิ้มคนที่รับหน้าอยู่ว่า "ซิ้มๆๆ ทำไมหมูยังไม่มาอ่ะ"


 


ซิ้มแกทำหน้านิ่ง (พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนัก เพราะซิ้มแกทำหน้าอยู่แบบเดียวนะแหละ) แล้วก็ตอบคุณลูกค้าสั้นๆ ว่า... "ลื้อลอเหลียวซี่...ชั่งหมูอยู่" เอ่อ...เอากับแกสิ


 


ในยุคสมัยที่จุฬาฯ ยังไม่ได้ใช้ระบบลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ต ก็เคยมีคนไปขอซื้อใบลงทะเบียนเรียนกับจีฉ่อย...ไม่น่าเชื่อว่าซิ้มแกจะมีขายกับเขาด้วย (จนบัดนี้ก็ยังน่าสงสัยว่า "ซิ้มแกหาใบลงทะเบียนมาขายได้ยังไงฟะ?")


 


แต่ของที่กล่าวมานั้นยังนับว่าเป็นระดับ "ปกติ" ถ้าเทียบกับประสบการณ์ของอีกหลายคน ที่เคยค้นพบว่ามีตั๋วเครื่องบิน, ฮาร์ดดิสก์, เอกสารสำหรับใช้จองรถเบนซ์ขายอยู่ในร้านนี้...


 


แต่พูดแบบนี้ ก็ใช่ว่าแกจะสามารถหาของมาขายให้ลูกค้าได้ตลอดนะครับ เพราะในบางครั้งที่มันจนปัญญาที่จะได้ในตอนนั้น ซิ้มแกจะบอกให้กลับมาเอาในอีก 2-3 วันต่อมา หรือถ้าบังเอิญแกเห็นใครซื้ออะไรแปลกๆ จากร้านอื่นๆ แกก็จะถามถึงข้อมูลต่างๆ ของสินค้านั่น (เรื่องหลังนี่ผมเคยเจอกับตัวเอง เมื่อครั้งที่ไปซื้อโปรตีนเกษตรเพื่อเตรียมไปเป็นเสบียงในการออกค่าย แล้วบังเอิญผ่านจีฉ่อยเข้า ซิ้มแกก็จัดแจงถามถึงราคา ถึงแหล่งซื้อโปรตีนเกษตรเสียยกใหญ่...เดาได้เลยว่าอีกสักพักคงมีโปรตีนเกษตรขายในร้านแหงๆJ)


 


นอกจากที่พูดมาทั้งหมดแล้ว จีฉ่อยยังเป็นที่เลื่องลือในฐานะผู้บุกเบิกรูปแบบการบริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง ก่อนที่บรรดาร้านสะดวกซื้อจะริเริ่มเสียอีก


 


รูปแบบบริการ ๒๔ ชั่วโมงนั้นจะซ่อนอยู่ภายใต้หน้าร้านที่ปิดมิดชิดในเวลายามวิกาล แต่อย่างเพิ่งเชื่อว่าร้านจะปิดนะครับ แค่คุณเดินไปที่หลังร้าน แล้วลองกดออด หรือไม่ก็เคาะประตูพอให้เสียงดัง แล้วรอสักครู่หนึ่ง...คุณจะได้เห็นไฟในร้านที่ปิดอยู่ค่อยๆ เปิดขึ้นทีละดวง จากนั้นเสียง "ลื้อจาเอาอาราย" อันแสนจะคุ้นหูก็จะปรากฏให้เราได้ยิน พร้อมๆ กับหน้าของอาซิ้มที่ตีหน้าอารมณ์เดียวแบบที่เราเห็นกันประจำ ...ซึ่งไอ้การบริการตลอด ๒๔ ชั่วโมงแบบนี้แหละ ที่ช่วยชีวิตเด็ก’ถาปัตย์ที่ต้องทำโปรเจ็กต์กันดึกๆ มานักต่อนักแล้ว


 


ที่อ่านๆ กันมาจนถึงบรรทัดนี้ (รวมถึงเรื่องลุงป๊งเมื่อครั้งที่แล้ว) ก็คงพอเห็นได้ละครับว่า การขายของแบบทุ่มสุดตัวแบบนี้ ถ้าไม่รักมันจริงๆ  ไม่ทำได้นานจนกลายเป็นอาซิ้มหรอก


 


และผมก็เดาเล่นๆ ว่าอาซิ้มแห่งจีฉ่อยแกคงไม่ได้คิดว่านี่เป็น "งาน"...แต่คงเป็น "ชีวิต" ของแกแล้วแหละ