Skip to main content

รักไม่อาจเยียวยาได้ทุกอย่าง (3)

ไม่นานนักหลังจากกลับไปอยู่ต่างจังหวัด สุเมธก็โทรศัพท์ไปหาแม่ บอกว่าไม่สบาย  พอแม่ถามถึงอาการ
สุเมธก็เล่าอย่างกระอ้อมกระแอ้มถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น  ผู้เป็นแม่ปรึกษากับสามีและสรุปจากอาการของลูกที่เล่ามาว่า ลูกชายคงจะเป็นกามโรค


จริงดังคิด สุเมธป่วยเป็นโรคหนองใน ซึ่งกลับมาระบาดอีกหนหลังจากที่เกือบสาบสูญไปแล้ว สุเมธเล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่าเย็นวันหนึ่งเขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กัน เจอกลุ่มผู้หญิงนั่งจับกลุ่มกันอยู่ที่ศาลาริมทาง เด็กผู้หญิงกลุ่มนี้นั่งอยู่กันเป็นประจำที่นี่หลังโรงเรียนเลิกหรือไม่ก็วันเสาร์-อาทิตย์หรือบางทีก็นั่งกันอยู่ทั้งวันโดยไม่ไปโรงเรียน


กลุ่มผู้หญิงเป่าปากส่งเสียงวี้ดวิ้วเมื่อเห็นสุเมธ มีอยู่คนหนึ่งเข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ของเขา แต่เขาไม่สนใจคนนี้ เขาเล็งอีกคนหนึ่งไว้ เขาพาเพื่อนที่ซ้อนท้ายมาด้วยกันไปส่งที่บ้านและกลับมารับเด็กผู้หญิงคนที่เขาเล็งเอาไว้


 "ไปนั่งมอไซค์เล่นกันดีกว่า" สุเมธชวน เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่มีท่าทีอิดเอื้อนแม้แต่น้อย เธอขึ้นมอเตอร์ไซค์ตามคำชวนอย่างว่าง่ายท่ามกลางเสียงเชียร์และสายตาอิจฉาของเพื่อนสาวที่เธอสามารถ "คว้า" ชายแปลกหน้าจากต่างถิ่นมาเก็บสะสมไว้ได้อีกคน


สุเมธติดโรคหนองในจากผู้หญิงคนนี้ ซึ่งตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคหนองใน และเธอก็คิดว่าสุเมธต่างหากที่นำเชื้อโรคมาให้เธอ  เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเป็นโรคอะไรเลย เธอป้องกันตัวเองทุกครั้ง มีครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ทั้งเธอและสุเมธต่างไม่ได้ป้องกัน เธอสงสัยว่าสุเมธอาจนำเชื้อโรคนี้มาจากกรุงเทพฯ เพราะโรคนี้กำลังระบาดอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่ที่หมู่บ้านของเธอ


ตอนแรกสุเมธสงสัยว่ามันคืออะไร  เขาปล่อยให้ตนเองอยู่กับความสงสัยเสียหลายวันจนไม่อาจทนได้อีกต่อไปเพราะอาการที่เกิดขึ้นทำให้เจ็บเวลาที่ปัสสาวะ บางคืนขณะหลับไปแล้วเขาก็ยังรู้สึกเจ็บ แล้วกลิ่นมันก็เหม็นรุนแรงจนทนไม่ได้ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนกางเกงในวันละหลายหน ในที่สุดเขาจึงโทรศัพท์ไปหาแม่ แม่จะต้องเล่าพ่อและเขาเชื่อว่าพ่อจะต้องตำหนิเขาแน่นอน


รุ่นพี่ที่ประสบการณ์สูงบางคนที่สุเมธปรึกษาด้วยได้บอกเขาไว้ก่อนแล้วว่าเขาอาจเป็นกามโรคชนิดหนึ่ง แต่ไม่อาจบอกเจาะจงไปได้ว่าเป็นโรคอะไร


"ไม่หนองใน ก็ซิฟิลิส" รุ่นพี่สันนิษฐาน "แต่ไม่แน่ ถ้าเอ็งโชคดี บางทีเอ็งอาจจะได้เอดส์แถมมาด้วย ก็เอ็งไม่รู้จักป้องกัน"


แม่ของสุเมธรีบกลับไปหาลูก ในใจเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย คิดไปต่างๆ นานา "ทำไมหนาลูกชายถึงได้แก่แดดแก่ลมถึงขนาดนี้ ตอนเด็ก ๆ ลูกไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอย่างนี้เลย ถ้าลูกเป็นเด็กตลอดไปโดยไม่ต้องโตได้ก็คงจะดี"


คนเป็นแม่ไม่กังวลเรื่องโรคหนองในเท่าใดนักเพราะมันเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่รักษาได้ง่ายๆ แค่ฉีดยาเข็มเดียวก็หายแล้ว สิ่งที่เธอเป็นกังวลคือ โรคอื่นที่ร้ายกว่าโรคหนองในหลายร้อยเท่าซึ่งต้องอาศัยเวลาฟักตัวนานเป็นเดือนกว่าจะตรวจรู้ว่าลูกชายติดโรคนี้ด้วยหรือไม่


เธอไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายที่มีคำหน้าชื่อว่า "เด็กชาย" อยู่นั้นไปไกลถึงขนาดนี้  เธอกังวลไปว่าถ้าลูกชายใช้ชีวิตอย่างขาดความระมัดระวังและยับยั้งชั่งใจเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ  ก็จะอาจส่งผลเสียต่ออนาคตอันยาวไกลของลูก เธอพยายามบอก พยายามสอนแล้ว พยายามใช้ทั้งไม้นวม ไม้แข็ง แต่ก็ไม่เป็นผลอะไรสักอย่างเดียว ลูกไม่เชื่อฟังคำของเธอเลยราวกับว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ออกมาจากท้องของเธอ!


ตอนที่กลุ้มใจหนักๆ เธอกับสามีเคยไปหาหมอดูเพื่อให้ดูเกี่ยวกับอนาคตของลูกชาย หมอดูทายแม่นเหลือเกิน บอกว่าลูกชายคนนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้ไม่รู้จักหย่อน คนเป็นพ่อจะเดือนร้อนมากจากลูกชายคนนี้และบอกว่าไม่อาจพึ่งพาอะไรได้เลยในอนาคต


สามีของเธอนั่งฟังด้วยความห่อเหี่ยวใจ  หมอดูคนนี้ขึ้นชื่อว่าทายแม่นมาก หมอดูสามารถบอกเรื่องราวต่างๆ ในอดีตได้อย่างถูกต้อง  ตอนที่ท้องลูกคนหนึ่ง เธอฝันแปลกๆ และให้หมอดูคนนี้ทำนาย หมอดูบอกว่าจากความฝัน  เธอจะแท้ง แล้วเธอก็แท้งจริงๆ


เมื่อเจอหน้าลูก เธอแทบจะร้องไห้ ลูกดูโทรมไปถนัด ริมฝีปากดำคล้ำและฟันผุ หน้าตาแห้งเหี่ยวและมีสิวเขรอะเต็มหน้า ลูกที่น่ารักของเธอได้จากไปแล้วจริง ๆ?


นางพยาบาลที่โรงพยาบาลได้แต่ร้องอุทานว่า "ตายแล้วประเทศไทย! ตายแล้วประเทศไทย! ๆ ๆ ๆ"  เหตุเพราะว่าที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่พบคนป่วยด้วยโรคหนองในมานานแล้ว อีกทั้งคนที่มารักษาก็ยังเป็นเพียงเด็กชายที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม 3 เท่านั้น 


.………


โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นมีส่วนช่วยทำให้สุเมธกลับมาเป็น "เด็กดี" ได้อีกหน เขาสงบเสงี่ยมมากขึ้น ไม่ซ่าส์เหมือนเก่า ไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรอบหมู่บ้านเหมือนเคยซึ่งอาจจะเป็นเพราะความอาย ตอนนี้เพื่อน ๆ ต่างรู้กันหมดแล้วว่าเขาเป็นโรคอะไร บางคนบอกว่าเขาอ่อนหัดที่ไปฟันผู้หญิงโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ บางคนบอกว่าเขาโดนผู้หญิงหลอกให้ติดโรค


คำพูดคำจาของสุเมธลดความก้าวร้าวลงมาก เรียกได้ว่าเขาซึมไปเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเขากลัวโรคเอดส์ซึ่งอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เขาจะต้องไปตรวจ เขาจะไม่ตรวจก็ได้ ทางโรงพยาบาลไม่ได้บังคับ แต่แม่บอกให้เขาตรวจดีกว่าจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลใจทั้งแม่ทั้งลูก


เขาโทรศัพท์มาหาแม่ทุกคืน เล่าโน่น เล่านี้ให้ฟัง ว่าเขาไม่ออกไปไหนเลยตอนกลางคืน ว่าเขาเข้าเรียนโดยไม่ "โดด" เลยแม้แต่วิชาเดียว เขาไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า ก่อนครูหลายๆ คนเสียอีก การบ้านก็ทำครบทุกวิชาโดยไม่ต้องลอกใครด้วย


 "การบ้านไม่เห็นจะยากเลย" เขาว่า


..........


โรงเรียนที่สุเมธเรียนอยู่ ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นโรงเรียนประจำอำเภอที่มีนักเรียนมากพอสมควร  เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปพร้อมกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน มีเพื่อนคนหนึ่งซ้อนท้ายเขาไปด้วย บางวันเขาจะแวะร้านเกม  บางวันเขาจะแวะตามป้ายรถเมล์ที่สามารถจับกลุ่มกันได้ บางวันก็แวะไปบ้านเพื่อนที่นัดแนะกันไว้แล้ว และไม่แน่ว่าอาจมีผู้หญิงอยู่ด้วย พฤติกรรมเหล่านี้หายไปในช่วงที่เขาป่วย


………


แต่หลังหายป่วยแล้วสุเมธก็กลับมาเป็นสุเมธชนิดที่ขัดใจพ่อแม่เหมือนเดิม.