Skip to main content

รับน้องไม่มีเหล้าก็เซ็ง

คอลัมน์/ชุมชน


 


ผมจำได้ว่าการดื่มเหล้าครั้งแรกในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อตอนรับน้องตอนเข้าเรียนปี ๑ ซึ่งเป็นการรับน้องนอกสถานที่ ตอนนั้นมีกิจกรรมมีเกมมากมายให้เล่นด้วยกัน ระหว่างเพื่อนใหม่ และรวมทั้งรุ่นพี่


 


พอตกกลางคืน ถือว่าตื่นเต้นมากเพราะรุ่นพี่ให้แยกกลุ่มผู้ชายออกมาต่างหาก ซึ่งก็มีการทำกิจกรรมที่เป็นแบบผู้ช้ายผู้ชาย ชนิดที่พวกเจนเดอร์คงนั่งด่าได้เป็นวันๆ น่ะครับ เช่น ให้ฝืนทำอะไรนานๆ เพื่อฝึกความอดทน ให้ถอดเสื้อถอดผ้า แต่ยังไม่ถึงกะเปลือยนะครับ และก็มีกิจกรรมการเช็คความเป็นผู้ชายจริงๆ ด้วยการตะคอกถามแบบโหดๆว่า "ในนี้มีใครเป็นกะเทยมั้ย"  "............................"  คงพอจะรู้คำตอบกันนะครับ  ก็คิดว่า จะมีใครตอบมั้ยเนี่ยว่า "ฉันเป็น" หรือ "ผมเป็น"  จู่ๆ ถามมาซะอย่างงั้น 


 


ทีนี้เริ่มดึกพอหอมปากหอมคอ พี่ก็ให้มานั่งล้อมวงคละกันกับรุ่นพี่ และก็เริ่มด้วยเหล้าขวดแรก จำได้ว่าเป็นเหล้าแสงโสม เมื่อเหล้ามาวางตรงหน้า พี่คนหัวโจกตั้งกติกาให้ดื่มเหล้าเวียนจนหมดขวดโดยเริ่มจากคนแรกจนถึงคนสุดท้าย


 


ณ เวลานั้น คิดว่าคงมีคนที่เพิ่งสัมผัสเหล้าครั้งแรกเหมือนผม โดยสังเกตได้จากสีหน้า  นับว่าเป็นการดื่มเหล้าแบบเพียวๆ ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะรสชาติมันขมมากๆ สำหรับตัวผม  แต่คืนนั้นสรุปว่าหมดเหล้าไปหลายขวด แต่ละคนเมามากเมาน้อย อ้วกมากอ้วกน้อย ป่วงมากป่วงน้อย แตกต่างกันไป ผมซึ่งถือว่าไม่เมามากเพราะ พอรู้ว่าเหล้าเพียวๆ มันขมมาก จึงแค่จิบๆ ให้ลิ้นได้รู้รสชาติ รุ่นพี่ก็ไม่ได้บังคับอะไร ก็ได้มองเพื่อนๆ พี่ๆ เมากันหลายคนเป็นที่เฮฮาสนุกสนาน ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่ง


 


นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อ ๗ ปีที่แล้ว มาถึงปีนี้ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่มีโฆษณาเรื่องรณรงค์งดเหล้าในงานรับน้อง ก็เลยทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงตัวเอง ณ เวลานั้น และเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนบทความนี้ขึ้นมา  ซึ่งในเวลาใกล้ๆ กันก็มีการสำรวจว่า คนไทยถือเป็นขี้เหล้าอันดับต้นๆ ของโลก


 



 


นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ลิ้นสัมผัสแอลกอฮอล์ จนกระทั่งเรียนจบปี 4 ผมมีประสบการณ์ทั้งเล่น เรียน ทำกิจกรรมต่างๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยและนอกรั้วมาวิทยาลัยมากมาย แน่นอนว่าย่อมมีทุกๆ อารมณ์ ทั้งสุข เศร้า เหงา รักคละเคล้า แต่สิ่งหนึ่งที่ไปกับเราในทุกๆ ที่ก็คือแอลกอฮอล์


 


ถ้าขึ้นดอยก็มีเหล้าป่า ถ้าไปนั่งซุ้มในมหาลัยก็เหล้าแสงโสม ถ้าไปผับไปบาร์หรูขึ้นมาหน่อย ไม่สเปร์ย รอยัล ก็เหล้า 100 ส่วนถ้าจะกินเบียร์ก็เบียร์ช้าง สามขวดร้อย ไม่ได้กินหรอกครับเบียร์ขวดสีเขียวๆ เพราะเราเน้นปริมาณมากที่สุด ไม่มีเงินก็ผลัดกันจ่ายบ้างไม่ถึงกะต้องกู้หนี้ยืมสิน เรียกได้ว่าหามาได้ในทุกๆ ที่เมื่อเกิดการรวมตัว คนที่กินเหล้าด้วยกันก็กิน คนที่ไม่กินเราก็ไม่ได้บังคับ ซึ่งก็มีหลายๆ แบบ สรุปคือ ถึงแม้ผมไม่ได้กินเหล้าครั้งแรกในวันรับน้อง โอกาสที่จะได้กินเหล้าก็มีอีกเยอะแยะมากมาย ตลอดระยะเวลาที่เหลือ


 


วันนี้เป็นวันครื้มฟ้าครื้มฝนในเดือนกรกฎาคม ปี ๒๕๔๙ ผมเรียนจบมาแล้วสามปี ทำงานแล้ว ปัจจุบันดื่มเหล้าผสมโค้ก แต่ถ้ามีเบียร์จะดื่มเบียร์มากกว่า ที่สำคัญต้องมีเพื่อนดื่ม ถ้าไม่มีเพื่อนดื่ม ผมก็ไม่ดื่ม  กับเพื่อนเก่าสมัยเรียน ถ้ามีการนัดเจอกัน ทุกครั้งเราก็จะนัดเจอกันที่ร้านเหล้า ร้านเบียร์ เออ..แปลกเหมือนกันเราไม่เคยเคยนัดเจอกันที่ร้านกาแฟ


 


กลับมาที่แคมเปญรณรงค์งดเหล้าในงานรับน้อง ถือว่าเป็นแคมเปญที่สร้างสรรค์ ออกมารณรงค์ได้ดี แต่อยากให้สร้างเป็นหนึ่งในทางเลือกหลายๆ ทางเลือกในหลายๆ มุม เพราะการรณรงค์มากมายที่บอกแต่ผลเสีย อยากให้บอกให้ครบ เพราะท้ายสุดแล้ว เราจะตัดสินใจดื่มเหล้าหรือไม่ก็คือตัวเราเอง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเอามากรอกปากเราได้ ถ้าเราจะไม่กิน


 



 


ทุกท่านรู้จัก โต วงซิลลี่ฟูล กันมั้ยครับ ตอนนี้เค้าออกจากวงแล้ว สาเหตุที่เค้าออก เพราะเขาโดนโหวตออกจากการมีความเห็นที่ต่างไปจากสมาชิกคนอื่นในวง คือพยายามไม่รับงานที่มีการโฆษณาแอลกอฮอล์  จึงโดนสมาชิกในวงโหวตออก จากเหตุการณ์นี้ผมรู้สึกชื่นชมคุณโตมาก ไม่ใช่เพราะเค้าไม่รับงานโฆษณาที่เกี่ยวกับเหล้าหรอก แต่ชื่นชมในความกล้าที่จะแสดงจุดยืนของตัวเองที่ชัดเจน


 


จุดยืนในที่นี้อาจรวมถึงจุดยืนในการเลือกที่เราจะดื่มเหล้าขนาดไหน ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับตัวเองและคนอื่น ด้วยก็ได้นะ ผมว่า