Skip to main content

หมู่บ้านของความเปลี่ยน (2)

คอลัมน์/ชุมชน


 


เมื่อนึกไปถึงภาพเก่าๆ ของหมู่บ้านบ้านเกิดของผม เพียงไม่กี่สิบปีผ่าน 


จะมองเห็นได้เลยว่ามีความแปลกเปลี่ยนไปอย่างเร็วและแรง อย่างไม่น่าเชื่อ


           


และทำให้ผมรู้สึกโหยหา  อดนึกถึงภาพเก่าๆ อีกครั้ง


นึกไปถึงถนนดินแดงที่ทอดยาวโค้งผ่านดงป่าสักอันปกครึ้ม


เสียงฮอกกระดึงวัวดังมาแต่ไกล  เสียงล้อเกวียนบดถนนเคลื่อนผ่านหน้าบ้านไปช้าๆ


           


นึกไปถึงภาพของพ่อที่เป็นพรานป่ามือฉมังของหมู่บ้าน จำได้ว่า บ่อยครั้ง บางห้วงยามเย็นผมชอบจ้องมองพ่อเวลาแบกร่างสัตว์ป่าเดินออกมาจากป่า เดินเข้ามาในหมู่บ้าน ไม่ว่าไก่ป่า หมูป่า เก้ง แม้กระทั่งเสือตัวใหญ่ พ่อล้วนเคยแบกใส่บ่าหลังงุดๆ มาแล้วทั้งนั้น เสียงหมาเห่าดังลั่น เด็กๆ วิ่งตามกันเป็นพรวน


นั่นบ่งบอกว่า หมู่บ้านของเรานั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก


 


และทำให้ผมนึกไปถึงใบหน้าของผู้คนในหมู่บ้าน ใช่...ทุกคนล้วนเป็นชาวนา


นึกถึงตอนที่ผมยังเด็ก ยามเมื่อถึงเวลาที่นาฉ่ำน้ำ ฟ้าฉ่ำฝน ฤดูทำนาได้เริ่มต้นขึ้น ผมชอบนั่งมองพี่ชายกับวัวควายอยู่เต็มท้องทุ่ง เสียงพี่ชายกำลังตะโกนโหวกเหวกไล่วัวไถนา 


 


นั่นร่างเล็กและกายกำยำของพ่อ ดูสิเนื้อตัวกรำกร้าน ขยันขันแข็ง หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน กำลังก้มๆ เงยๆ ใช้สองมือจ้วงเข้าไปในเนื้อดินเหนียวในท้องนามาโปะกั้นคันนาเก่าที่ผุกร่อนเป็นรูโหว่ด้วยโพรงหนูให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเก่าก่อนเหมือนทุกๆ ปี


           


ภาพของพ่อหรือภาพของชาวนาคนไหนๆ ล้วนเปรอะเปื้อนด้วยเนื้อดินโคลน เกรอะกรังเต็มใบหน้า เนื้อตัว แขนขา ยิ่งยามลมท้องทุ่งพัดโชย ยิ่งหอมกลิ่นดิน กลิ่นเหงื่อผุดซึมผ่ายกายเสื้อผ้าเปียกชื้น ล่องลอยมาแต่ไกล ให้ได้สัมผัสรับรู้รสกลิ่นความเป็นชาวนาอยู่ย้ำๆ


           


นานและนาน กว่าจะทำการไถพลิกไถกลบไถคราด จนเตรียมพร้อมกับการดำนาในรอบปี


 


มองไปทางฟากตะวันออก


ข้าวกล้าที่หว่านไว้เมื่อหลายเดือนก่อน


เริ่มเขียวสดไสวล้อแดดลมเล่นอยู่ไหวๆ


ทุกคนกำลังอยู่กลางท้องทุ่งแห่งชีวิต...


 


ในเพิงพักหยาบๆ สร้างด้วยไม้แขมไม้อ้อ มุงด้วยหญ้าคาสดๆ ที่ตัดมาจากริมลำเหมือง น้าชายกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น หงายคมมีดพาดกับหลักไม้ง่ามเล็กๆ ตรงหน้า หยิบมัดข้าวกล้าที่ถอนวางอยู่ใกล้ๆ จ่อปลายกล้าตัดกับคมมีดอันคมกริบ 


 


แหละนั่น,ภาพของพี่ชายกำลังหาบคอนตะกร้าไม้ไผ่ใส่ต้นข้าวกล้าเหยาะย่างไต่ไปตามคันดิน มาวางไว้ตรงนั้นตรงนี้ของมุมคันนาสี่เหลี่ยมตาหมากรุก พร้อมตะโกนบอกผมให้ช่วยตกกล้าโยนกล้าข้าวลงไปในนา ดักรอทุกคนที่กำลังก้มเงยดำนากันอย่างขมีขมัน


           


ทุกคนเรียงรายเป็นแถวหน้ากระดานกันเข้ามา ในนาปริ่มน้ำ มือกร้านจับข้าวกล้าจวกจ้ำลงในน้ำดินโคลน ก่อนสวบสาวเท้าไปข้างหน้ากันอย่างเป็นจังหวะ บางคนถนัดปลูกข้าวถอยหลัง ไม่มีใครว่า มีบ้างบางคนจะชอบแกล้งดำนาปลูกข้าวบีบช่องคนอื่นให้เล็กลงๆ แกล้งคนข้างๆ ที่ดำนาช้ากว่าให้หาทางออกไม่ได้


           


ทุกคนกำลังอยู่กลางท้องทุ่งแห่งชีวิต...


 


พอแดดร้อนจ้า ตะวันลอยอยู่กลางหัว...นั่นแหละถึงจะรู้กันว่าใกล้ถึงเวลาพักกินข้าวเที่ยงกันแล้ว ในขณะที่กำลังก้มๆ เงยๆ ดำนา ในแสงแดด ในความหิว  สายตาทุกคนจะแอบชำเลืองมองหาว่ากับข้าวมื้อเที่ยงว่าเดินทางมาถึงหรือยัง...


           


"นั่น, มาแล้วๆ..." เสียงใครคนหนึ่งตะโกนก้อง...


 


ภาพของแม่นุ่งผ้าถุงใส่เสื้อสีดำ สวมหมวกใบกว้าง  กำลังหาบคอนเปี๊ยดซ้า กระบุงไม้ไผ่ย่างมาตามคันนาเล็กๆ เลาะเลียบมาตามลำเหมือง เป็นการย่ำย่างที่งดงามในความรู้สึกผม แต่ละก้าวๆ นั้น รับรู้ได้ว่าเป็นการย่ำย่างบนความคุ้นเคยอย่างดี  เป็นการย่ำย่างมาตามจังหวะแรงโน้มถ่วงของสายเชือก ไม้คาน กระบุง ไหล่บ่า และน่องขาของแม่


           


ภายในกระบุงไม้ไผ่นั้นอัดเต็มไปด้วยข้าวเหนียวข้าวนึ่งสุกร้อน พร้อมกับข้าวกับปลาอาหารพื้นเมืองที่คุ้นเคย พร้อมถ้วยช้อนจานวางซ้อนกันอยู่ข้างใน แน่นอนต้องมีเหล้าน้ำขาวที่พ่อหมักเอาไว้นอนนิ่งอยู่ในนั้นด้วย


           


บางจังหวะผมมองเห็นแม่หยุดตรงสะพานไม้ที่ทอดวางอยู่สองแผ่น แม่ค่อยๆ ดึงชายผ้าถุงขึ้น ก่อนเหยียบย่างแผ่นไม้ข้ามผ่านลำเหมืองผ่านพ้นมาได้ ท่ามกลางเสียงของชาวบ้าน ทุกคนหยุดดำนา ต่างหันมาลุ้นและเอิ้นแซวแม่กันโหวกเหวก...


           


"ระวังลื่นเน้อ...เดี๋ยวอดได้กินข้าว..."


           


"หอมจังเลย วันนี้กับข้าวมีอะหยังพ่องหนอ..."


           


"ลาบ แกงอ่อม หรือน้ำพริกอ่อง..." ฯลฯ


           


ผมแอบจ้องมองความงามในชีวิต


ในแสงแดด มีความหวัง


ในการงาน มีเหงื่อไหล


ในความหิว มีความสุข


มีเสียงหัวเราะ เสียงกระเซ้าเย้าแหย่


ไม่มีใครเกี่ยงงอน หรือทดท้อ


ทุกคนช่วยเหลือ  เอามื้อเอาวันกัน


นิ่งฟังสิ,เหมือนกับว่าบทเพลงชาวนาแว่วมาแต่ไกล...


 


ครับ, ผมกำลังโหยหาอดีตอันงดงามที่จางหายไปนานแล้ว...


 


ในขณะห้วงปัจจุบัน ความแปลกเปลี่ยนกำลังไหลเลื่อนเคลื่อนคลุมหมู่บ้าน


ปกคลุมหัวใจของผู้คนทุกลมหายใจเข้าออก


คิดแล้ว  น่าใจหาย.