Skip to main content

จากสุวรรณภูมิ ถึงรถไฟฟ้า 3 สาย

คอลัมน์/ชุมชน

ช่วงนี้อยู่ในบรรยากาศชื่นมื่นที่ผู้บริหารประเทศสร้างสรรค์ขึ้นกันอย่างเต็มที่ ประเทศไทยไปถึงความฝันที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งเอเชียด้วยการนำเสนอสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย สนามบินสุวรรณภูมิ


 


ซึ่งได้ผ่านการทดสอบการทดลองใช้เชิงพาณิชย์ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 29 ก.ค.49 ที่ผ่านมา ท่ามกลางการขุดค้นถึงความไม่ชอบมาพากลในการประมูลจัดจ้าง จัดซื้อ การดำเนินงาน การก่อสร้าง การติดตั้ง และอุปกรณ์ในสนามบิน รวมถึงความน่าวิตกของคุณภาพของลานบินว่ามีรอยแตก รอยร้าว และแนวยุบตัวลงไป ซึ่งได้รับคำอธิบายว่า เป็นไปตามคาดการณ์อยู่แล้ว เพราะเป็นสนามบินที่สร้างอยู่ในหนองมีชื่อว่าหนองงูเห่า นึกภาพว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ มีงูเห่าชุกชุมได้ภาพอยู่เหมือนกัน กว่าจะสร้างเป็นลานบินขึ้นมาได้ต้องดูดซับน้ำออกไป การถมทราย การปล่อยให้พื้นยุบตัวลงไป ซึ่งเป็นทฤษฏีที่ต้องดำเนินการไปตามเงื่อนไข เช่น การถมทรายได้มาตรฐาน การทรุดตัวลงของดินเป็นไปอย่างเท่ากัน ไม่เหลื่อมกัน แต่หากมีการดำเนินการที่ผิดเงื่อนไขไป แล้วทำให้ไม่เป็นไปตามทฤษฎีการยุบตัว ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกหวาดเสียวอยู่เหมือนกัน ต้องมีแผนการรองรับและแก้ปัญหาได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็ไม่ใช่คนที่จะมีโอกาสใช้สนามบินนี้เท่าไรนัก ก็ได้แต่เฝ้าดูความภาคภูมิใจนี้อยู่ห่างๆ เท่านั้น


 


สิ่งที่ใกล้ตัวเข้ามาและประชาชนทั่ว ๆ ไปมีโอกาสสัมผัสและได้ใช้ประโยชน์มากกว่าคือบริการรถไฟฟ้า ที่กำลังเป็นเรื่องร้อนขึ้นมา เพราะอย่างไรคณะรัฐมนตรีก็คงจะอนุมัติให้มีการสร้างให้ได้ ด้วยการนำเสนอเรื่องของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ปัจจุบัน ทั้งประเทศไทยมีรถไฟฟ้าอยู่เมืองเดียวคือเมืองหลวงกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรของเราชาวไทย และมีเพียง 3 เส้นทางเท่านั้น  ทั้งบนดิน ใต้ดิน ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่จะมีระบบรถไฟใต้ดินในเมืองใหญ่ๆ เมืองท่องเที่ยวให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในราคาประหยัดและสะดวกรวดเร็ว ลดการใช้รถส่วนตัว ประหยัดพลังงานได้จำนวนมหาศาล ส่วนใหญ่จะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน 


 


ขณะที่ของไทยที่กำลังพิจารณาเพิ่มอีก 3 เส้นทางจะเป็นรถไฟลอยฟ้า  ลอยอยู่เหนือหัวเรา บ้านเรา ลอยอยู่เหนือเกาะกลางถนน กลายเป็นหลังคาให้ถนนไปในตัว ไม่ต้องมีต้นไม้ให้ร่มเงา มีแท่งคอนกรีตให้ร่มเงาแทน  รถไฟฟ้าทั้ง 3 สายที่จะสร้างคือ สายที่เน้นให้บางซื่อเป็นศูนย์กลางคือ สายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-รังสิต สายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ   โดยจะเป็นการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Lump Sum Turnkey) หมายถึงให้ผู้รับเหมาออกแบบรายละเอียดไป ก่อสร้างไป พร้อมกัน รวมถึงการเสนอเส้นทาง เทคโนโลยี และการเวนคืนที่ดิน ที่รัฐต้องดำเนินการให้ตามที่บริษัทรับเหมาเสนอเส้นทางที่เหมาะสมมา


 


ซึ่งระบบจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จนี้เคยใช้มาแล้วกับการสร้างทางด่วนบางนา ชลบุรี  และทำให้เกิดการเสียค่าโง่ คือการทางพิเศษถูกอนุญาโตตุลาการสั่งให้เสียค่าปรับจำนวนกว่า 6,000 ล้านบาทให้บริษัทผู้รับเหมา เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการเรื่องเวนคืนที่ดินให้เพื่อก่อสร้างได้ทันเวลา ทั้งนี้ กรณีทางด่วนบางนา ชลบุรี เป็นความสมยอมหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อจะได้มีการจ่ายค่าปรับให้บริษัทโดยเงินของรัฐ  ซึ่งเป็นบทเรียนที่ต้องจดจำ เมื่อรัฐไม่มีเงินลงทุนมากพอก็ต้องเปิดให้เอกชนมาลงทุนให้ก่อน แต่วิธีการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะจะมีจุดอ่อน ช่องว่าง และก่อให้เกิดความไม่โปร่งใสในการดำเนินการได้ ประชาชนอาจได้ใช้รถไฟฟ้าที่ลงทุนสูงเกินจริง หรืออาจไม่ได้ใช้เลยก็ได้หากมีการฟ้องร้องกันระหว่างบริษัทกับรัฐบาล


 


จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบการดำเนินการสร้างรถไฟฟ้านี้ ทั้งเรื่องการออกแบบ การเลือกบนดิน ใต้ดิน วิธีการจ้างเหมา การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ และการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ตั้งครรภ์ ผู้พิการ วัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง พื้น บันได ลิฟท์  สถานีจอด สถานีส่วนต่อเพื่อไปใช้รถเมล์หรือบริการอื่นๆ  ลานจอดรถ เป็นต้น


 


ดังกรณีของสนามบินสุวรรณภูมิที่ดูหรูหราโอ่อ่า และยืนยันว่าได้จัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ แต่เมื่อผู้พิการไปตรวจสอบกลับพบว่า มีหลายจุดที่แย่และอาจเป็นอันตราย ทั้งประตูทางเข้าออก พื้นห้องโถงผู้โดยสาร ห้องน้ำ ลานจอดรถ อาคารบริวาร ซึ่งเมื่อกลุ่มผู้พิการท้วงติงไปก็บอกว่าไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะไม่ได้ออกแบบไว้ หรือการสร้างไปแล้วต้องรื้อไม่อยู่ในสัญญา หากต้องการทำก็ต้องหางบมาปรับปรุงแก้ไข เหตุผลเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีกกับกรณีการสร้างรถไฟฟ้า  เช่น มีลิฟท์ให้ก็จริงแต่นำไปอยู่ในจุดเปลี่ยว ปลอดคน หรือปิดกุญแจไว้ตลอด ทำให้ไม่สะดวกจะเข้าไปใช้ หรือมีความล่อแหลมต่ออันตราย เป็นต้น


 


ไม่ว่ารัฐจะก่อสร้างอะไรควรคำนึงถึงประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ ผู้พิการ วันนี้ยังสามารถขึ้นบันไดสูงชันข้ามถนนได้ แต่สักวันหนึ่งร่างกายอ่อนแรงจะทำอย่างไร ทุกคนเป็นผู้สูงอายุได้สักวันหนึ่ง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต คงต้องคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ไว้เสมอ รวมถึงการจ้างเหมาที่ไม่เสียเปรียบบริษัท มีการใช้เงินของรัฐให้คุ้มค่าที่สุดด้วย ที่สำคัญควรมีคณะกรรมการจากตัวแทนประชาชนร่วมติดตามการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อประกันว่าไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบต่อสุขภาวะของประชาชนโดยส่วนรวม