Skip to main content

หมาแมว Marketing 2

คอลัมน์/ชุมชน

 
ถือเป็นวรรคทองของชีวิต


 


 


บ้านนอกเข้ากรุงปิ๊กบ้านเสียที หลังจากพาภาพหมาแมวผลงานของตัวเองไปแสดงที่งาน Thailand Pet Expo 2006  อีฉันก็กระซบกระซากกลับมาด้วยอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เพราะถูกเมืองบางกอกดูดพลังงานไปหมดสิ้น ด้วยจังหวะลมหายใจ และจังหวะชีวิตที่ต่างกัน  คนที่เคยทำงานในเมืองเชียงใหม่ ที่วันหนึ่งสามารถทำได้สิบอย่าง เมื่อไปเจอชีวิตในกรุงเทพ ก็ทำเอาหมดแรง


 


งาน pet expo เป็นงานที่รวบรวมสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากมาย และว่ากันว่าเป็นงานที่เจ้าของพาสัตว์มาโชว์ และเห็นจะเป็นจริงดังนั้น ภาพที่เห็นคือสุนัขราคาแพง ประดับประดาด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับ พากันมาเดินในศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  เดินไปฉี่ไปอึไป แม่บ้านที่นั่นทำงานได้ดีเยี่ยมจริง ๆ


 


เห็นบรรดาสรรพสิ่งที่มนุษย์สรรขึ้นมาเพื่อสุนัขแล้วก็ให้อึ้ง  อย่างสปา โอ้โฮ พระเจ้า นึกถึงน้องปิ่นข้างบ้านที่เกิดมาระบบประสาทพิการ จนขยับร่างกายไม่ได้ ต้องนอนพลิกไปพลิกมา มีแม่เป็นสปาส่วนตัว ที่คอยอุ้มลูกออกมาดูโลกภายนอก  แค่ฉันเทน้ำมียี่ห้อจากขวดให้แมวกิน เพราะกลัวแมวเป็นนิ่ว แม่น้องปิ่นก็อึ้งพึมพำว่า แมวบ้านนี้กินน้ำดีกว่าน้ำบ้านเธอเสียอีก ทำเอาฉันอึ้งเหมือนกัน


 


สปาหมาที่เมืองบางกอกนั้น เขามีเตียงเล็ก ๆ ให้น้องหมาเหล่านั้นนอน แล้วนวดตัวนวดเท้า โดยมีน้องนอนหลับตาพริ้มทำหน้าสุขล้น  เดินไปอีกหน่อย มีร้านบิวตี้ซาลอน มีอีกตัวนอนคว่ำอยู่บนเตียง ให้ช่างยกกระบังที่ผมตรงหน้าหมา ตั้งตรงเป็นกำแพงเมืองจีน


 


มีร้านเสื้อผ้าของน้องสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นอีกมากมาย  สายเดี่ยวหมาตัวละ 250 บาท กางเกงยีนส์หมาก็หลายร้อย เสื้อยืดหมาเขียนว่า hip ตัวละ 90 บาท เท่าเสื้อยืดห่านคู่ที่ฉันใส่ ยังไม่นับอาหาร และสิ่งบำรุงบำเรอน้องหมาแมวอีกมากมาย ถ้าซื้อคงหมดตัว


 


กลับมาเล่าเรื่องงานฉันดีกว่า พารูปหมาแมวจำนวน 50 รูปไปแสดง ผู้คนกรี๊ดกร๊าดเป็นอันดี กับความน่ารักของแมว ฉันสังเกตว่างานของฉันนั้น แมวมีมากกว่าหมา คงเพราะฉันเลี้ยงแมว และสนิทกับแมว ส่วนภาพหมานั้นเป็นภาพอีกแนวหนึ่ง คือ แนวห่าง ๆ มีองค์ประกอบโดยรวมของภาพเข้ามาทำให้ภาพสมบูรณ์ด้วย เช่น นอกจากหมาก็มีวิว มีภูเขา สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวเวลาถ่ายภาพหมาคือ พยายามโฟกัสที่ตา คงเป็นเพราะฉันไม่เลี้ยงหมา และออกจะกลัว ๆ กับรูปลักษณ์ของมันที่ใหญ่กว่าแมว ภาพจึงมีระยะห่าง


 


พี่เพียงภาพเดียวเท่านั้น ที่หากเป็นกวีก็ถือได้ว่าเป็น "วรรคทอง" ของชีวิต คือภาพเณรถือบาตรและมีหมาขาวมาแทรกตรงกลาง ปานประหนึ่งเธอเป็นเณรด้วยนั้น ทุกคนที่เดินผ่านล้วนหยุดมอง ชี้ให้กันดู แล้วหัวเราะ


 


กำไรขาดทุนไม่สำคัญอีกแล้ว แม้จะถูกรีเซฟชั่นหน้าสำนักงานเปรยขึ้นมาว่า "สงสัยจบสูงนะเนี่ย"  หลังจากฉันอธิบายเธอว่างานของฉันเป็นงานที่เกิดเพียงเสี้ยววินาที และฉันบังเอิญเก็บภาพเหล่านี้มาได้นับร้อยนับพันรูป ฉันใช้เวลาสองสามปี ใช้กล้องราคาครึ่งแสนเพื่อให้ได้ภาพละเอียดและมีมิติ (มันเป็นอุปกรณ์ในอาชีพของฉัน)  ฉันไม่ได้จับหมาจับแมวมาตั้งบนโต๊ะแล้วถ่ายรูป มีต้นทุนนามธรรมที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่ในนั้น


 


เสียงหัวเราะของผู้ชมที่ชมภาพของฉัน นั่นคือกำไรชีวิตที่มองไม่เห็น หากสดับรับฟังได้


 


 























แขกรับเชิญของเรา แมวตัวโปรด



หน้างาน



ไฮไลท์



หมาเดินผ่าน



นี่ก็เดินผ่าน



บรรยากาศ



หน้ากลมนอนตาย รูปนี้คนชอบ



รูปนี้ทำให้หายคิดถึงบ้าน



มูมู่ทัดดอกไม้ นางเอกของงาน



กลับที่พัก (สีสันในแท็กซี่)



ตึกที่อยู่ไม่เป็น เห็นแล้วคิดถึงภูเขา



เขาออกกำลังกายในตึก
เพื่อนบอกว่าเขาเอาไว้หาผัวหาเมียกัน