Skip to main content

คุณแม่ยังสาว

คอลัมน์/ชุมชน


 


- 1 -


 


ช่วงวันแม่แห่งชาติปีนี้ เป็นอีกปีที่ผมมีโอกาสได้กลับบ้านที่เชียงราย –นานมากทีเดียวเลยครับกว่าจะได้กลับบ้าน และเชื่อว่าใครอีกหลายๆ คนก็คงจะใช้ช่วงเวลานี้กลับบ้านเกิดภูมิลำเนาของตน 


 


อย่างที่สถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ ที่ดูคับคั่งไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คงจะกลับบ้านเนื่องในวันแม่แห่งชาติ เพื่อไปพบแม่ พบญาติพี่น้องของตัวเอง และผมก็เป็นคนหนึ่ง ที่กลับบ้านในช่วงวันหยุดนี้ เพราะวันแม่แห่งชาติ หรือช่วงที่มีวันหยุดยาวๆ นี้แหละครับ


           


- 2 -


 


กลับมาที่บ้านที่เชียงรายเมื่อไหร่  มักได้ยินคำถามจากบรรดาญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน ว่า "เมื่อไหร่จะแต่งงาน" - เดิมทีเมื่อได้ยินคำถามนี้แรกๆ ก็นึกงงว่าทำไมถึงมาถามผมบ่อยเสียเหลือเกิน แต่ต่อมาก็รู้ว่าที่ผู้ใหญ่แถวบ้าน ถามแบบนี้เพราะเด็กวัยรุ่น ทั้งรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม และอายุน้อยกว่าบางคนต่างมีครอบครัว มีลูกกันไปหมดแล้ว 


 


แต่ที่ค่อนข้างตกใจนิดๆ คือบางคนแต่งงาน มีลูกทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบเลย


 


ผมไม่ได้คิดจะว่ากล่าวว่าไม่ดีนะครับ แต่นี่คือปรากฏการณ์จริงที่พบกับตัวเอง           ที่บอกว่าบางคนแต่งงานและมีลูกทั้งๆ ที่อยู่ในวัยเรียนหนังสือนั้น ผมคิดว่าในชนบท ชาวบ้านมองเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ไปที่ไหน ถ้าบ้านใด ลูกสาวหรือลูกชายไม่มีแฟน คนก็มักจะถามว่า "ลูกมีแฟนหรือยัง" ซึ่งพอเอาเข้าจริงพ่อ แม่บางคนที่อยากให้ลูกๆ มีแฟนแต่พอเด็กคนนั้นมีจริงๆ ก็ทำใจยอมรับไม่ค่อยจะได้


 


ผมถามญาติที่รู้จักกันว่าทำไมคนนั้นคนนี้ถึงแต่งงานกันเร็วจัง ส่วนใหญ่ก็มักได้คำตอบทำนองว่า "เพราะผิดผี"  "เพราะผู้หญิงท้อง" และเพื่อเป็นหน้าเป็นตาครอบครัวบ้าง


 


เท่าที่ประสบการณ์อันน้อยนิดของผมที่มี เรามาทำความเข้าใจกันก่อน


 


เรื่องแรก การผิดผี – อย่าเพิ่งเข้าใจว่าผมหมายถึง ผีสางนางไม้ที่ไหน  เรื่องที่ว่าผิดผี ในความเข้าใจของผม คือ เด็กๆ หรือครอบครัวแต่ละที่ จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ผีปู่ย่าของตนเป็นผู้ดูแลและปกป้องคุ้มครองชีวิตของคนในเครือญาติผีนั้นๆ ให้อยู่รอดปลอดภัย พ้นจากภยันอันตรายต่างๆ ดังนั้น หากมีกรณีที่ผู้หญิง หรือผู้ชาย มีสัมพันธ์กัน หรืออยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องนอน เขาบอกว่า "บ่ดี" เพราะมัน "ผิดผี"


 


เมื่อผิดผีแล้ว ทางที่จะแก้ก็คือต้อง "เสียผี" การเสียผีนี้ อาจทำหลายทาง เช่น เลี้ยงหัวหมู เหล้าไหไก่คู่ หรือจนถึงการทำพิธีแต่งงานนั่นเอง ดังนั้น เมื่อหญิงและชาย (ในที่นี้หมายถึงเพศสภาพชาย-หญิง) อยู่ด้วยกัน คบกันเป็นแฟน หรือมีเพศสัมพันธ์กัน แล้วถือว่า "ผิดผี" ดังนั้นก็ต้องเสียผีทำขวัญ ฉะนั้นการแต่งงานที่เกิดขึ้นเร็วด้วยอายุที่ยังน้อยนี้ ส่วนหนึ่งเพราะความเชื่อเรื่องผิดผียังเป็นสิ่งสำคัญและเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน ด้วยเหตุนี้เด็กๆ ที่ผู้ใหญ่รับรู้ว่ามีเพศสัมพันธ์กัน จึงต้องเสียผีโดยการให้แต่งงานกัน


 


เรื่องที่สอง  การท้อง – นอกจากการมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างหญิง-ชายจะทำให้ผิดผีแล้ว บางรายหากมีอะไรกันแล้วไม่ได้ป้องกัน ก็อาจนำมาซึ่งการตั้งครรภ์ ตั้งท้องได้  ท้องได้ 2 – 3 เดือนก็ต้องบอกกับพ่อกับแม่ของตนว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้ใหญ่ก็จะเรียกอีกฝ่ายมาพูดคุยกันว่าจะเอายังไงดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น?


 


แต่ช้าก่อนนะครับ ก่อนที่จะมาถึงตรงจุดที่ว่าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงจะรู้นั้น แน่นอนว่าคนที่เป็นแฟนกันทั้งหญิงและชาย ย่อมต้องมีการพูดคุยปรึกษาหารือกันก่อนว่าจะเอายังไงดี? เมื่อรู้ว่าฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งจากการที่รับฟังเรื่องราวจากน้องๆ ที่ให้คำปรึกษาเพื่อนๆ พบว่า ส่วนมากฝ่ายหญิงจะซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินหลังจากมีเพศสัมพันธ์เสร็จ หรือไม่ หากว่ามีอายุครรภ์หลายเดือนอาจทำแท้ง หรือยุติการตั้งครรภ์ก่อนคลอด


 


แต่อย่าเพิ่งตระหนกตกใจไป เพราะเด็กหญิงบางคนที่ตั้งครรภ์ก็ไม่ได้เลือกที่จะยุติครรภ์ด้วยการทำแท้ง เพราะบางคนเลือกที่จะเก็บเด็กไว้ให้คลอดออกมาแล้วดูแลเลี้ยงดู ทั้งที่ฝ่ายชายบางรายไม่รับผิดชอบเด็กที่เกิดมาเลยก็ตาม หรืออย่างบางคนก็มีการเรียกให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยตกลงกันว่าจะทำอย่างไรดี จนในที่สุดเมื่อผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ต้องแต่งงานกันเพื่อให้เป็นหน้าเป็นตาของครอบครัว –ไม่อย่างนั้นจะเป็นขี้ปากชาวบ้านเค้า


 


- 3 -


 


ด้วยเหตุผลสองข้อนี้, แม้จะเป็นเสี้ยวหนึ่งของเหตุผลที่ทำให้วัยรุ่นสองคนต้องแต่งงานกัน ก็ทำให้พบว่าในชุมชนชนบทนั้น ระบบความเชื่อเรื่องวัฒนธรรมชุมชนโดยเฉพาะเรื่อง "ผีปู่ย่า" นั้นยังคงมีอยู่ และชาวบ้านทุกคนต่างตระหนักดีว่าระบบผีนี้ จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กวัยรุ่นมีอะไรกันขณะยังเรียนหนังสืออยู่ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กบางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีระบบ "ผิดผี" อยู่ในชุมชนของตน เมื่อเด็กไม่รู้ ก็อาจจะทำให้ผิดผีได้


 


อีกอย่างหนึ่งในเรื่องของการป้องกันผลที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันนั้น ถือเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่เพื่อนวัยรุ่นยังขาดข้อมูลหรือความเข้าใจในการป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ บางคนเลือกที่จะใช้ยาคุมฉุกเฉิน ทั้งที่ไม่รู้ว่ามีอันตรายต่อระบบอนามัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิงอย่างไร หรือบางคนก็เลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ก่อนคลอด ทั้งๆ ที่เป็นอันตรายต่อปากมดลูกของตน


 


มิซ้ำว่าที่สังคมยังมองเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ปกปิด การพูดคุยเรื่องการป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัย หรือการห้ามไม่ให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันเหมาะสม ถือว่าเป็นสิ่งที่สังคมตอกย้ำตลอดมา แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับใช้ไม่ได้ผล จนทำให้ได้เห็นผลกระทบต่างๆ จากการวิจัยหลายๆ ที่ว่า เด็กมีอัตราการตั้งครรภ์มากขึ้น มีอัตราการทำแท้งมากกว่า 50,000 คนต่อปี แต่สังคมก็ละเลยที่จะสอนหรือให้การเรียนรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยแก่วัยรุ่นโดยการใช้ถุงยางอนามัย ทั้งที่ผู้ใหญ่เองก็ไม่รู้ว่าเด็กมีเพศสัมพันธ์กันตอนไหน และตัวเองอยู่กับลูกตลอดเวลาหรือเปล่า


 


การแต่งงานที่ปรากฏมากขึ้นในหมู่บ้าน หรือในชุมชนชนบทนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ และผู้คนก็ไม่ได้ตีตราหรือว่ากล่าววัยรุ่นที่แต่งงานแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความไม่รู้ และขาดทักษะในการจัดการ การป้องกัน - เหล่านี้ยังไม่รวมถึงความสัมพันธ์ดีๆ ที่วัยรุ่นมีให้แก่กันนะครับ เพราะแน่นอนส่วนหนึ่งความรักก็เป็นเงื่อนไขที่ทำให้คนสองคนใช้ชีวิตคู่โดยการแต่งงานกัน


 


ทว่าสิ่งที่เห็นอีกอย่างคือ ในชุมชนเริ่มมีการปรับตัวกันมากขึ้น มีการพูดถึงการป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัยมากขึ้นซึ่งไม่ได้บอกแต่เพียงเด็กหญิงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา โดยคำบอกเล่าให้วัยรุ่นตระหนักในการมีเพศสัมพันธ์ โดยการเคารพสิทธิ์ของผู้หญิง การป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัย ตลอดจนความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมทางเพศของตน, เป็นสิ่งที่ชุมชนพูดคุยเรื่องกับวัยรุ่นผู้ชายมากขึ้น


 


- 4 -


 


สำหรับวันแม่ ที่กลับบ้านมาครานี้ ผมได้พบกับคุณแม่ยังสาวที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันตั้ง 2 คน ซึ่งแต่ละคนดูมีความสุขกับการใช้ชีวิตคู่และมีลูก แม้ว่าหนึ่งในสองคนนั้น พ่อของเด็กจะไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูก็ตาม แต่เขาบอกว่าพร้อมที่จะให้ความรัก ความอบอุ่นในการเลี้ยงดูลูก นอกจากนี้ ญาติพี่น้องและคนที่อยู่รอบข้าง ต่างเป็นกำลังใจให้เขาใช้ชีวิตกับลูกน้อยของตนอย่างมีความสุข


 


ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่า วันแม่ในนิยามความหมายที่ค้นพบและได้เห็นกับตัวเอง คงจะไม่ใช่ภาพของหญิงสูงวัยที่ดูแลลูกหลายคน เหมือนที่ผ่านมาเพราะต่อไปข้างหน้าหากวันแม่มาถึงอีก ผมคงจะนึกถึงภาพคุณแม่ยังสาวและมองไปถึงคุณพ่อที่ดูแลลูกของตนในสถานะ "แม่" มากกว่าที่ผมคิด ณ ห้วงเวลานี้


 


อีกอย่าง, ในฐานะที่เป็นลูก นอกจากจะให้ดอกมะลิแก่คุณแม่ของเรา เนื่องในวันแม่แห่งชาติแล้ว ก็อาจจะต้องคำนึงถึงเด็กหลายคนที่เกิดมาไม่มีแม่ หรือ คุณแม่ที่เกิดลูกมาในวัยที่ยังไม่พร้อมไปด้วย เพราะบางทีถ้าวันแม่เป็นวันที่ทุกคนนึกถึงภาพครอบครัว พ่อ แม่ ลูก โอบกอดกันอย่างแนบแน่น อาจมีใครอีกหลายคนที่ร้องไห้อยู่ในมุมแคบๆ แห่งหนึ่ง เพื่อร้องไห้ คิดถึงแม่ที่จากไป หรือ ไม่รู้ว่าใครคือแม่ของตนก็ได้ – เรายังจะสร้างสังคมที่กระทำกับบุคคลเหล่านี้อีกต่อไปกระนั้นหรือ?


 


- 5 -


 


ขณะที่คุณป้าวัย 50 กว่าๆ เดินผ่านผม ก็ถามขึ้นมาว่า "เมื่อไหร่จะแต่งงาน"


"ยังอีกนานครับ" ผมตอบ พร้อมถามกลับ "ทำไมถึงอยากให้แต่งงานล่ะครับ"


"อ๋อ ก็ป้าอยากอุ้มหลานอีกคนนะสิ" คุณป้าตอบด้วยแววตาที่มีความหวัง


ผมตอบกลับโดยที่ไม่ได้คิด "ไม่ดีกว่าครับ ยังไม่อยากเป็นคุณพ่อตอนหนุ่ม"


 


คุณป้าไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เดินผ่านไปพร้อมกับหลานสาวตัวเล็กๆ ที่พ่อและแม่ของเด็กฝากให้เลี้ยง เพราะทั้งสองต้องทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงลูก ภายหลังจากลาออกจากโรงเรียนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา