Skip to main content

หนทางของตัวเอง

คอลัมน์/ชุมชน

บ่อยครั้งที่เราพูดถึง "วิถี" กับ "ชีวิต"  เมื่อคำสองคำมารวมกันมันจึงแปรความหมายได้ว่า "ชีวิตคือการเดินทาง"  หรืออาจจะเพิ่มคำว่า "อันยาวไกล" เข้าไปอีก ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้คำ "วิถีชีวิต" เป็นถ้อยคำที่ครบความมากขึ้น เป็น "ชีวิตคือการเดินทางอันยาวไกล"  


 


บรรดานักเขียน กวี ผู้รังสรรค์งานวรรณกรรมทั้งหลายล้วนกล่าว เล่า และเขียนเรื่องราวมากมายนัก ด้วยความรู้สึก และมุมมอง ประเด็นที่แตกต่างกันออกไปตามวาระ ตามเวลา  และก็จะยังมีนักเขียน กวี ผู้สร้างงานวรรณกรรมทั้งหลาย ก็จะยังกลับมากล่าว เล่า เขียนเรื่องราว หรือคำ วิถีชีวิตนี้  ทั้งวันนี้ พรุ่งนี้ สิบปี ร้อยปีข้างหน้า  ด้วยว่าแท้จริงแล้วถ้อยคำนี้มันสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงอยู่ของผู้คน  มันคงไม่ใช่ถ้อยคำที่กล่าวเอาเท่ห์ หรือไพเราะ ดูดี หากแต่มันมีความหมายลึกซึ้ง ที่คอยย้ำเตือนเราเสมอว่า  เราจะมีหนทางแบบใดให้ชีวิต  เราจะดำรงอยู่เพื่ออะไร ในอันจะทำให้เราได้เติบโตอย่างงดงาม


           


ว่ากันอย่างนี้ว่า ผู้คนมากมายที่เดินทางอยู่บนการเดินทางอันยาวไกลโดยไม่รู้ว่าหนทางนั้นเป็นอย่างไร  ก้าวเดินไปหาสิ่งใด แล้วจะได้สิ่งนั้นมาเพื่ออะไร  เพียงแต่อยู่ไปตามสภาพสภาวะของเหตุปัจจัยภายนอก  ว่ากันมาตั้งแต่เราดำรงอยู่เพื่อตอบสนองความฝันที่ล้มเหลวของพ่อแม่  ดำรงอยู่เพราะสังคมบอกว่าดี   ดำรงอยู่เพราะสถานการณ์มันพาไป หรือกระทั่งที่ดำรงอยู่แบบนี้ก็ด้วยไม่เห็นหนทางอื่น หรือไปมีทางไปทั้งที่อยากไปนั่นเอง 


 


จากการสนทนากับผู้คนระหว่างนี้ ทำให้ผมได้นึกถึงคำว่า "หนทาง"  หลายปีก่อนบนภูสูงจังหวัดตาก ผมอยู่ที่นั่น และมักมีเวลาได้ซอกแซกไปตามภูเขา สายน้ำลำห้วยในแถบถิ่นนั้น  น้ำตกหลายสายกลางป่าเขาสวยงาม เงียบสงบ  ไม่มีนักท่องเที่ยวย่างกรายไปถึง  บางครั้งเราบุกป่าฝ่าดงรก ทำทางเดินเล็กๆ  เข้าไปเพื่อสัมผัสกับสายน้ำกลางป่า  ซึ่งเรารู้สึกว่ามันสวยงาม  บางครั้งเราก็ใช้เป็นที่พาเพื่อนจากเมืองผู้มาเยือน ดุ่มเดินเข้าไปเพื่อจะได้สัมผัสกับความงามนั้น 


 


ต่อมา เมื่อมีเด็กๆ บางคนเดินทางพื้นที่แถบนั้น พวกเขาก็จะพูดกันว่า "นี่ทางของนาโก๊ะลี"  ย้อนกลับมา นี่ทำให้ผมนึกถึงคำว่า "หนทางของตัวเอง" ลองมาร่วมกันสืบค้นร่วมกันว่า "หนทางของตัวเอง" จะมีความหมายว่าอย่างไร  ขอเปิดการสนทนา ณ บัดนี้.....


           


หากว่าอดีต  ทั้งหมดของอดีต ชุดความรู้ ข้อมูล ความเชื่อ แรงบันดาลใจ ความฝัน ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นตัวชี้ทางสำหรับชีวิต นั่นก็คงใช่ เพราะอาจเป็นได้ว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเป็นตัวกำหนดให้เราได้มาอยู่ในหนทางซึ่งเรากำลังก้าวเดิน ณ ตำแหน่งแห่งที่ในปัจจุบัน  แต่ด้วยตำแห่งแห่งที่ในปัจจุบันนี้เราได้ยืนอยู่บนหนทางของตัวเองหรือไม่  หากหนทางของตัวเองหมายถึง ความเหมาะสมสอดคล้องของทั้งหมดที่ทำให้เราเติบโตอย่างเต็มคุณค่าของตัวเอง  เราได้ยืนอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า


 


อาจตรวจสอบด้วยวิธีง่ายที่สุดก่อนว่า ในวิถีเช่นนี้เราสุข ทุกข์อย่างไร เมื่อเราก้าวเดินแต่ละก้าว  หรือลงไม้ลงมือกระทำการณ์ใดใด เราทำด้วยทั้งหมดของชีวิตเราหรือเปล่า   หรือเราก็แค่ทำ ทำ สักแต่ทำ ทำไปอย่างนั้นโดยที่เราก็ไม่ได้ให้ค่าให้ความหมายกับมันนัก  แล้วเราก็ไม่ได้ภาคภูมิใจในสิ่งที่เราทำลงไป  เวลาต่อมามันจึงคล้ายกับว่าทุกสิ่งที่เราทำนั้นเพียงเพราะความอยู่รอด มีอยู่มีกิน  แล้วก็ภาพนี้เองที่สังคมให้ค่าว่ามนุษย์ผู้หนึ่งได้ประสบผลสำเร็จในชีวิต  โดยไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดนักว่า สิ่งที่คนผู้ประสบผลสำเร็จในชีวิตได้กระทำอยู่นั้นมันดีงามหรือเลวร้ายต่อโลกอย่างไร


           


ว่ากันต่อไปว่า  ระหว่างการแสวงหาหนทางของตัวเองนั้นมันมีสิ่งใดบ้างหรือที่ขาดหายไป  มันจึงทำให้ชีวิตเราแหว่งวิ่น ขาดๆ เกินๆ  แน่นอนอยู่ว่า จะอย่างไรชีวิตก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่...เราจะก้าวเดินอยู่บนหนทางของคนอื่นตลอดไปจวบสิ้นอายุขัยหรือ  ชีวิตคงไม่มีคำว่าสายเกินไปที่เราจะได้สืบค้น แสวงหา เพื่อว่าเราจะได้กลับมาเดินบนหนทางของตัวเอง  ซึ่งมันน่าจะสง่างาม  เต็มความหมาย และทรงพลัง  อันจะเอื้อให้เราได้เติบโตเต็มความ ซึ่งเป็นอันจะเอื้อต่อสิ่งดีงามที่จะเกิดขึ้นตามมา  และอันจะเอื้อประโยชน์ต่อคนรอบข้างอย่างจริงแท้ ได้ดูแลผู้คนที่ต่างก็กำลังเดินทางอยู่บนหนทางของตัวเองไปพร้อมๆ กัน


 


ขอเชื้อเชิญร่วมวงสนทนา...