Skip to main content

หมู่บ้านของความเปลี่ยน (5)

คอลัมน์/ชุมชน


 


 


เป็นที่รับรู้กันว่า ข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีเดินทางมาตรวจราชการภาคเหนือ รวมทั้งจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่บ้านพักส่วนตัวในหมู่บ้านกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ได้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตให้ได้พูดถึงอีกครั้ง


           


ดูได้จากป้ายให้กำลังใจที่บริเวณหน้ากรีนวัลเลย์ ที่ได้ชูถึงเรื่องของความเก่ง ความฉลาดในการบริหารบ้านเมืองของท่านนายกฯ คนเมือง


 



 


 


"ขอให้นายกฯ ทักษิณอยู่ต่อไป"  


"นายกฯ ทักษิณ แก้ปัญหายาเสพติด+ความยากจน"


 


ทั้งในเรื่องความอัปยศอดสู ความโกหกหลอกลวงชาวบ้านที่กำลังประสบปัญหา


ดูได้จากป้ายประท้วงการบริหารงานของรัฐบาล ที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไยมาร้องเรียนที่หน้าศาลากลาง และหน้าบ้านพักนายกฯ คนเมืองของเรา


           


"ลำไย ปุ๊ดตืนกุ๊ปี๋ นี่คือยาพิษจากการค้าเสรี FTA" 


"ห้าปี๋ แก้ปัญหาคนจนบ่ได้"


           


และจากเสียงตะโกนผ่านโทรโข่งดังไปทั่ว...


"นี่ผ่อเหีย นี่คือลำไย กิโลละสี่บาท เฮาจะเอาไปหื้อนายกฯ ทักษิณ..." ชาวบ้านคนที่แบกกระสอบลำไยตะโกนออกมา


           


 



 


"นายกฯ คนเมือง เอาสัจจะไปไว้ที่ไหน เคยรับปากว่าจะแก้ไขปัญหา นี่ถ้าเป็นคนเมืองเหนือ เขาบอกว่า อู้เหมือนวอก ปีนี้ ลำไยราคาถูกที่สุดในรอบ 50 ปี เหลือเพียงกิโลละ 4-5 บาท ต่ำสุดเหลือ 50 สตางค์ ไหนจะค่าน้ำมันแพง ค่าแรงสูง ค่าปุ๋ยค่ายาขึ้นอีก วันนี้ พวกเราเอาลำไยมาให้ก็เพื่อเป็นอนุสาวรีย์อัปยศ ที่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แก้ไขอะไรเลย"


           


ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนนายกฯ ทักษิณ ก็พากันยืนถือป้าย ถือกระเช้าดอกไม้ ผลไม้มาให้กำลังใจ พร้อมกับติดเครื่องขยายเสียงกล่าวหาต่อว่ากลุ่มชาวบ้านที่มาประท้วง ว่าเป็นผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ชอบก่อความวุ่นวาย ทำให้ประเทศเสียหาย


           


เมื่อลงพื้นที่ทำข่าว


ผมมองเห็นความเปลี่ยนเกิดขึ้นอย่างมาก ในเมืองเชียงใหม่ของเราในขณะนี้


           


เหมือนกับว่าผลไม้ที่ใกล้สุกงอม มีทั้งหอมหวาน  ทั้งใกล้ผลิแตกเน่าในคราเดียวกัน


และดูเหมือนว่าความขัดแย้งในสังคมเมืองเหนือกำลังจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


           


เป็นเพราะใคร!?  ผมไม่อยากตัดสิน.


           


แต่ลองมาฟังการแสดงความคิดเห็นของ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ หรือ สกน. ผ่านแถลงการณ์


ว่าทำไมถึงกับต้องวางพวงหรีด"แด่ระบอบทุนทักษิณ"และ "ประกาศผ่าจ้านรัฐบาลทักษิณ ตัดสายสิญจน์นโยบายประชานิยม" ที่หน้าศาลากลางจังหวัด


 


                        


 


"เราขอประณามการอ้างเหตุการณ์ตรวจราชการพื้นที่ในภาคเหนือ และจัดประชุมครม.สัญจรดังกล่าวนี้ว่า น่าจะแป็นพฤติกรรมเบียดบังงบประมาณแผ่นดิน หาเสียงสร้างภาพ เอาเปรียบทางการเมืองของหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ทั้งนี้เพราะโดยหลักจรรยาบรรณทางการเมืองแล้ว ในระหว่างรอการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป รัฐบาลรักษาการทุกคณะไม่มีความชอบธรรมใดๆ ที่จะจัด ครม.สัญจรนอกสถานที่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้บ้านส่วนตัวของหัวหน้าพรรคไทยรักไทยจัดประชุม ถือได้ว่าเป็นกิจการหาเสียงภายในของพรรคการเมือง หาใช่หลักของการบริหารราชการแผ่นดินที่ถูกต้องแต่ประการใด"


           


และ "นโยบายขายฝัน หลอกคนจน ต้มคนทุกข์ บริหารราชการด้วยการฟาดหัวชาวบ้าน เป็นการทำลายการมีส่วนร่วมทางของภาคประชาชนยิ่งจะทำให้ความยากจนเพิ่มทวีมากยิ่งขึ้น เช่น การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-จีน ที่ผ่านมา นโยบายได้ทำลายอาชีพเกษตรกรของคนภาคเหนืออย่างถอนรากถอนโคน เราเห็นว่า นโยบายทำลายขบวนการประชาชนเช่นนี้ ทักษิณหมดความชอบธรรมทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง"


           


 



 


 




นี่เป็นบางเหตุการณ์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ในยามนี้  ท่ามกลางความสับสนสงสัย  พร้อมกับการตั้งคำถามกันว่า นี่คือเป็นการประชุม ครม.ในนามรัฐบาล หรือการมาหาเสียงของพรรคไทยรักไทย?


           


แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นการเดินทางมาปูพรมหาเสียง เหมือนอย่างที่ทาง สกน. กล่าวหาหรือไม่!? 


 


แต่ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของผู้ใหญ่ในแวดวงหนังสือพิมพ์ท่านหนึ่ง


ขออนุญาตเอ่ยนาม- - "มานิต สุขสมจิตร"


           


ท่านได้พูดถึงจริยธรรมและจรรยาบรรณของคนในแต่ละสาขาอาชีพเมื่อไม่นานมานี้ ว่า "ทุกวันนี้ เรากำลังอยู่ในยุควิกฤติทางจริยธรรมอย่างมาก"


           


แต่ผมชอบประโยคนี้  "บางคนหายใจเข้าก็หลอก  หายใจออกก็โกง"


           


ง่ายงามราวบทกวี  แต่แฝงแง่คิดคล้ายสะกิดให้เจ็บๆ แสบๆ ปนหยัน


ผมว่าใครที่มีลมหายใจแบบนี้ คงร้อนๆ หนาวๆ เหมือนกัน.