Skip to main content

ความหลากหลายในความหลากหลาย

คอลัมน์/ชุมชน

คนเรานี่มีความหลากหลายมากมายเหลือเกินเลยนะคะ  ยกตัวอย่างเรื่องง่าย ๆ อย่างการกินส้มตำ  รสชาติความพอใจของแต่ละคนก็หลากหลายกันไปมากมาย บางคนชอบกินเผ็ด  บางคนกินหวาน  บางคนกินเปรี้ยว 


 


แล้วความหลากหลายอย่างเรื่องเล็ก ๆ เช่น การกินส้มตำนี่  บางทีก็เป็นปัญหาใหญ่ได้เหมือนกัน  ขอยกตัวอย่างเรื่องของฉันเองละกัน  ฉันเองเวลากินส้มตำจะไม่ใส่พริกเลย เพราะลูกเจ๊กอย่างฉันนี่กินเผ็ดไม่ได้จริง ๆ  ตอนคบกับแฟนใหม่ ๆ  เธอไม่เชื่อว่าจะมีคนเช่นนี้อยู่ในโลก  ก็เธอน่ะ เป็นลูกสาวชาวใต้ที่กินเผ็ดจัดมาก ๆ   ตอนที่หวานแหววกันเราก็เคยอยากกินส้มตำจานเดียวกัน  ฟังดูน่าโรแมนติกมากเลยค่ะ  ฉันก็ต่อรองว่าใส่พริกก็ได้  แต่เม็ดเดียวพอนะ  เธอก็หยวนให้  แต่ที่ไหนได้แอบย่องไปบอกแม่ค้าว่าเพิ่มเป็นสามเม็ดนะ พอฉันกินลงไปเท่านั้นล่ะก็ได้เรื่อง  น้ำหูน้ำตาไหล  กินต่อไม่ได้  ความโรแมนติกหดหายไปสิ้น ตั้งแต่นั้นมาเธอก็เลยเข้าใจว่าฉันกินไม่ได้จริง ๆ  เราก็แก้ปัญหากันง่าย ๆ ค่ะ  ตอนนี้ก็กินส้มตำคนละจาน  ต่างคนต่างก็มีความสุขได้พร้อม ๆ กัน


 


แต่ความหลากหลายที่ซับซ้อนกว่าเรื่องส้มตำนี่  บางทีมันก็ยากที่คนจะเข้าใจและยอมรับได้ง่าย ๆ  อย่างเรื่องเพศนี่ไงคะ  หลากหลายซับซ้อนมากจนนักวิชาการด้านเพศเองก็ยังศึกษากันไม่จบไม่สิ้น  ในหมู่คนรักเพศเดียวกันเองก็ยังมีความหลากหลายแตกต่างกันไปมากมาย  คนที่เคยคิดว่าโลกเรามีแต่ผู้ชายรักผู้หญิงเท่านั้น  ถ้าได้เห็นความหลากหลายมากมายของคนรักเพศเดียวกันอาจจะช็อคได้ 


 


ในสหรัฐอเมริกาเมื่อหกสิบกว่าปีก่อน  ก็เคยช็อคเรื่องนี้กันมาแล้วค่ะ  เรื่องก็คือว่านาย อัลเฟรด คินซีย์ (Alfred Kinsey) เขาทำการวิจัยเรื่องพฤติกรรมทางเพศของคนอเมริกันแล้วพบว่า  ประชากรชาย 37 % เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนเพศเดียวกัน  ลองคิดภาพนะคะ  เมื่อ 60 กว่าปีก่อนนั้น  เรื่องการรักเพศเดียวกันยังถือว่าเป็นความบาป ผิดปกติ  หรือเป็นโรคจิต  แล้วอยู่ ๆงานวิจัยนี้ก็มาบอกว่าผู้ชายมากกว่า 1 ใน 3 เคยทำ  ๆ กันมาแล้ว  มันน่าช็อคแค่ไหน  แต่นี่ก็เป็นจุดประวัติศาสตร์ของการศึกษาที่เปิดเผยให้เห็นความหลากหลายเรื่องเพศเลยล่ะค่ะ


 


คินซีย์ ยังปฏิวัติความคิดคนอีกด้วยการสร้างมาตรวัดคินซีย์ (Kinsey scale) มาตรวัดนี้แบ่งพฤติกรรมทางเพศของคนเป็น 7 อย่าง  และให้เลขกำกับตั้งแต่ 0-6  คือ


            0  รักต่างเพศอย่างเดียว  ไม่รักเพศเดียวกันเลย


            1  ส่วนใหญ่รักต่างเพศ  มีรักเพศเดียวกันเป็นส่วนน้อยมาก


            2  ส่วนใหญ่รักต่างเพศ  รักเพศเดียวกันบ้าง


            3  รักต่างเพศเท่ากับรักเพศเดียวกัน


            4  ส่วนใหญ่รักเพศเดียวกัน  มีรักต่างเพศบ้าง 


            5  ส่วนใหญ่รักเพศเดียวกัน  รักต่างเพศเป็นส่วนน้อยมาก


            6  รักเพศเดียวกันอย่างเดียว  ไม่รักต่างเพศเลย 


 


แล้วยังมีแถมเป็นกลุ่ม X ด้วย  คือกลุ่มที่ไม่มีปฏิกิริยาทางเพศค่ะ  จากงานวิจัยของเขาสรุปออกมาได้ว่า  คนส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างเลขกลาง ๆ ค่ะ  คือสามารถรักได้ทั้งสองเพศ  งานนี้ช็อควงการอีกเช่นกันค่ะ 


 


งานของคินซีย์นี้ยังคงได้รับการกล่าวขวัญถึงแม้ในปัจจุบัน  ฉันเองลองเอาไปถามที่เว็บไซต์สะพาน (www.sapaan.org) ค่ะ ว่าแต่ละคนจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มไหนบ้าง  อยากรู้น่ะค่ะว่าเว็บหญิงรักหญิงจะมีความหลากหลายมากน้อยอย่างไร  ปรากฏว่าคนที่เข้ามาตอบนั้นมีตั้งแต่กลุ่ม 3-6 เลยค่ะ  ขอเอาบางส่วนของคำตอบมาเล่าให้ฟังนะคะ จะได้เห็นความหลากหลายนี้ชัดขึ้น


 


สำหรับกลุ่มเบอร์ 6 นะคะ  คุณแม่มณีบอกว่า  ที่มั่นใจข้อนี้เพราะ "คนที่เข้ามาจีบแล้วเกิดอาการสั่นสะเทือนเป็นครั้งแรกคือผู้หญิง  พออกหักจากผู้หญิง  แฟนคนต่อไปก็ยังเป็นผู้หญิง  จนอกหักจากผู้หญิงอีกครั้งก็ไม่คิดเปลี่ยนใจไปรักชอบผู้ชาย  ไม่ได้เกลียดผู้ชายนะ  คือถ้าผู้ชายที่เป็นเพื่อนนี่คบหาได้สนิทใจ  แต่พอรู้สึกว่าเค้ามาจีบรับไม่ได้จับเป็นเพื่อนหมด"


 


ส่วนคุณ Peterpan บอกว่า  "ข้อ 6 ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม  เริ่มปิ๊งสาวตั้งแต่อยู่ ป. 1 พอดีตอนเด็กไม่ได้เรียนอนุบาล  ถ้าได้เรียนก็คงปิ๊งตั้งแต่ยังอยู่อนุบาล  แล้วก็ปิ๊งมาเรื่อย ๆ เลื่อนชั้นก็เลื่อนคนปิ๊ง"  เช่นเดียวกับคุณสารภีค่ะ  จัดตัวเองอยู่ในเบอร์ 6 นี้เหมือนกัน เพราะว่า  "อ่อนไหวกับเพศเดียวกัน สม่ำเสมอ  รักกับเพศเดียวกัน สม่ำเสมอ กับต่างเพศ...ปลื้มมากกว่า...ไม่เคยเลยเถิดถึงกับรัก"  อีกคนหนึ่งคุณ MoNa ชัวร์กับข้อนี้มากเช่นกัน "จริงแท้และแน่นอน  ดิฉันเกิดมาเพื่อรักผู้หญิงค่ะ"


 


ต่อไปเป็นเบอร์ 5 นะคะ  มีคุณ @@ คนเดียวค่ะ  คุณคนนี้ชอบความอ่อนหวานเอาใจใส่ แต่ก็มีความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งของเกย์ควีนค่ะ  แต่กับชายแท้  "ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ค่ะ  นอกจากเป็นเพื่อนกัน"


 


เบอร์ 4 ก็เช่นประสบการณ์ของคุณ Rika ที่ "เคยอกหักรักคุด กับผู้ชายสมัยวัยรุ่นค่ะ  ปัจจุบันรักผู้หญิงค่ะ"  คุณ Winter ก็คิดว่าเป็นข้อนี้เช่นกัน  เพราะดูชีวิตแล้วก็เคยทั้งทำให้ผู้ชายผิดหวังและถูกทำให้ผิดหวังจากผู้ชาย  แต่พอถึงจุดหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ "ทำให้เรามองข้ามความเป็นผู้หญิงของเค้าไปซะอย่างนั้นแหละ  แต่ตอนนี้เค้าก้อคงไปสร้างความตื่นเต้นให้คนอื่น ๆ นานแล้วล่ะจ้ะ  พอหลังจากการมีคน ๆ นั้นก้อเลยรู้สึกว่าทอมนี้หนาช่างสั่นไหวหัวใจเราน่าดู  ในขณะที่ตอนนี้ผู้ชายเหมาะสำหรับเป็นเพื่อนไปซะแร้ว"


 


คราวนี้ก็มาถึงเบอร์ 3 รักทั้งสองเพศเท่า ๆ กัน  คุณ สต. เลือกข้อนี้ค่ะ เพราะ "บางครั้งใจเต้นเมื่ออยู่ใกล้ผู้ชาย  โดยเฉพาะผู้ชายที่มาดเซอร์ ๆ แบบพวกศิลปิน  บางครั้งเห็นผู้หญิงสวย ๆ ใจสั่นมาก ๆ อยากจะเฉียดไปใกล้"  แต่ไม่เคยคบผู้ชายค่ะ  ปัจจุบันคุณ สต.บอกว่ามีแฟนเป็นหญิงสาวสวยและคิดจะรักเธอคนเดียวตลอดไป  แม้บางครั้งสายตาจะแอบมองผู้ชายน่ารัก ๆ บ้าง


 


ส่วนคุณ มน. คนใกล้ตัว บอกว่าน่าจะเป็นหมายเลข 3  เพราะ รัก ชอบ ปิ๊ง ได้ทั้งสองเพศ  ในปริมาณเท่า ๆ กัน  ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้น ๆ เช่น บางทีก็ชอบชายมากกว่า  บางทีก็หญิงมากกว่า  เธอมีมาตรวัดของเธอเองค่ะ  มาตรวัดของเธอคือ "คุณมุกหอม วงษ์เทศ กับคุณปราบดา หยุ่น  บางช่วงชอบปราบดามากเลย  แต่บางช่วงก็ชอบมุกหอมสุด ๆ (ชอบงานเขียนเค้านั่นแหละน่า)"  คุณ มน. บอกว่านี่เป็นฮาวทูสนุก ๆ ส่วนตัว ในการวัดชั่งตวงความเลื่อนไหลทางเพศ


 


ส่วนเบอร์ 0-3 นั้นไม่มีใครเลือกค่ะ  คงเป็นเพราะเว็บนี้เป็นที่พบปะของหญิงรักหญิงเป็นส่วนใหญ่  ถ้าลองเอาไปถามที่เว็บอื่น ๆ  คิดว่าคงมีคนเลือกเบอร์ 0-3 แน่ อ้อ มีคนเลือกข้อ "6.X" ด้วยนะคะ  จากคุณ Yim 99 เพราะ เธอ "ชอบหญิงอย่างเหนียวแน่น ....แต่ยังไม่มีใครมีเสน่ห์ทำให้เกิดปฏิกิริยาได้"  เห็นมั้ยค่ะว่า ในหมู่หญิงรักหญิงเองก็มีความหลากหลายมากมาย  ไม่ใช่จะรักผู้หญิงกันอย่างเดียว 


 


ฉันคิดว่าความหลากหลายอย่างที่คินซีย์พบและอย่างที่ชาวสะพานเล่าให้ฟังนี้  ไม่ได้เป็นตัวทำให้เกิดปัญหา  แต่ปัญหามันจะเกิดตอนที่เราไปสร้างกรอบว่าต้องเป็นเบอร์ 0 เท่านั้น ถึงจะปกติ  และเบอร์อื่น ๆ ก็กลายเป็นผิดปกติไป  ลองเทียบกับการกินส้มตำดูนะคะ   สมมติว่าเบอร์ 0 เป็นกลุ่มที่กินส้มตำเผ็ดจัดมาก  แล้วก็ลดความเผ็ดลงมาไล่ลงมาจน เบอร์ 6 เป็นพวกที่กินส้มตำไม่ใส่พริก  ถ้าเกิดมีใครสักคนมาตั้งกฎว่า  การกินส้มตำที่ปกตินั้นคือส้มตำพริกเพียบแบบเบอร์ 0 เท่านั้น  ส่วนเบอร์อื่น ๆ เป็นพวกกินส้มตำผิดปกติ  แล้วบังคับให้คนอื่น ๆ กินแต่ส้มตำสูตรเบอร์ 0 เท่านั้น  คิดดูสิคะ  ว่าคนที่ไม่ชอบกินเผ็ดจะยังมีความสุขกับการกินส้มตำได้หรือเปล่า  คงมีแต่จะร้องแสบปาก  น้ำหูน้ำตาไหล  รับรองได้ค่ะว่าถ้าทำอย่างนี้  ส้มตำคงไม่สามารถคงความเป็นอาหารยอดนิยมได้อีกต่อไป


 


เรื่องเพศก็เหมือนกันค่ะ  จะบังคับให้รักต่างเพศได้อย่างเดียว  ก็คงจะแสบหัวใจใครอีกหลาย ๆ คน  เปิดกว้างรับกับความหลากหลายจะดีกว่านะคะ  เหมือนกับต่างคนก็ต่างกินส้มตำรสที่ตัวเองพอใจ  ต่างคนต่างกินคนละจาน  ต่างคนต่างก็มีความสุขได้พร้อม ๆ กันค่ะ