Skip to main content

ทาทา ยัง มาแล้ว "คนระเบียบจัด" ปิดตาด่วน

คอลัมน์/ชุมชน


ภาพประกอบจาก www.tatayoungfanclub.com


 


 


ขอยืนยัน (นั่งยัน และนอนยัน) ว่า ไม่ได้เป็นแฟนเพลงของ ทาทา ยัง นักร้องลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่กำลังจะโด่งดังไปทั่วโลกในขณะนี้ด้วยการไปทำงานในระดับสากลที่มีคนแต่งเพลงและผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลงให้กับนักร้องดังอย่างบริทนีย์ สเปียร์แต่ประการใด ทว่า ครั้นได้เห็นมิวสิควีดีโอชุดใหม่ของทาทา ยังแล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่า คนไทยเจ้าระเบียบทั้งหลายอาจกรี๊ดได้อีกแล้ว  ดังนั้นจึงใคร่เสนอตัวออกมาเตือนกันเสียแต่เนิ่นๆว่า หากไม่อยากเกิดความครั่นเนื้อครั่นตัวอยากวิจารณ์เธอแล้วล่ะก็ รีบปิดตาเสียดีกว่า แล้วใช้เฉพาะ "หู" ฟังอย่างเดียวก็พอ


 


ที่พูดว่าควรใช้หูนั้นไม่ได้บอกว่า เพลงเพราะแต่ประการใด แต่หมายถึงว่า การที่ปิดตาเสียบ้าง แล้วเปิดหูมากขึ้นก็จะได้รับฟังอะไรดีได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดใจให้ยอมรับสิ่งต่างๆ ที่ขัดตาได้มากขึ้น และอาจทำให้อคติในใจนั้นลดน้อยถอยลงไปด้วย


 


เหตุที่ต้องนำเรื่องนี้มาพูดถึงก็เพราะก่อนหน้านี้เมื่อทาทา ยัง ออกอัลบั้มเพลงสากลชุดแรกนั้น ผู้คนทั่วเอเชียไม่ว่าจะไต้หวัน ญี่ปุ่น หรือฮ่องกง ก็คลั่งไคล้ทาทา ยัง รวมทั้งเมื่อออกเพลงประกอบภาพยนตร์ "Dhoom Dhoom" ก็ฮิตติดตลาดทั่วอินเดียและทั่วเอเชียเช่นกัน และทาทา ยัง ก็กลายเป็นหนึ่งศิลปินในดวงใจของชาวอินเดียและชาวเอเชียไปด้วย  แต่ปรากฏว่า ทาทา ยัง กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากคนหัวอนุรักษ์ในประเทศไทยที่มักจะอ้างตัวว่าเป็น " ผู้พิทักษ์วัฒนธรรม"  โดยการวิจารณ์ว่า ทาทา ยัง ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งในเรื่องในรูปแบบการแสดงและการแต่งตัว ที่บอกว่าอาจจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับวัยรุ่นได้ อีกทั้ง มิวสิควีดีโอดูม ดูม ก็ถึงกับถูกแบนไม่ให้ออกแพร่ภาพทางในโทรทัศน์ไทย


 


วันนี้ ทาทา ยัง มีอัลบั้มชุดใหม่แล้ว  ชุดนี้จะเป็นชุดที่วางจำหน่ายออกไปทั่วโลก กระแสเอล- นิล- โญ กำลังมาแรง  ที่สำคัญ มิวสิควีดีโอนั้นดูร้อนแรงมากๆ ทำเอาต้องจับตามองว่า เธอจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นเดิมๆ อีกหรือไม่ 


 


การใช้หูเพื่อฟังเพลงและวิจารณ์ผลงานเพลงของศิลปินเป็นเรื่องที่ชอบธรรมยิ่ง แต่หากต้องมานั่งมองจับผิดเรื่องวัฒนธรรมคิดว่าอาจจะต้องช้ำใจเอง เพราะวิธีคิดเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรมนั้นก็ค่อนข้างจะสวนทางกับความต้องการของเจ้าของค่ายเพลงที่ต้องการจะขายงานระดับโลกซึ่งต้องหาจุดขายเฉพาะของศิลปินนั้นๆ เพื่อให้ขายงานให้ได้มากที่สุด ดังนั้น หากภาพจะออกมาไปขัดกับวัฒนธรรมของชาติใดนั้น เขาคงไม่คิดกันมากหรอก และในทางกลับกัน หากนักร้องที่เขาเลือกมามัวเกี่ยงงอนว่า เสื้อผ้าชุดนี้ใส่ไม่ได้ ท่าเต้นท่านี้ทำไม่ได้เพราะว่าขัดกับวัฒนธรรมของชาติคิดว่าเขาจะได้รับเลือกไหม แล้วจะมีวันได้เป็นศิลปินดังระดับโลกได้ไหม เขาคงจะบอกว่าถ้างั้นคุณก็กลับไปนั่งอนุรักษ์วัฒนธรรมคุณไว้เถิด


 


สำหรับทาทา ยัง นั้นแม้จะเป็นคนไทย แต่เมื่อไปทำงานในระดับสากลก็คงต้องเป็นไปตามที่ต้นสังกัดวางไว้  ซึ่งแน่นอนว่าตลาดหรือกลุ่มลูกค้าของทาทา ยัง ย่อมไม่ใช่คนไทยอย่างเดียวเท่านั้น  ดังนั้น หากคนไทยต้องการที่จะดูทาทา ยัง ก็ควรที่จะต้องมองด้วยสายตาที่กว้างขึ้นว่า ทาทา ยัง เป็นศิลปินคนหนึ่งในโลกที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของประเทศใด


 


มีเพื่อนคนหนึ่งพูดแบบขำๆ ว่า "ทาทาไม่ได้ไปแข่งโอลิมปิก จึงไม่ต้องมองทาทาในนามตัวแทนของประเทศไทย"


 


คนไทยและประเทศไทยอาจต้องต้อนรับทาทา ยัง แบบเดียวกับที่ตอบรับการเข้ามาของเจ โล หรือ บริทนีย์ สเปียร์ หรือนักร้องต่างประเทศทั้งหลายที่ต้องเสียเงินซื้อบัตรราคาแพงๆ ไปดูกัน แต่อาจให้ความอบอุ่นให้กับทาทา ยัง ได้มากกว่านั้นแทนที่จะต้องทำให้เธอลำบากใจเมื่อมาทำการแสดงในบ้านของตัวเอง ค่าที่ว่า นี่คือเป็นการแสดงในประเทศที่เป็นบ้านเกิดและเธอก็สามารถสื่อสารกับผู้ชมด้วยภาษาที่คนในประเภทนี้พูดกัน


 


นอกจากนั้น ไม่ควรไปคิดว่าการกระทำของทาทานั้นจะไปทำให้คนเข้าใจผิดว่า คนในโลกจะเข้าใจผิดในความเป็นไทย เพราะลองมาคิดดูว่า เวลาเราดูศิลปินดังๆ ในระดับโลกที่ไปแสดงในประเทศต่างๆ เราก็ไม่เคยรู้สึกว่าเขาต้องพกพาความเป็นตัวแทนของประเทศเขาไปด้วย  บริทนีย์ สเปียร์ก็ไม่เคยต้องไปร้องเพลงในนามตัวแทนประเทศอเมริกา หรือบิยอนเซ่ ที่ท่าเต้นและการแต่งตัวก็สุดแสนเซ็กซี่ และเราก็รับเขาได้แต่ในฐานะของศิลปินต่างประเทศโดยที่ไม่ได้คิดว่าคนอเมริกันทั้งหมดเป็นแบบนี้ 


 


4 สาววงบอนด์ เราก็ไม่เคยจะมองเลยว่าเป็นตัวแทนของประเทศอะไร เพราะในวงนี้จริงๆ แล้วเป็นอังกฤษ 2 คน และออสซี่อีก 2 คน ชาเนีย ทเวน และซีลิน ดีออน ก็เป็นชาวแคนาดา แต่เราเคยดูเธอแล้วคิดว่าเธอเป็นตัวแทนของนักร้องจากแคนาดาหรือไม่ ก็เปล่า หรือในอดีตเคยมีนักร้องผิวสีที่โด่งดังมากชื่อ ชาเด เราก็ฟังเฉพาะเพลงโดยจะมีใครไหมที่คิดว่าเธอเป็นนักร้องของประเทศไนจีเรีย ดังนั้นเช่นกัน เวลาที่ทาทา ยังไปแสดงในต่างประเทศนั้นคงไม่มีใครคิดหรอกว่านี่เป็นตัวแทนประเทศไทย สิ่งที่ทาทา แสดงออกไปนั้นก็คงไม่ทำให้ใครคิดว่าคนไทยจะเป็นแบบนี้กันหมด


 


แน่นอนว่า นานๆ ครั้งจะมีคนจากฝั่งเอเชียเข้าไปดังระดับโลกสักครั้งหนึ่ง ก็อาจจะมีการตั้งข้อสังเกตว่าศิลปินคนนี้เติบโตมาจากเอเชียก็เท่านั้นเอง กระนั้นก็ต้องไม่ลืมว่าเธอเป็นลูกครึ่งอเมริกันด้วย


 


ทีนี้ก็มาดูว่า ในฐานะที่ ทาทา ยัง เกิดในประเทศไทยนั้น ทาทา จำเป็นต้องแบกรับภาระเรื่องการอนุรักษ์ความเป็นไทยไว้ด้วยหรือไม่ คำตอบก็คืออย่างที่บอกแล้ว ในการไปแสดงในประเทศต่างๆ นั้น คนที่อื่นก็ต้อนรับทาทา แบบเดียวกับที่เราต้อนรับคนดังๆ ในโลกนั่นแหละ เคยได้ดูทาทา ออกรายการโทรทัศน์ในไต้หวันและ ญี่ปุ่น ทาทา ดูเป็นตัวของตัวเองและร่าเริง เป็นกันเองกับผู้ชม คนก็ชื่นชมมากๆ และเธอก็ไม่ลืมที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ เธอทำพอๆ กับที่นาตาลี เกลโบวาทำกับวัฒนธรรมไทยนั่นแหละ ซึ่งอันนี้ก็มากพอที่จะทำให้คนเห็นว่าเธอเป็นคนมีมารยาท แม้เธออาจจะไม่ได้นำวัฒนธรรมไทยไปโชว์ เพราะเธอไปในฐานะของศิลปินอินเตอร์ฯ แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็นว่าการวางตัวของเธอนั้นจะไปทำให้ประเทศไทยเสียหายขายหน้าตรงไหนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้วกับความคาดหวังในความเป็นคนไทยของเธอ


 


คราวนี้มาถึงเรื่องประเด็นวัฒนธรรม เวลาคนออกมาอ้างว่า เรื่องนั้นเรื่องนี้ขัดกับวัฒนธรรมไทย เอาเข้าจริงๆ ใครจะบอกได้บ้างว่าวัฒนธรรมไทยอยู่ตรงไหน อยู่ที่แต่งตัวมิดชิด ไหว้สวย ไม่เถียงผู้ใหญ่  หรือตรงไหนกันแน่ และที่สำคัญเวลาพูดถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย หรือการปกป้องวัฒนธรรมไทย รัฐบาลมีความชัดเจนในเรื่องนี้อย่างไร ยกตัวอย่างเกาหลี เมื่อเขามองว่า ภาพยนตร์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม รัฐบาลก็ออกกฎหมายมาเลยที่จะแบ่งเวลาให้กับภาพยนตร์เกาหลีกี่เปอร์เซ็นต์ และภาพยนตร์ต่างประเทศกี่เปอร์เซ็นต์


 


ในขณะที่ประเทศไทยนั้นก็ได้แต่มองและกดดันไปยังเฉพาะปัจเจกบุคคล โดยที่ไม่ได้มีนโยบายที่ชัดเจนใดๆ นอกเหนือจากการโชว์ไหว้ ที่ไม่ได้นำมาซึ่งอะไรเลย นอกจากชาวโลกได้รู้ว่าถ้าทักทายกันในเมืองไทยต้องไหว้ คำถามต่อมาก็คือ แล้วไง? หรือรณรงค์ในการแต่งตัวในชุดพื้นเมืองในบางวันซึ่งไม่ได้ให้คำตอบใดๆ ในเรื่องจิตสำนึก หรือสร้างความก้าวหน้าให้กับประเทศตรงไหน


 


ส่วนในกรณีที่มองว่า ทาทา ยัง จะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของวัยรุ่นไทย ก็เห็นว่า นี่แหละคือหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะชี้จุดที่ควรจะเลียนแบบให้เด็กเห็นว่า การจะเลียนแบบทาทา ยัง ก็ไม่ได้เสียหายตรงไหน หากเลียนแบบในเรื่องของความมุ่งมั่น ความรับผิดชอบ และความเอาจริงเอาจังกับงานของทาทา ยัง


 


มีบันทึกเกี่ยวกับประวัติของ ทาทา ยัง อยู่ที่วิกีพีเดีย ที่เป็นภาษาอังกฤษ (จะมีคนไทยสักกี่คนที่มีประวัติและผลงานอยู่ในนั้น) บอกว่า ตอนอายุ 14 ปี ชนะการประกวด นิสสัน อวอร์ด ไทยแลนด์ ซิงกิง คอนเทสต์ อายุ 15 ออกอัลบั้ม ชุดแรกที่ขายได้ถึง ล้านก็อปปี้ และมีผลงานมาตลอดตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา แล้วเขาก็บันทึกจนถึงงานชิ้นล่าสุดของทาทา ยัง ที่ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องความสำเร็จ ไม่ได้มีเรื่องเสียหายใดบันทึกอยู่ในนั้นเลย ทั้งนี้ ถ้านับตั้งแต่เพิ่งจะเข้าวงการ วันนี้ทาทา ยัง อายุ 20 กว่า ทำงานมา 10 กว่าปีเข้าให้แล้ว ทาทา ยังทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ตั้งแต่อายุได้ 15 และทาทา ยังก็มุ่งมั่นว่า ในชีวิตนี้จะเป็นนักร้องในระดับอินเตอร์ฯ ให้ได้ แล้วทาทา ก็ทำได้  สิ่งที่ทำให้ทาทาทำได้มาถึงวันนี้ ย่อมหมายถึง ความพยายาม ความรับผิดชอบ และการเสียสละความสนุกสนานในช่วงวัยรุ่นไปใช่หรือไม่ แล้วอย่างนี้ หากเด็กไทยจะเลียนแบบทาทา ยังบ้างจะเสียหายตรงไหน


 


บางคนก็บอกว่า เรื่องนั้นไม่เถียง แค่หวั่นเกรงในเรื่องของการแต่งกายหรือโชว์ของทาทา ยัง ว่าดูจะไม่เหมาะสมกับประเทศไทยและความเป็นไทย ก็ทำไมไม่ใช้คำไทยๆ ว่า "กาละเทศะ" มาสอนเด็กกันล่ะ ยกตัวอย่างให้เห็นว่า หากทาทา ยัง ใส่ชุดไทยไปร้องเพลงเอลนิลโญ่ มันจะเหมาะไหม? ขณะเดียวกัน หากทาทา ยังจะแต่งตัวในชุด นอตี้ เซ็กซี่ บิชชี่ เข้าวัด จะควรไหม? หรือทาทา ยังได้ไปเต้นโชว์สะดือที่วัด หรือที่สถานที่ราชการหรือเปล่า? เท่าที่เห็นก็คือโชว์อยู่บนเวทีการแสดง และอยู่ในมิวสิควีดีโอ ชี้แค่จุดเล็กๆ เรื่อง "กาละเทศะ" แค่นี้ก็น่าจะทำให้เด็กฉลาดๆ แยกแยะได้แล้วกระมังว่า ควรจะเลียนแบบหรือไม่หรือในเรื่องใดบ้าง


 


ส่วนประเด็นที่พูดถึงไว้ข้างต้นว่า คนที่อ่อนไหวกับภาพเซ็กซี่ควรจะปิดตาแล้วเปิดหูฟังและเปิดใจด้วย ก็จะได้รู้ว่า ทาทา ยังไม่ได้ขายความเซ็กซี่อย่างเดียว  มีชาวต่างชาติสัมภาษณ์ทาทา ประมาณว่าอยากให้คนมองคุณในจุดไหนมากที่สุด หรือมีอะไรเป็นจุดขาย แต่คำตอบของทาทาก็คือ "อย่ามองฉันแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น สิ่งที่ฉันชอบคือสมองของฉันนะ จงมองตัวตนข้างในของฉันแทนภาพลักษณ์ภายนอกจะดีกว่า" และหากเปิดใจแล้วเราก็จะพบว่า ทาทา ยังไม่ได้สร้างความเสียหายให้ประเทศด้วยเหตุว่าไม่อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยเลย แต่กลับเป็นคนสร้างชื่อเสียง และนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศเสียด้วยซ้ำ


 


ทาทา สู้ๆ!! <