Skip to main content

ขอแสดงความนับถือผู้ไม่หวังดีต่อชาวเชียงใหม่ (ใบปลิวภาค 2)

คอลัมน์/ชุมชน

หลังจากตีพิมพ์ใบปลิวเวอร์ชั่น "ชวนคุยชวนคิด" ของหมู่นักออกแบบจิตว่างไปแล้ว ก็ได้รับจดหมายน้อยฉบับหนึ่งส่งตามมา


 


ลายมือขยุกขยิก เขียนไปฆ่าไป กระดาษสมุดธรรมดา ปากกาลูกลื่นน่าจะสักด้ามละ 5 บาท แต่ถ้อยใหญ่ใจความในจดหมายนั้น ไม่ธรรมดา


 


แค่เริ่มต้น Copy Writer ก็อึ้งแล้ว ด้วยมุกเสียดสี "ผู้หวังดีต่อจาวเจียงใหม่" คมสาดบาดคอ ถ้าให้ดี ลองอ่านออกเสียงเรียบๆ ซื่อๆ แล้วคุณจะขำก๊าก


 


แต่ถัดจากนั้น ยิ่งอ่าน คุณอาจจะต้องซึม ดูอย่างประโยคที่ว่า


 


"ตี๋นดอยสุเทพและตี๋นดอยปุยและตี๋นดอยแก้ว ตี๋นดอยเปา ป่าตี้หมู่เฮาเซาะกิ๋นเห็ด เซาะกิ๋นหน่อ เซาะกิ๋นผักหวาน มันเป๋นอาหารของคนบ้านเฮาทั้งนั้น มันเป๋นตี้หากิ๋นของคนตกยากอย่างเฮา เขาก็จะเอาไปเป๋นนโยบายประชานิยม"


 


ขออนุญาตแปลเป็นภาษากลาง สำหรับท่านที่ไม่ถนัดคำเมือง


 


"เชิงดอยสุเทพ และเชิงดอยปุย และเชิงดอยแก้ว เชิงดอยเปา ป่าที่พวกเราหากินเห็ด หากินหน่อไม้ หากินผักหวาน เป็นอาหารของคนบ้านเราทั้งนั้น เป็นที่หากินของคนทุกข์ยากอย่างเรา เขาก็จะเอาไปเป็นนโยบายประชานิยม"


 


สั้น ได้ใจความ เห็นถึงหัวใจของชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง ทำให้นึกถึงบางเพลงของสุนทรี เวชานนท์ที่ร้องว่า


 


"บ้านของเฮา เฮาก่ฮัก บ้านของสู สูก่ฮัก..."


 


ความรัก ทำให้โลกใบนี้ดำรงอยู่อย่างสมดุล ขณะเดียวกัน  ความชัง ก็มีอานุภาพในการทำลายร้ายแรงที่สุด อย่างไรก็ดี ในบางสถานการณ์ การเอ่ยคำรักอาจพิสูจน์อะไรไม่ได้ ต้องดูที่การกระทำ


 


ฉันไม่ทราบเหมือนกันว่า ท่านที่เขียนจดหมายน้อยนี้มาเป็นใคร ชื่อเรียงเสียงไร รู้แต่ว่าเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริง เพราะอย่างน้อยก็มีลายมือเป็นลายลักษณ์อักษร ขณะที่ท่านผู้จัดทำใบปลิวเวอร์ชั่นดั้งเดิม (ไม่ต้อนรับ ไม่คบค้า) ยังคงซ่อนตัวอยู่ในที่มืด


 


บางเวลา นอกจากคำพูดและการกระทำที่ยังต้องรอการพิสูจน์แล้ว การเดินออกมาสู่แสงสว่าง หรือทำสิ่งต่างๆ อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ก็สะท้อนให้เห็นว่า ใครกันแน่ควรได้รับความเชื่อถือ


 


และควรแก่การแสดงความนับถือ.