Skip to main content

จากเซ็นทรัลเวิลด์ ถึงอ้อมน้อย

คอลัมน์/ชุมชน

21 สิงหาคม 2549 ข่าวใหญ่ครึกโครม น่าสลดใจ และชวนให้หดหู่ คงไม่พ้นเรื่องการปะทะกันระหว่างฝ่ายสนับสนุน และต่อต้าน "ทักษิณ" ที่เซ็นทรัลเวิลด์ (เนื้อหาข่าวเป็นอย่างไรนั้น จนวันนี้ทั้งภาพ ทั้งเสียง และทั้งคำพูด ให้สัมภาษณ์เราต่างรับรู้กันแล้ว)


 


22 สิงหาคม 2549 วันที่ข่าวหน้าหนึ่งพาดหัวเรื่องดังกล่าว แต่เช้ายังไม่ทันได้เปิดหนังสือพิมพ์อ่าน ฉันมีงานที่ต้องไปทำแถวสามพราน จังหวัดนครปฐม งานเสร็จราวบ่ายสามโมง นั่งรถตู้ของออฟฟิศเตรียมกลับเข้าเมือง ผ่านย่านอ้อมน้อย โรงเรียนหลายโรงกำลังเลิก เห็นเด็กนักเรียนใส่ชุดพละเสื้อเหลืองทั้งหญิงและชาย อายุราว 13-14 ปี คาดว่า น่าจะเป็นแค่เด็กมัธยมหนึ่งหรือสองไม่เกินนี้ พวกเขาเดินเป็นกลุ่มอยู่อีกฝั่งของถนนใหญ่ 6 เลน


 


สักพักเห็นเด็กกลุ่มใหญ่นั้นวิ่งกรูเหมือนกำลังวิ่งหนีหมาไล่กัด ...นึกภาพออกไหม อาการหนีแบบที่เราซึ่งเป็นคนกลัวหมา กำลังถูกหมาไล่  เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ในรถด้วยกัน ชี้ให้มองเหตุการณ์อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเร็วมาก


 


เด็กเสื้อพละสีเหลืองหลายคนทั้งผู้หญิงผู้ชาย วิ่งหนีขึ้นไปบนสะพานลอย บางคนที่กำลังวิ่งอยู่บนฟุตบาท ก็พยายามพาตัวเองออกไปให้ไกลโดยเร็ว สิ่งที่พวกเราเห็นซึ่งเป็นภาพต่อเนื่อง คือต้นตอที่เด็กวิ่งหนี ไม่ใช่หมา (บ้า) อย่างที่คิด แต่เป็นเด็กชายสองคน ใส่ชุดลูกเสือสีกากี สวมหมวก และถือไม้พลอง (สังเกตไหม ฉันเขียนว่า เด็กชายสองคนใส่ชุดลูกเสื้อ แต่ฉันไม่ได้ใช้คำว่า เด็กนักเรียนใส่ชุดลูกเสือ เพราะฉันว่า สภาพที่พบเห็นในฉากนั้น เด็กชายสองคนที่ว่า ดูไม่เหมือนนักเรียนเลย)


 


รถในฝั่งฉันกำลังติด พวกเราจึงเห็นภาพฝั่งตรงข้ามได้ค่อนข้างชัดเจน ใต้ๆ สะพานลอยคนข้าม คือกลุ่มเด็กที่วิ่งหนี และเป็นป้ายรถเมล์ที่มีคนยืนรอขึ้นรถกันค่อนข้างหนาตา เด็กเสื้อพละสีเหลืองหลายคนวิ่งขึ้นไปบนสะพานลอยได้ ก็หยุดมองลงมาที่ข้างล่าง เด็กชายสวมชุดลูกเสือไล่กวดมาจนเกือบทันเด็กนักเรียนชายเสื้อพละสีเหลืองคนหนึ่ง


 


เขาวิ่งเกือบหลุดวิถียำตีน แต่ไม่พ้น เพราะรองเท้าผ้าใบสีดำ ดันมาหลุดเสียก่อน ทำให้เสียหลักล้มลง แล้ว (ไอ้) เด็กชายชุดลูกเสือสองคนนั้นก็ยืนคร่อม รัวไม้พลองยาวบนหลังของเด็กนักเรียนเสื้อพละสีเหลืองคนที่รองเท้าหลุด และไม่สามารถวิ่งได้ต่อ ท่ามกลางผู้คนรอรถเมล์ที่ป้าย สองลูกเสือ (มัน) ฟาดจนหนำใจหรือยังไม่รู้ แต่เมื่อรถเมล์คันหนึ่งแล่นมาจอดเทียบป้าย (มัน) สองคนก็วิ่งขึ้นรถเมล์ ส่งเสียงไชโยโห่ร้องอย่างสาสะใจ


 


รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป ทั้งรถเมล์คันนั้น และรถที่ติดยาวบนถนนฝั่งที่ฉันนั่งอยู่ คนขับรถพารถตู้ออกไปไกลจากจุดที่เกิดเหตุ ฉันมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นแล้ว


 


และไม่มีข่าวเหล่านี้ในหน้าหนังสือพิมพ์เลย เมื่อฉันพยายามเปิดดูเนื้อหาข่าวในวันถัดไปและถัดไป


 


ป่านนี้เด็กนักเรียนเสื้อพละสีเหลืองคงมีอาการบาดเจ็บ และบอบช้ำ และเด็กชายสองคนที่ได้ตีใครคนอื่น คงหัวใจคับพอง และรู้สึกตัวโตกว่าเดิมอีกสิบเท่า ป่านนี้อาจคุยฟุ้งว่าได้จัดการตอบโต้คู่อริของโรงเรียนได้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง สบายใจได้ ไม่มีใครกล้ามาแหยม มาดูถูกพวกเราแล้วแหง๋ๆ 


 


ฉันได้แต่นึกว่า หาก (ไอ้) เด็กชายลูกเสือชุดกากีสองคนนั้นถูกจับได้ แล้วถูกสอบสวนว่าเหตุใดจึงทำการอุกอาจ ทำร้ายผู้ไม่มีทางสู้ ท่ามกลางประชาชนอย่างนั้นเล่า


 


พวกเราคงได้ยินคำตอบ ด้วยน้ำเสียงของผู้พิทักษ์ที่ภาคภูมิใจสุดๆ ว่า


 


"ก็พวกมันมาด่าพ่อผม ...ไม่ชอบ !!!


ถ้าเจออีกจะตีให้ตายเลย ไอ้เอี้ยเอ๊ย"


                                               


หมายเหตุ บุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงทุกประการ