Time to Deliver?
คอลัมน์/ชุมชน
"Time to Deliver" คือ ประเด็นหลักในงานเอดส์โลกครั้งที่ ๑๖ เมื่อวันที่ ๑๒ ๑๘ สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ปรากฏว่า อาคาร Metro Toronto Convention Center (MTCC) คลาคล่ำไปด้วยคนทำงานเอดส์ จากนานาประเทศกว่าสามหมื่นคน
ประเด็นที่ต้องการให้ "ทั่วถึง" ที่พูดกันมากในงานนี้ หลักๆ เป็นเรื่องของการรักษา เช่น เรื่องการพัฒนายาต้านไวรัสและการกระจายยาต้านไวรัสให้ครอบคลุมผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ ส่วนในเรื่องของการป้องกันนั้น กล่าวถึงเรื่องสิทธิทางเพศ ทางเลือกประเทศไทย แม้ว่าจะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ และกำลังพัฒนา แต่ในการทำงานเรื่องเอชไอวีเอดส์ ต้องบอกเลยว่ามีหลายเรื่องที่เราเองก็ทำและ "ส่งออก" ได้ไม่น้อยหน้าใคร...
เช่น การที่เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ได้รับรางวัลริบบิ้นแดง (Red Ribbon Award) ในสาขาการจัดให้มีการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและสนับสนุนผู้ติดเชื้อฯ ซึ่งเป็นเพียง ๑ ใน ๕ รางวัลจากการคัดเลือกองค์กรที่เสนอผลงานกว่า ๕๐๐ องค์กรทั่วโลก และรางวัลอีก ๔ สาขา คือ
หนึ่ง สาขาการต่อสู้กับปัญหาการเลือกปฏิบัติและการรังเกียจ ได้แก่ The All Ukrainian Network of People Living with HIV/AIDS จากประเทศยูเครน
สอง สาขาการต่อสู้กับปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศที่มีผลต่อการแพร่กระจายการติดเชื้อฯ ได้แก่ The Girl Child Network จากประเทศซิมบับเว่
สาม สาขาสนับสนุนโครงการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ ได้แก่ Durjoy Nari Shongo จากประเทศบังคลาเทศ
และสี่ สาขาให้การสนับสนุนเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อฯและเด็กด้อยโอกาสอื่นๆ ได้แก่ Mboole Rural Development จากประเทศแซมเบีย
ทั้งนี้ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย (The Thai Network of People Living with HIV/AIDS (TNP+) ได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมที่สำคัญกับชีวิตของเพื่อนผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ในประเทศไทยอย่างมาก เช่น การผลักดันการให้ยาต้านไวรัสครอบคลุมอยู่ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งทำให้ผู้ติดเชื้อฯ จำนวน ๘๐,๐๐๐ คนทั่วประเทศได้รับยาต้านไวรัส
การริเริ่มโครงการศูนย์องค์รวม (The Comprehensive Continuum of Care CCC) ซึ่งมีทั้งสิ้น ๑๘๔ กลุ่ม ที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ติดเชื้อฯ เป็นผู้ให้บริการร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ
เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ยังได้ดำเนินกิจกรรมรณรงค์อื่นๆ ที่คนทั่วไปมักจะรู้จักตามข่าวต่างๆ นั่นคือ การติดตามและคัดค้านการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีระดับทวิภาคี ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (เอฟทีเอ ไทย-สหรัฐฯ) การต่อสู้ทางศาลกับบริษัท บริสตอล ไมเยอร์ สวิปปส์ (BMS) ให้ถอนสิทธิบัตรยาดีดีไอ (ddI) และล่าสุด คือการกดดันให้บริษัทแกล็กโซ สมิทธ์ ไคลน์ ถอนคำขอสิทธิบัตรยาคอมบิด ที่ไม่มีการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น เป็นต้น
และนอกจากนี้ ในบริเวณงานที่จัดเป็นหมู่บ้านโลก (Global Village) ซึ่งมีซุ้มเครือข่ายต่างๆ หลายร้อยซุ้มจากทั่วโลก ที่ได้มีการจัดกิจกรรมให้คนดูได้มีส่วนร่วมนั้น ปรากฏว่า เจ้าหญิง Mette Marit แห่งประเทศนอรเวย์ ได้เสด็จมาเยือนซุ้มเครือข่ายศาสนา (Multi faith Networking) ซึ่งมีพระภิกษุชาวไทย ได้แก่ พระครูธนวัฒน์ วรรณาลัย เจ้าอาวาสวัดหัวริน จังหวัดเชียงใหม่และพระภิกขุสุธีโร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในการเผยแผ่พุทธศาสนาและการทำสมาธิวิปัสนาที่ samma patipadaram monastery (The international meditation center) ณ ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นตัวแทนในการสนทนาธรรม
บทบาทศาสนาต่างๆ หรือพระสงฆ์ในการทำงานเรื่องเอดส์ในประเทศไทยเองก็น่าสนใจ เช่น กรณีที่พระครูธนวัฒน์เล่าว่า "พระสงฆ์ต้องปรับบทบาทตัวเองในการทำงานเชิงรุกกับชุมชนให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านและผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเข้าใจ แทนที่พระสงฆ์จะนั่งรอให้ผู้ที่มีความทุกข์ใจเข้ามาปรึกษาที่วัด" ทั้งนี้ พระครูธนวัฒน์ได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ในชุมชนตำบลหัวริน ดำเนินกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การทำงานเยี่ยมบ้าน การส่งเสริมอาชีพ การให้ทุนสำหรับเด็กที่ได้รับผลกระทบต่อการติดเชื้อ และการทำงานรณรงค์ป้องกันและการอยู่ร่วมกันในชุมชน เป็นต้น
ในสถานการณ์การทำงานเอดส์ ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมา ทั้งผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ และพระภิกษุสงฆ์ท่านได้ใช้เวลาในการส่งต่อ (Time to deliver) ในด้านองค์ความรู้และการทำงานเพื่อส่งเสริมประชาชนให้มีเพศสัมพันธ์ที่รับผิดชอบและปลอดภัย การทำความเข้าใจเพื่อสร้างการยอมรับและอยู่ร่วมกันระหว่างผู้ติดเชื้อและผู้ไม่ติดเชื้อ ตลอดจนการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อผู้ป่วยเอดส์...
แล้วคุณล่ะ...เมื่อถึงเวลานี้ ส่งต่อเรื่องเอดส์กันอย่างไร...?