When a Woman Loves a Woman.
คอลัมน์/ชุมชน
โซนุ อวตาร ซิงห์ วัย 21 ปี และ เรคกา มารวาดี วัย 18 ปี เป็นคู่หญิงรักหญิงจากเมืองฮาลอล เมืองเล็กๆ ใน ปัญจมาฮาล ประเทศอินเดีย ทั้งสองต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเยี่ยงคู่หญิงชายอื่นๆ ในวันขึ้นปีใหม่ของปี 2549 โซนุและเรคกาจึงตกลงใจหนีจากเมืองฮาลอล ไปอยู่ด้วยกันที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัฐปัญจาบ
แต่แล้วต้นเดือนมีนาคม ทั้งสองถูกตำรวจจับส่งตัวกลับไปเมืองฮาลอล เพราะพ่อแม่ของเรคกาแจ้งความว่า โซนุลักพาตัวลูกสาวของตนไป คดีนี้ไม่จบลงง่าย ๆ อย่างที่พ่อแม่ของเรคกาคิด เพราะโซนุกับเรคกายืนยันว่านี่ไม่ใช่การลักพาตัว แต่ทั้งสองเต็มใจที่จะอยู่ด้วยกัน
โซนุ ผู้ที่แต่งตัวเป็นชาย บอกกับตำรวจว่า เธอต้องการจะใช้ชีวิตอย่างผู้ชายและทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขดี พ่อแม่ของเรคกาจึงกล่าวหาว่าจริง ๆ แล้วโซนุเป็นผู้ชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิง โซนุจึงถูกส่งตัวไปตรวจกับสูตินารีแพทย์ว่าเธอเป็นเพศใดกันแน่ ผลการพิสูจน์ปรากฏว่า เธอมีสรีระเป็นผู้หญิง
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 377 ของอินเดียถือว่าโฮโมเซ็กชวลผิดกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดกฎธรรมชาติ โทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี กฎหมายนี้ถูกบัญญัติขึ้นโดยอังกฤษในปี 1861 ซึ่งขณะนั้นอินเดียอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ มาตรานี้เคยถูกนำมาลงโทษแต่กับผู้ชาย เพราะเพศสัมพันธ์ในที่นี้หมายถึงการสอดใส่อวัยวะเพศชายเท่านั้น แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว ยังไม่เคยมีการลงโทษด้วยมาตรานี้มาก่อน
วันที่ 8 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันสตรีสากล ศาลในเมืองฮาลอลตัดสินว่า ทั้งสองคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เพราะทั้งสองเป็นผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว คำกล่าวหาว่าโซนุลักพาตัวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด และว่าทั้งสองไม่จำเป็นต้องกลับไปอยู่กับครอบครัว ศาลเล็กๆ ของเมืองเล็กๆ ได้สร้างประวัติศาสตร์ของการพิจารณาคดีหญิงรักหญิงขึ้นแล้ว
เจ้าหน้าที่ของปัญจามาฮาล กล่าวว่า มาตรา 377 ไม่สามารถนำมาใช้กับหญิงรักหญิงได้ เนื่องจากไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศชาย ถ้าผู้หญิงสองคนอยากจะอยู่ด้วยกันก็ไม่มีกฎหมายใดมาห้ามได้
มายา ชาร์มา สมาชิกขององค์กร
กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเกย์ กล่าวว่า เพราะเหตุว่ายังไม่เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น นี่จึงเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับการตัดสินของศาลในอนาคต และจะเป็นกรณีที่ช่วยสนับสนุนการยกเลิกมาตรา 377 ได้
ความรักของโซนุและเรคกาไม่ใช่กรณีแรกที่กลายเป็นข่าวใหญ่ในอินเดีย ก่อนหน้านี้มีคู่รักหญิงอีกหลายคู่ที่พยายามจะอยู่ด้วยกัน เช่น ปลายปี 2547 ราจู วัย 25 และมาลา วัย 22 สองสาวจากรัฐปัญจาบหนีไปแต่งงานตามประเพณีฮินดูและอยู่ด้วยกัน พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายโกรธมากและแจ้งตำรวจจับ แต่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ เพราะไม่มีกฎหมายใด ๆ ห้ามผู้หญิงสองคนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองยังยื่นเรื่องให้รัฐบาลพิจารณากฎหมายการแต่งงานของคนเพศเดียวกันอีกด้วย นอกจากจะก้าวข้ามประเพณีที่ผู้หญิงต้องแต่งงานกับผู้ชายเท่านั้น ราจูและมาลายังท้าทายต่อระบบวรรณะอีกด้วย เพราะราจูนั้นมาจากวรรณะจัณฑาล ส่วนมาลามาจากวรรณะที่สูงกว่า
ยังมีอีกคู่ที่โชคไม่ดีเช่นนั้น ในเดือนเดียวกับที่ราจูและมาลาแต่งงานกัน ตำรวจรัฐพิหารจับพูจา ซิงห์ ในข้อหาลักพาตัว สาริตา วัย 19 ปี ศาลสั่งให้สาริตากลับไปอยู่กับพ่อแม่ ส่วนพูจายังคงต่อสู้คดีต่อไปเพื่อให้ได้คนรักกลับคืนมา
อีกกรณีหนึ่ง น่าแปลกแต่นับว่าเป็นความแปลกที่โชคดี คือ ในรัฐเกราลา มีผู้หญิงวัย 26 ปี ชื่อ มังกาลา แต่งงานอยู่กินกับสามีชื่อ วีนุ มาแล้ว 10 ปี แต่วันหนึ่งเธอบอกกับวีนุว่า เธอรักผู้หญิงอีกคนคือ แรมลัธ มาตลอดเวลาที่เธออยู่กับวีนุ เธอบอกอีกว่าถ้าเธอกับแรมลัธไม่ได้อยู่ด้วยกัน เธอจะฆ่าตัวตาย วีนุจึงตัดสินใจแต่งงานกับแรมลัธด้วย แล้วทั้งสามก็ย้ายเข้ามาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน
ในหนังเลสเบี้ยนอินเดีย "Fire" มีตอนหนึ่งที่นางเอกของเรื่องกล่าวกับคนรักของเธอว่า "ในวัฒนธรรมของเรายังไม่มีแม้แต่ชื่อจะเรียกความสัมพันธ์ของเราเลย" แต่แล้วที่สุดทั้งสองก็ฝ่าวงล้อมของประเพณีหนีออกจากครอบครัวไปอยู่ด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเรียกความรักที่เกิดขึ้นมานี้ว่าอะไรดี
ในชีวิตจริง โซนุ เรคกา ราจู มาลา มังกาลา และ แรมลัธ เป็นผู้ที่ฝ่าวงล้อมของสังคม และทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง ประเพณี กฎหมาย ความคิดความเชื่อของคนไม่สามารถหยุดยั้งความรักของพวกเธอได้
นี่แหละค่ะ คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้หญิงรักผู้หญิง
ข้อมูลจาก http://timesofindia.indiatimes.com และ http://www.sodomylaws.org/world/india