Skip to main content

ทางของตั้ม



ตั้มถูกตำรวจจับไปเมื่อวานนี้และถูกนำไปยังบ้านเมตตา 


เขาถูกจับที่หน้าปากซอยพร้อมเพื่อนอีก 2 คนขณะขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปรับกัญชาและยาบ้ามาจำหน่าย ในตัวตั้มไม่มีกัญชาและยาบ้า แต่ท่าทางของตั้มและโดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปลักษณะของเพื่อนคนหนึ่งนั้นบ่งบอกชัดว่าเป็นเด็กติดยา  ตั้มและเพื่อนทั้ง 2 คนถูกจับตรวจฉี่  ผลปรากฏว่า ตั้มกับเพื่อนคนหนึ่งมีฉี่สีม่วง ส่วนอีกคนหนึ่งเสพแต่กัญชาไม่ได้เสพยาบ้า ผลฉี่ออกมาเป็นปกติจึงรอดตัวไป


ตำรวจนอกเครื่องแบบมาค้นที่บ้านของตั้มแต่ไม่พบอะไร เพราะว่าญาติของตั้มคนหนึ่งมาเก็บกัญชาและยาบ้ารวมทั้งเงินที่ได้จากการขายกัญชาและยาบ้าไปก่อนหน้านั้นแล้วเพียงไม่กี่นาที ตั้มบอกที่ซ่อนเงิน กัญชา ยาบ้าแก่ญาติซึ่งไปหาตั้มที่สถานีตำรวจ  ขนาดว่าอยู่ในตะราง ตั้มก็ยังเป็นห่วงเป็นใย "ของ" ของเขา ตั้มกำชับกำชาญาติว่าต้องเก็บ "ของ" ของเขาไว้ให้ดี 


ญาติคิดจะนำ "ของ" ไปทำลายในตอนแรก แต่ก็รู้สึกเสียดายเพราะลองคิดดูสิว่าถ้านำมันไปแปรรูปเป็นเงินก็คงจะได้โขอยู่  ดังนั้น ด้วยความเสียดายที่จะเอาทิ้งอย่างไร้ประโยชน์บวกกับความมีสมองใส ญาติของตั้มจึงนำมันไปขายต่อ...


ศาลตัดสินมาแล้ว บอกว่าสามารถประกันตัวตั้มได้ แต่ไม่มีใครไปประกันตั้มออกมาเลย เหตุผลหนึ่งก็เพราะอยากจะดัดสันดานตั้ม อีกเหตุผลหนึ่งก็คือไม่อยากจะเสียเงินไปกับการประกัน ตั้มจึงถูกส่งตัวไปอยู่ที่บ้านเมตตา


ก่อนหน้านี้ ตั้มเคยทำผิดกฎหมายมาหนหนึ่งแล้ว ตั้มวิ่งราวกระเป๋าของหญิงคนหนึ่ง   และถูกจับได้ ตั้มไม่ต้องติดคุกเพราะยังเด็กอยู่ เพียงแต่ให้รอลงอาญา  แต่แล้วในช่วงระยะเวลาที่รอลงอาญาอยู่นั้น ตั้มก็ถูกตำรวจจับอีกครั้ง


............


ตั้มไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่  พ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่และไม่ได้เลิกร้างกัน เหตุผลบางอย่างทำให้พ่อแม่ของตั้มต้องหลบหนี  ไม่อาจมาอยู่กับลูกๆ ได้ บางคนเดาส่งว่าหนีหนี้  บางคนเดาสุ่มว่าหนีคดี  ตั้มจึงอยู่กับพี่สาวที่เป็นฝาแฝดและน้องสาวอีกคนหนึ่ง โดยพ่อแม่จะคอยส่งเงินมาให้หรือบางทีก็โทรศัพท์มาหาหรือบางทีก็อาจนัดเจอกันที่ไหนสักแห่ง


พ่อแม่ของตั้มเคยเป็นคนมีฐานะ อาจกล่าวได้ว่าเคยร่ำรวยทีเดียว ตอนนั้นตั้มยังเด็กอยู่เลย ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน อ้วนท้วนจ้ำม่ำ  และอารมณ์ดี  หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ตลอดเวลา ใครเห็นตั้มในตอนนั้นเป็นต้องอยากอุ้ม


พ่อแม่รักและเอาใจตั้มอย่างมาก ชนิดที่ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจริง ๆ   พี่เลี้ยงเด็กจะถูกต่อว่าอย่างรุนแรงหากว่าปล่อยให้ยุงสักตัวหนึ่งมากัดตั้มได้ นั่นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ใครๆ ต่างก็นับหน้าถือตาครอบครัวของตั้ม


แต่แล้ววันหนึ่งพ่อแม่ของตั้มก็หายสาบสูญไป  ปล่อยให้ลูกๆ ทั้ง 4 คน เผชิญชะตากรรมตามลำพัง โดยมีญาติที่อยู่ใกล้ๆ คอยดูแลอยู่ห่างๆ     และหลังจากนั้นมาเรื่องราวของตั้มก็เปลี่ยนไปอย่างชนิดที่คนที่เคยเห็นตั้มมาแต่เล็กแต่น้อยก็คาดไม่ถึง


............


โลกแห่งความจริงอีกด้านหนึ่งของชีวิตได้เปิดเผยให้เห็น โลกที่ห้อมล้อมด้วยความรัก ความเอาใจใส่ของพ่อแม่ได้สิ้นสุดลงแล้ว


ตั้มออกจากโรงเรียนหลังจากจบประถม 6  อันที่จริงเกือบไม่จบชั้นประถมด้วยซ้ำไป ตั้มไม่ต้องการเรียนต่อ  ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน  เรื่องเงินนั้นพ่อแม่ก็ยังคงส่งมาให้  แม้ว่าจะไม่มากมายนักแต่ก็มากพอที่จะไม่ทำให้ลำบากและสามารถใช้เรียนต่อไปได้


แต่ตั้มออกจากโรงเรียนเพราะไม่มีใครคอยบอกให้เขาไปเรียนต่างหาก ไม่มีใครคอยบังคับขู่เข็ญหรือคอยโน้มน้าวใจให้ตั้มไปโรงเรียน  ดังนั้น เขาจึงได้แต่นอนหมกตัวอยู่ที่บ้าน นอนตื่นสาย บางทีก็เที่ยง  หัดสูบบุหรี่กินเหล้า  เข้ากลุ่มกับเด็กคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนกัน


พี่สาวฝาแฝดช่วยอะไรตั้มได้ไม่มาก กระทั่งไม่อาจจะดูแลความเป็นไปของน้องชายได้เพราะว่าพี่สาวก็มีเรื่องส่วนตัวของตัวเองที่จะต้องใส่ใจเหมือนกัน พี่สาวฝาแฝดของตั้มทะเลาะกับแฟนอยู่เนือง ๆ  ดังนั้นจึงไม่มีเวลาจะมาใส่ใจกับเรื่องของน้องชาย รวมทั้งไม่มีเวลามาใส่ใจกับความเป็นไปของน้องสาวคนสุดท้องด้วยเหมือนกัน


ตั้มไม่ถึงกับเตลิดไปไหนไกล เขายังเป็นเด็กที่น่ารักสำหรับหลายคน ยังรู้จักพูดจาออดอ้อน ยิ้มหวาน เขาไม่เคยก้าวร้าว ไม่เคยพูดจาหยาบคายกับคนแก่กว่า  และเขาไม่เคยทำร้ายใครเลย ที่สำคัญ ตั้มยังมีศักยภาพที่จะเป็นเด็กที่ดีได้ในอนาคต


ตั้มเพียงแต่อยู่ในโลกของเขา มีวิถีชีวิตของเขาเองซึ่งไม่ต้องการให้ใครไปยุ่มย่าม บางทีเขาก็พาเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาที่บ้าน ผู้หญิงในชุมชนนี้หรือชุมชนใกล้เคียงก็ช่างง่ายเหลือเกิน ดังนั้นตั้มจึงพามาแทบไม่ซ้ำหน้า 


บางทีเพื่อนๆ มาหาตั้ม และชักชวนกันสูบกัญชา เลยเถิดไปถึงยาบ้าซึ่งหาได้ง่ายพอกันกับผู้หญิง เด็กพวกนี้มีสถานที่ประจำสำหรับการมั่วสุม เจ้าของห้องเป็นเด็กติดยาที่บางทีก็มีอาการหลอน ตั้มเคยเล่าให้ฟังว่าเพื่อนของเขาคนนี้จะจุดเทียนในห้องน้ำตอนกลางวันทั้งที่ไฟในห้องน้ำก็เปิด


............


ตั้มเจ็บปวดอย่างมากเมื่อรู้ว่าไม่มีใครมาประกันตัวเขา ทั้งที่ไม่ต้องใช้เงินมากมายอะไร เขาหลั่งน้ำตาเหมือนเด็กที่ถูกทำร้ายและป้องกันตัวเองไม่ได้ ถึงแม้พ่อแม่ไม่อยู่ แต่ญาติตั้มก็มีมากมาย พอเวลาจะเป็นจะตายก็กลับทำเฉย


แม้จะร้องไห้ ตั้มก็ไม่ได้คิดสำนึกผิด เขาจะสำนึกผิดได้อย่างไรในเมื่อเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกทำร้าย ผู้ใหญ่ล้วนแล้วแต่ทำร้ายเขา ประณามเขา และไม่ช่วยเหลือเขาเมื่อคราที่เขาอยากให้ช่วย กลับยืนดูอยู่เฉยๆ และส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเท่านั้นเอง


............


ตั้มถูกส่งไปบ้านเมตตา สภาพภายในลำบากมาก เขาโดนเพื่อนแกล้งตั้งแต่เข้าไปวันแรกจนเกือบจะมีเรื่องกับขาใหญ่ในนั้น


............


ผมรู้จักกับตั้มและรู้สึกชอบตั้มตั้งแต่เห็นครั้งแรก ผมเขียนเรื่องนี้ด้วยความเศร้าใจเพราะมัน "จริง" มากสำหรับผม ผมเชื่อว่า ตั้มมีศักยภาพที่จะเป็นเด็กที่ดีได้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลังจากออกมาจากบ้านเมตตาแล้วตั้มจะเป็นอย่างไร


ผมก็เหมือนผู้ใหญ่จำนวนมากที่ได้แต่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ และส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์   ก็เท่านั้นเอง.