Skip to main content

โรค…ของผู้นำ (1)

คอลัมน์/ชุมชน

วันนี้ประเทศชาติบ้านเมืองของเรามันชักจะมีอะไรแปลกๆ ไปทุกวัน  ปัญหาสารพัดสารพันถาโถมเข้าใส่ ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และที่น่ากลัวที่สุดคือปัญหาความไม่สงบใน 3 ชายแดนภาคใต้ ที่เขียนมานี่ไม่ได้เสนอหน้ามาเสนอแนะการแก้ปัญหา   เพราะว่ามันเกินความสามารถของผู้เขียน   เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันสงบลงเสียที เท่านี้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนก็บอบช้ำจนยากจะเยียวยาแล้ว


 


มาเข้าเรื่องที่จะคุยกันดีกว่า ขอโทษแฟนๆ ที่หายหน้าไปนาน  ก็ภารกิจ (งานช่วยชาวบ้าน) มันรัดตัว  สมองมันก็เลยไม่สั่งงาน แต่ตอนนี้ฟอร์มเดิมกลับมาแล้ว  จึงอยากคุยเรื่องยอดฮิตในปัจจุบันกับเขาบ้าง นั่นคือ เรื่อง โรค..ของผู้นำ  


 


ที่อยากเขียนเรื่องนี้เพราะว่าคนที่จะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำ ต้องฝ่าฟันหลายสิ่งหลายอย่างกว่าจะเป็นที่ยอมรับให้เป็นผู้นำ เบื้องหลังต้องผ่านการทำงานมามากพอสมควร หากเป็นข้าราชการก็ต้องมีระยะเวลาการทำงานที่มากพอ ผู้นำชุมชนหรือนักพัฒนาอิสระก็ต้องมีผลงานที่ชาวบ้านและเพื่อนร่วมงานยอมรับ นักธุรกิจก็วัดจากความเจริญรุ่งเรืองของกิจการ แต่นักการเมือง แค่มีเงิน มีพวก แค่นั้นก็ขึ้นมาเป็นผู้นำได้ (เป็นผู้นำนอกเหนือการบรรยาย)


 


สาเหตุหลักๆ ของความวุ่นวายในบ้านในเมืองเป็นเพราะท่านผู้นำทุกระดับชั้น ว่ากันมาตั้งแต่ หัวหน้าหน่วย หัวหน้าส่วน ผู้ว่าฯ อธิบดี รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี เป็นโรคเดียวกันหมด คือโรคชอบพูดให้คนอื่นฟัง แต่ไม่ชอบฟังคนอื่นพูด ไม่เชื่อลองสังเกตดูสิ พวกที่ผู้เขียนกล่าวมานั้น เวลามีประชุมก็จะถูกเชิญมาเปิดงาน ก่อนเจ้านายจะมา ลิ่วล้อตัวเล็กๆ ก็จะเหน็ดเหนื่อยกับการวิ่งปลูกผักชี เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนท่านผู้นำมาถึง (ผู้นำจึงเป็นคนโง่ที่สุดของงานนั้นๆ ประจำ) มาถึงก็จะถูกเชิญขึ้นไปกล่าวเปิด ท่านผู้นำก็จะพร่ำพรรณนาให้คนในที่ประชุมฟัง (ไม่สนใจว่าเขาอยากฟังกันหรือเปล่า) พูดเสร็จก็ไป เพราะมีภารกิจรออยู่อีกมากมาย จึงไม่พร้อมที่จะฟังความคิดเห็นของใคร


 


วันก่อนผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  ซึ่งเป็นการสรุปความคิดเห็นจากเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติ  การประชุมมีขึ้นที่โรงแรมริชมอนด์ แถวๆ ถนนงามวงศ์วาน  โดยมีผู้แทนชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเกือบ 100 คน 


 


วันแรกเป็นเวทีสรุปข้อมูล วันที่สองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาเป็นประธานรับฟังความคิดเห็น  ที่น่าแปลกกว่านั้นคือรัฐมนตรีไม่มาฟังที่ริชมอนด์ แต่ให้คนเกือบร้อยเดินทางไปพูดให้ฟังที่กระทรวงสาธารณสุข คนๆ เดียวทำให้คนเป็นร้อยเดือดร้อน นี่ล่ะเขาเรียก ภาวะผู้นำ คือต้องทำอะไรไม่เหมือนใคร และที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ท่านรัฐมนตรีมีความอดทนในการรับฟังผู้อื่นน้อยมาก หรือเรียกว่าเกือบไม่มีเลย เพราะหากใครพูดจาเยินยอก็จะนั่งยิ้มรับฟัง แต่ถ้าใครเสนอข้อคิดเห็นที่แตกต่าง ความอดทนก็จะสะดุดทันที่  


 


เช่น มีผู้นำชาวบ้านลุกขึ้นมาเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการขอให้พิจารณาเรื่องการเซ็นสัญญา FTA กับสหรัฐอเมริกา เพราะจะเกิดผลกระทบกับราคายาและความสามารถในการผลิตยาของประเทศไทย คนพูดๆ ยังไม่ทันจบ ท่านรัฐมนตรีของขึ้น ทะลุขึ้นมากลางปล้องชี้หน้าว่าคนนำเสนอ ด้วยวาจากิริยาที่ทั้งเถื่อนทั้งถ่อย หาว่าคนพูดรู้ไม่จริงแล้วมาพูด ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนและทำให้ประเทศชาติเสียหาย เท่านั้นยังไม่พอท่านยังหันกลับไปชี้หน้าผู้จัดงานว่าจัดงานยังไง ทำไมไม่คัดเลือกคนมาพูดปล่อยให้มาพูดส่งเดชได้ยังไง


 


ผู้เขียนนั่งอยู่ในที่ประชุมแล้วรู้สึกงงๆ ก็เวทีมันเขียนว่ารับฟังความคิดเห็นแต่ท่านรัฐมนตรีกลับไม่ค่อยรับฟัง แต่ลุกขึ้นเถียงทุกคนที่คิดไม่เหมือน  แล้วที่งงมากกว่านั้นคือผู้เขียนเคยอ่านบทสัมภาษณ์ท่านนายกฯ ท่านบอกว่ากรณีการเจรจา FTA ไม่ต้องผ่านสภาผู้แทน เพราะในสภาไม่มีคนรู้เรื่องนี้ผ่านมาก็ไร้ประโยชน์ แต่ท่านรัฐมนตรีกลับมาเถียงชาวบ้านบอกว่าท่านรู้และรู้มากด้วย ก็ให้ยิ่งสงสัยว่าหากท่านรัฐมนตรีรู้อย่างที่พูดออกมาจริงๆ ก็แสดงว่าท่านนายกฯ พูดเท็จใช่หรือไม่ เอ๊ะ ยังไง


 


(ตอนหน้านะ มีอะไรแปลกๆ อีกเพียบที่จะมาเล่าให้ฟัง ตอนแรกนี่แค่เกริ่นๆ)