Skip to main content

ฉบับที่ 7 : คู่หมั้น (ที่ไม่ได้นัด) หมาย

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


ถึง ชนกเนตร --->


 


 


- วันเสาร์นั้น -


หญิงสาวสูงวัย พร้อมกับเด็กสาววัยรุ่น ร่างเล็ก ผมยาว


หยุดอยู่ห่างจากผมประมาณ 10 เมตร เด็กสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนจะโทรออก
ผมรีบเดินเข้าไปหาเธอ


"พี่บัวหรือเปล่าคะ"


เธอถาม


 ".....อ่อ ครับ" ผมตอบ "มาถึงนานหรือยัง เหนื่อยไหมครับ"
"ค่ะ.....นั่นแม่ค่ะ จำได้ไหม" เธอชี้


พร้อมกับเหลียวหลัง เรียกชายหนุ่มอีกคนที่กำลังอุ้มเด็กอยู่ในอ้อมแขนที่ค่อยๆ เดินมาทางที่เรายืนอยู่


"ค่อยๆ เดินนะ เดี๋ยวลูกเราก็ตกลงจากแขนหรอก" เธอตะโกนค่อยๆ บอกกับชายหนุ่มคนนั้น


 


ในเบื้องหน้าผม มีหญิงสูงวัย - หญิงสาววัยรุ่น - ชายหนุ่มและเด็กทารกตัวน้อยในอ้อมแขน


 ส่วนผม ทำตัวไม่ถูกครับ!


 


 - กลางปี 2549 -


"สวัสดีค่ะ พี่ น้องเองนะ" ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิง เอ่ยถามผมประโยคแรกของการสนทนา
"เอ่อ.... ใครอ่ะครับ" ผมถามกลับ ด้วยความมึนงงเล็กน้อย


"คู่หมั้นพี่ไง" เสียงผู้หญิงบอก  "...หมั้นไหนอ่ะ ชื่อไรครับ" ผมถามอีกครั้ง
"น้องอ้อมไง" เธอบอก


  


- ประมาณ กลางปี 2536-


เท่าที่จำได้, หลังจากจบอนุบาล 3
ผมก็เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ตอนนั้นอยู่ชั้น ป.1 -คุณครูที่พอจำชื่อได้คือ ครูเสมอจิต
และเพื่อนบางคนที่จำได้คือ ไข่, เต้ย, อ้วน

นอกจากนี้คนที่ยังอยู่ในความทรงจำอีกคนคือ น้องอ้อม
น้องอ้อม เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ทรงผมหน้าม้า
หน้าออกจะหมวยเล็กน้อย ส่วนสูงพอดีๆ กับผม
และอายุน้อยกว่าผม แต่เราเรียนอยู่ระดับชั้นเดียวกัน

แม่ของผมและแม่ของอ้อมเป็นเพื่อนกัน


ผมและอ้อม จึงค่อนข้างที่จะสนิทกันเป็นพิเศษ
และอีกอย่าง ดูเหมือนอ้อมจะเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่ผมรู้จักด้วย


 


บ้านของอ้อมอยู่ระหว่างบ้านผมกับโรงเรียน
ทุกเช้า, ผมจะแวะรับอ้อมที่บ้าน เพื่อไปโรงเรียนด้วยกัน
ตอนกลางวัน, เพื่อนกินข้าวเที่ยงก็คือ อ้อม
ตอนเย็น, ผมกลับมาส่งอ้อมที่บ้าน - บางวันก็แวะทานข้าวเย็นที่บ้านอ้อม
หรือบางทีก็อยู่เป็นเพื่อนอ้อม ตอนที่แม่ของเขาไม่อยู่


 


- ประมาณ ท้ายปี 2536 -


 ครั้งหนึ่ง โรงเรียนมีการจัดงานอะไรสักอย่างไม่รู้
โดยมีการแสดงบนเวที มีเด็กๆ มาร้องเพลง ฟ้อนรำต่างๆ มากมาย
อ้อมได้เป็นตัวแทนของห้อง ฟ้อนเพลงไทยเดิมบนเวที

พอก่อนเวลาที่จะต้องขึ้นเวทีมาถึง
ปรากฏว่าอ้อมลืมเอาถุงเท้ามาด้วย
"ช่วยไปเอาให้น้องหน่อยได้ไหม" แม่อ้อมบอกกับผม ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ อ้อม
"ครับ" ผมตอบและรีบวิ่งจากโรงเรียน ไปยังบ้านของอ้อม
ระยะห่างจากโรงเรียนกับบ้านอ้อมประมาณ 500 เมตร
ทำให้เหงื่อออกเต็มตัว และเหนื่อยหอบเอาการ
แต่ผมก็สามารถวิ่งไปเอาถุงเท้ามาให้อ้อมใส่ฟ้อนได้ทันเวลาพอดี


 


นี่เป็นภารกิจหนึ่งที่ผมยังจำได้อยู่จนทุกวันนี้
และเป็นความประทับใจเล็กๆ ที่ได้ทำเพื่ออ้อม


 


แต่จากนั้นไม่นาน หลังจากที่ชีวิตทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ
ผมเพิ่งรู้ภายหลังจากแม่ว่า ....
แม่ของผมและแม่ของอ้อมเป็นเพื่อนสนิทกันมาก
ตอนที่แม่ท้องผม และแม่อ้อมท้องอ้อม
ทั้งสองคุยกันว่า ถ้าลูกของแต่ละคนเกิดมา
อยากให้เป็น "คู่หมั้น" กัน
เพราะตอนนั้นทั้งสองรู้แล้วว่า ลูกของแต่ละคนจะมีเพศสภาพแบบไหน

แม่บอกอีกว่า "พวกแม่หมั้นกันทางวาจา ถ้าโตขึ้นมาก็คงจะแล้วแต่ลูกๆ แหละ"
ผมตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก
เพราะรู้อยู่แล้วว่า แม่ๆ คงจะพูดหยอกกันเล่นๆ มากกว่า
ที่ผมสงสัยคือ อ้อมรู้เรื่องนี้เหมือนที่ผมรู้หรือเปล่านะ?


 


 


- ประมาณ ต้นปี 2537 -


เกิดอุบัติเหตุทางครอบครัวของผม เมื่อพ่อและแม่ตัดสินใจแยกทางกัน
แม่เลือกที่จะกลับมาอยู่เชียงราย
ส่วนพ่อเลือกที่จะอยู่กรุงเทพฯ
ผมจำได้ว่า ทั้งสองให้ผมเลือกว่า "จะอยู่กับใคร"

ผมตัดสินใจเลือกอยู่กับแม่ เพราะใกล้ชิดและผูกพันกับแม่มากกว่าพ่อ
จนในที่สุด ทั้งที่ผมยังเรียนไม่จบป.1
ผมก็ต้องออกจากโรงเรียนกลางคั้น
แล้วมาเรียนที่เชียงราย, ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่

ผมไม่ได้มีโอกาสบอกกับอ้อม ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ไม่ได้ร่ำลา ไม่ได้พูดคุยหรือแม่แต่จะพบกัน
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมาก
ขนาดผมตั้งตัวยังไม่ทัน - แต่ต้องทำอย่างเร็วเร่งเพื่อให้เรื่องของพ่อและแม่ผ่านไปโดยเร็ว


 


เมื่อผมมาอยู่เชียงรายกับแม่
ทุกอย่างจึงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
ต้องเข้าเรียนชั้นป.1 ใหม่
ต้องทำความเข้าใจกับภาษาพื้นเมือง
ต้องปรับเรื่องการกิน
ฯลฯ



กลางปี 2537 ถึง ต้นปี 2549 -


มีหลายเรื่องราวผ่านเข้ามาในชีวิต
ผมได้พบปะผู้คนมากมาย มีเพื่อนหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ได้เรียนหนังสือหลายที่


ได้ทำงานหลายอย่าง เดินทางไปมาหลายจังหวัด


 


ความทรงจำของผมกับอดีตบางอย่าง เริ่มจะลางเลือนหายไปทีละเล็กทีละน้อย
เรื่องใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ความทรงจำเก่าๆ


ยิ่งนานวัน ยิ่งมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ –มากกว่าจะสาธยายในบรรทัดนี้ได้


 


 


- กลางปี 2549 -


 สุดสัปดาห์นี้ ผมได้รับข่าวจากแม่ว่า เพื่อนๆ ของแม่จะมาเที่ยวที่เชียงใหม่
"ยังไงก็อยู่ตอนรับและพาเค้าไปเที่ยวกันหน่อยนะ ลูกอยู่ตั้งเชียงใหม่ ช่วยแม่เน้อ" แม่ย้ำ


 


ผมแปลกใจมาก ว่าทำไมแม่ถึงอยากให้ดูแลเพื่อนคนนี้นัก
เขามีความสำคัญยังไง? ทำไมต้องดูแล? ทำไมต้องพาเที่ยว?
งง!


 


ก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมปฏิเสธงานทุกชิ้นที่มี
และเย็นวันพฤหัสบดี ก็มีหมายเลขแปลกๆ โทรเข้ามาที่เครื่องผม


 


"สวัสดีค่ะ พี่ น้องเองนะ" ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิง เอ่ยถามผมประโยคแรกของการสนนทนา
"เอ่อ... ใครอ่ะครับ" ผมถามกลับ ด้วยความมึนงงเล็กน้อย


"คู่หมั้นพี่ไง" เสียงผู้หญิงบอก  "...หมั้นไหนอ่ะ ชื่อไรครับ" ผมถามอีกครั้ง
"น้องอ้อมไง" เธอบอก
"อ้อมไหน" ผมชักงงไปใหญ่ "โทรผิดแล้วมั๊งครับ"
"จำอ้อม ที่ลืมถุงเท้าตอนงานฟ้อนที่โรงเรียน ตอน ป. 1 ได้ไหม" หญิงสาวพูดจาฉะฉาน ด้วยน้ำเสียงสดใส


"....อ๋ออ" ผมเริ่มนึกขึ้นได้ แล้วถามกลับ "จำได้สิ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม แล้วมีอะไรหรือเปล่าครับ"


"เดี๋ยวเสาร์ อาทิตย์นี้ อ้อมกับแม่จะไปเชียงใหม่ไง แม่พี่ยังไม่ได้บอกเหรอ เห็นแม่พี่บอกว่าพี่จะเป็นไกด์พาเที่ยว" อ้อมว่า


"อ๋อ ใช่ๆ ยังไงวันเสาร์ตอนเช้าเจอกันที่สถานีรถไฟนะครับ มาถึงกี่โมงโทรบอกด้วย" ผมบอก ก่อนที่จะรีบวางหู เพราะปวดท้องต้องรีบเข้าห้องน้ำ
" ค่ะๆ ไว้เจอกันนะ" อ้อมพูดก่อนวางสาย



จากนั้นผมก็เข้าห้องน้ำ ด้วยความงง อึ้ง ตกใจ และตื่นเต้นที่จะได้พบกับอ้อมอีกครั้ง


ความคิด ณ ขณะที่อยู่ในห้องน้ำ มาพร้อมกับคำถามต่างๆ มากมาย
เธอจะเป็นยังไง? จะน่ารักไหม? ถ้าเป็นคู่หมั้นคงได้แต่งกันแน่ เอาไงดี? เขาจะจำเราได้ไหม?
สารพัดคำถามในสมองเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน


 


 


- วันเสาร์นั้น - 


ขบวนรถไฟเทียบชานชะลา ที่สถานีเชียงใหม่
เวลา 7 โมงเช้าในวันเสาร์ ผู้คนมากหน้าหลายตา ทยอยเดินออกมาจากตู้รถไฟ
ผมพยายามมองสอดส่องเพื่อหาอ้อมและแม่ของเขา



หญิงสาวสูงวัย พร้อมกับเด็กสาววัยรุ่น ร่างเล็ก ผมยาว


หยุดอยู่ห่างจากผมประมาณ 10 เมตร เด็กสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนจะโทรออก
ผมรีบเดินเข้าไปหาเธอ


"พี่บัวหรือเปล่าคะ" เธอถาม


".....อ่อ ครับ" ผมตอบ "มาถึงนานหรือยัง เหนื่อยไหมครับ"
"ค่ะ.....นั่นแม่ค่ะ จำได้ไหม" เธอชี้


............ 


 


จาก - - อุ่นใจ บัว