Skip to main content

ทางของตั้ม (2)

ผมไปเยี่ยมตั้มที่สถานพินิจ-บ้านเมตตาพร้อมกับป้าของตั้ม


 


เราไปถึงบ้านเมตตาตอนเที่ยงและต้องรอจนถึงบ่ายจึงจะเยี่ยมได้ ทางสถานพินิจจะเรียกเด็กออกมาเป็นกลุ่ม ญาติของเด็กแต่ละคนเข้าไปในห้องเยี่ยม เด็ก ๆ นั่งเรียงแถวตามโต๊ะยาว 2 โต๊ะ ญาตินั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


 


เจ้าหน้าที่สถานพินิจเรียกหาเด็กๆ ผ่านทางเครื่องกระจายเสียง รอจนครบจำนวนที่เรียกจึงให้เข้ามาหาญาติพร้อมๆ กัน แต่ปรากฏว่าไม่มีตั้ม เจ้าหน้าที่จึงเรียกซ้ำอีกครั้ง แต่ตั้มก็ยังไม่มา


 


ป้าของตั้มพูดว่า "สงสัยตั้มคงจะหลับ"


 


เจ้าหน้าที่บอกให้รอสักครู่แล้วไปตามหาตั้ม  ตั้มกำลังตัดผมอยู่ ไม่ได้ยินเสียงเรียก เมื่อรู้ว่ามีคนมาเยี่ยม ตั้มรีบวิ่งมาทั้งที่ยังตัดผมไม่เสร็จ ศีรษะก็ยังเปียกน้ำ


 


ผมซื้อเป๊บซี่ใส่ถุงกับมันฝรั่งยี่ห้อเลย์ให้ตั้ม ในขณะที่ป้าของเขาซื้อข้าวเหนียวไก่กับอาหารญี่ปุ่นที่แพ็คใส่กล่องไปให้ อาหารทุกอย่างต้องกินในเวลานั้น เอาไปกินในบ้านเมตตาไม่ได้  ตั้มกินอย่างหิวกระหาย เขากินทุกอย่าง กินไปพูดไป


 


ป้าของเขาชวนคุย  "เมื่อวานมาแล้ว วันนี้ว่าจะไม่มา แต่ก็อดเป็นห่วงหลานไม่ได้"


"ก้อยกับแก้วเป็นยังไงบ้าง" ตั้มถามถึงพี่สาวฝาแฝด "บอกให้มาเยี่ยมผมบ้างสิ"


 


ป้าของตั้มเงียบไป ตั้งแต่ตั้มถูกส่งตัวมายังบ้านเมตตา พี่สาวฝาแฝดของเขาไม่เคยมาเยี่ยมเลย ในขณะที่ญาติคนอื่น ๆ พากันมาเยี่ยม บางคนก็มาหลายหนแล้ว


 "แล้วจุ๋มล่ะ" ตั้มถามถึงน้องสาวของเขา


 


ป้าของตั้มเล่าให้ฟังว่าได้โทรศัพท์คุยกับแม่ของตั้ม บอกว่าแม่ของตั้มจะหาโอกาสมาเยี่ยมให้ได้ พอพูดถึงแม่ ตั้มก็น้ำตาคลอ


 "แม่บอกว่าเป็นห่วงตั้มมาก" ป้าของตั้มบอก


 


ตั้มไม่พูดอะไร  น้ำตาคลอจนเต็มเบ้า  แล้วก็ไหลออกมาทางร่องแก้ม ในขณะที่ปากของเขายังคงเคี้ยวอาหาร ผมหันไปมองเด็กคนอื่นๆ บางคนก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตั้มคือกำลังร่ำไห้ต่อหน้าผู้ที่มาเยี่ยมซึ่งอาจจะเป็นแม่ เป็นญาติ


 


เพื่อนของตั้มที่ถูกจับมาพร้อมกันไม่มีใครมาเยี่ยมเลยรวมทั้งแม่ของตนเอง ตั้มเล่าต่อไปอีกว่าเพื่อนของเขาคนนี้ "จี้" เขา คือสารภาพทุกอย่างว่าตั้มทั้งขายทั้งเสพยาบ้า กระทั่งอาจเล่าเกินเลยไป


"เพื่อนกันไม่น่าจะมาทำกัน" ตั้มบ่น "ต่อไปจะไม่คบกับมันอีกแล้ว ออกไปข้างนอกเมื่อไหร่จะต่อยมันให้คว่ำไปเลย"


 


ตั้มหันมาทางผม "จารย์น้อยไม่เห็นพูดอะไรเลย"


ผมยิ้มแหย ๆ บรรยากาศรอบตัวทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ผมไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้  นี่เป็นสถานที่ๆ แปลก และกดดัน ผมไม่รู้ว่าผมจะวางตัวอย่างไร บางทีผมอาจกำลังนึกถึงตนเองและวัยเด็กของตนเองอยู่ แต่ในที่สุดผมก็พูดขึ้นมาว่า


"เวลากิน เวลานอนเป็นยังไง"


 


ตั้มเล่าให้ฟังว่าเวลานอนก็นอนรวมกัน เวลาอาบน้ำก็อาบรวมกัน สถานที่อุจจาระก็เป็นโถส้วมที่เรียงรายเป็นแถวโดยไม่มีอะไรมาปกปิด


"ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลย" ตั้มเล่า


 


"แล้วอาหารการกินเป็นยังไง" ตอนที่ผมนั่งรออยู่ข้างนอกนั้น มีชื่อรายการน่ากินติดไว้ที่บอร์ด โดยบอกว่าแต่ละวันมีอาหารอะไรสำหรับเด็ก ๆ บ้านเมตตาบ้าง


"ผมกินไม่อิ่มซักมื้อเลย" ตั้มตอบ "มีแต่หอย"


 


"ตั้มก็ดูอ้วนท้วนดีนี่" ป้าของตั้มพูด


"ผมออกกำลังกายทุกวัน วิ่งตอนเช้า เหนื่อยแทบตาย กลางวันก็ไม่ค่อยโดนแดด"


 


ป้าของตั้มถามว่าเด็กผู้ชายอยู่รวมกันมีการ "เอา" กันบ้างหรือเปล่า ผมฉงนใจเล็กน้อยกับคำถามที่ตรงไปตรงมา แต่คำตอบของตั้มตรงไปตรงมายิ่งกว่าโดยเฉพาะ "คำ" ที่ตั้มใช้ซึ่ง "ดิบ" มาก และตั้มก็พูดเสียงดังชนิดที่ไม่อายใคร


 


ตั้มตอบว่าสำหรับเขาไม่มีหรอก ไม่มีใครทำเขา เพราะเขาสนิทกับ "ขาใหญ่" เขาชี้ไปที่ "ขาใหญ่" ซึ่งนั่งอยู่แถวเดียวกัน ญาติของ "ขาใหญ่" มาเยี่ยมในวันนี้ด้วย


"แต่สำหรับคนอื่นไม่รู้"


 


ป้าของตั้มพูดย้ำอยู่หลายครั้งว่าให้ตั้มทำตัวเป็นเด็กดี ตั้มก็ตกปากรับคำว่าไม่เอาแล้ว เข็ดแล้ว จะไม่ยุ่งแล้วกับสิ่งเสพติด ออกไปจะเรียนหนังสือ ตั้มวกกลับมาที่เรื่องสำคัญคือเรื่องการประกันตัว ว่าเมื่อไหร่จะมาประกันตัวเขาเสียที ป้าของตั้มตอบอ้อมแอ้มว่า ยังประกันตัวไม่ได้


 


ตั้มปล่อยโฮมาอีกครั้ง "ไม่ต้องมาประกันก็ได้ ตั้มอยู่ที่นี่ได้ ยังไงตั้มก็อยู่ได้" ตั้มพูดด้วยความน้อยใจ ในปากเขายังคงเคี้ยวอาหารอยู่ ป้าของตั้มยื่นทิชชูให้ ผมหันหน้าไปทางอื่น เด็กร้องไห้ไม่ใช่ภาพที่น่าดู แต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ตั้มกลับมาอยู่ในอารมณ์ปกติอีกครั้ง


 


ตอนที่มาเยี่ยมตั้มหนแรก ป้าของตั้มสะทกสะท้อนไปใจกับชะตากรรมของหลานเม่อเห็นหลานร้องไห้ ป้าของตั้มก็ร้องไห้ด้วยเหมือนกัน มันเป็นโศกนาฏกรรมย่อยๆ ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่การมาเยี่ยมหนนี้ป้าของตั้มไม่ร้องไห้แล้ว


 


"บอกให้เอ๋เขียนจดหมายมาหาบ้างสิ" ตั้มหมายถึงแฟนสาวของเขา การมาเยี่ยมเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับคนที่ไม่ใช่ญาติ ดังนั้นการเขียนจดหมายจะเป็นวิธีที่สะดวกกว่า


 


ทางสถานพินิจให้เยี่ยมครึ่งชั่วโมง ก่อนจะหมดเวลาตั้มบอกว่า "ซื้อยาสีฟันกับสบู่ฝากให้ด้วยสิ ไม่รู้ใครมันขโมยของตั้มไปแล้ว"


 


"จารย์น้อย ว่างๆ ก็มาเยี่ยมตั้มอีกสิ  มีคนมาเยี่ยมครั้งหนึ่งก็สบายไปวันหนึ่ง" ผมพยักหน้า.