Skip to main content

ขออภัยในความไม่สะดวก

คอลัมน์/ชุมชน


 


ในค่ำคืนมืดมัวสลัวราง อดีตกำลังพูดคุยกับปัจจุบัน พร้อมเสียงทอดถอนใจ...


"ในที่สุด, ชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับ พลเอกสนธิ  บุญยรัตกลิน ก็ถูกจารึกอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย"


           


"...ขออภัยในความไม่สะดวก..."


 


1.


แสงไฟสีเหลืองสาดกระทบกับความมืด บรรยากาศค่ำคืนนั้นช่างอบอ้าว เหม็นเหงื่ออับ จนหลายคนต้องใช้หลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก  ก่อนหน้านั้น  เม็ดฝนหล่นไม่กี่เม็ดแต่ก็หยดหายไปในอากาศ


           


เพลงเพื่อชีวิตเริ่มบรรเลงกล่อมผู้คนในคืนอ้าวและอึดอัด ตามโต๊ะไม้เก่าคร่ำ เก้าอี้บางตัวว่างเปล่า บางซอกมุมของร้านสุดสะแนนจึงดูสวยเศร้า


           


ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะไม้หน้าเพิงพักอยู่นั้น เสียงเรียกรายงานข่าวผ่านโทรศัพท์มือถือดังขึ้น


           


- -นายกฯทักษิณประกาศภาวะฉุกเฉิน ปลดผบ.ทบ.- -


 


หลายคนเริ่มเอะใจ งงและสงสัย ว่านี่เป็นประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ 3 ชายแดนภาคใต้หรือประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศกันแน่


           


ดนตรียังคงบรรเลง บทเพลงเพื่อชีวิตกังวานก้องไปทั่ว เขากวาดสายตามองไปยังกลุ่มนักดื่มตามโต๊ะอื่นๆ ภายในร้าน กระทั่งสะดุดกับโต๊ะหนึ่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ติดกับซุ้มขายไส้ย่างบริเวณทางเข้า


           


มองเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดเครื่องแบบเต็มยศสามสี่นาย พกปืนไว้ข้างเอว ห้อยนกหวีด กำลังนั่งดื่มสรวลเสเฮฮากันอยู่ตรงนั้น


           


"ทำไม เขาไม่ถอดชุดเครื่องแบบเสียก่อนนะ...ถ้าจะดื่มเหล้าในร้าน" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งบ่นออกมาเบาๆ


           


"นั่นนะสิ พกปืนด้วย น่ากลัวออก" อีกคนพยักหน้าเออออ


           


แสงไฟสีเหลืองนวลสาดส่องวอมแวมตามโต๊ะในร้าน  ทว่ารอบๆ นอกกลับดูสลัวราง ดนตรียังคงบรรเลง บทเพลงชีวิตยังดังแว่วให้ได้ยิน


           


เขาเริ่มกระวนกระวาย  นึกไปถึงข่าวทางมือถือเมื่อสักครู่...ก่อนตัดสินใจโทรหาแหล่งข่าวจากเมืองกรุง เพื่อสอบถามหาเหตุการณ์ทางโน้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง


           


เสียงของความสับสนดังแว่วมาทางคลื่นสัญญาณไร้สาย...


           


"กำลังเช็คกันอยู่ว่าเป็นอย่างไรกันแน่...คือก่อนหน้านั้น  ทักษิณประกาศภาวะฉุกเฉิน พร้อมปลด ผบ.ทบ.แต่ยังไม่ทันเสร็จ โทรทัศน์ถูกปิดควบคุมเสียก่อน..."


           


ดนตรียังคงบรรเลง ต่อไปอย่างเร้าเร่ง...


           


"หลังจากนั้น มีข่าวว่าทางทหารเข้ายึดอำนาจนายกฯ ทักษิณแล้ว...แต่ยังไม่มีใครกล้ายืนยัน..."แหล่งข่าวคุยกับเขา ก่อนเสียงโดนตัดหายไป


           


ในห้วงนั้น ทุกคนเริ่มสับสนกระวนกระวายในข่าวคราว...ใครบางคนวิ่งเข้าไปเปิดดูโทรทัศน์ภายในร้าน  ก็เจอแต่ภาพนิ่งและบทเพลงพระราชนิพนธ์ ไม่รู้จะทำอย่างไร


           


มีคนโทรเข้ามาหาเขาอย่างมิขาดสาย...


           


"เป็นไงบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ ชาวบ้านงงไปหมดแล้ว..." เสียงน้องคนหนึ่งโทรมาจากเชียงดาว


           


"เขาปฏิวัติกันรึเปล่า...ช่วยเช็คให้หน่อยเร็วๆ" อีกคนหนึ่งโทรมาจากสันป่าตอง


 


2.        


เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า...นาทีราวชั่วโมง ดนตรียังคงบรรเลง...บทเพลงเพื่อชีวิตยังดังแว่วมาจากในร้าน


           


เสียงดังติ๊ดๆ ข่าวรายงานผ่านโทรศัพท์อีกครั้ง


             


- - พลเอกสนธิ นำเหล่าทหารสี่เหล่าทัพเข้ายึดอำนาจนายกฯทักษิณแล้ว- -


           


หลายคนกรูกันเข้าไปดูหน้าจอโทรทัศน์ภายในร้าน...มีตัวหนังสือแช่นิ่งอยู่บนจอ พื้นสีฟ้า


           


"เนื่องด้วยขณะนี้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลไว้ได้แล้ว โดยไม่มีการขัดขวาง เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองจึงขอความร่วมมือประชาชนในการให้ความร่วมมือและอยู่ในความสงบ และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย"
           


"...ขออภัยในความไม่สะดวก...ช่างเหมือนกับข้อความที่เขียนติดตามถนนที่ยังสร้างไม่เสร็จเลยเนาะ" เสียงใครพึมพำเหมือนรำพึง


 


3.


แสงไฟสีนวลสาดกระทบโต๊ะไม้เก่าคร่ำ ดนตรีเปลี่ยนวง บทเพลงเพลงใหม่เริ่มต้น


กลายเป็นเพลงแจ๊สนวลนุ่ม ก่อนเร่งเร้าด้วยเสียงแซกโซโฟน


           


หลายคนเริ่มแสดงอาการสดชื่นและคลี่คลาย คนหนึ่งรีบเดินไปสั่งเบียร์มาดื่มอีกขวด


มีเพื่อนคนหนึ่งโทรเข้ามาหาเขา พร้อมบ่น ไม่เข้าใจ ไม่พอใจที่ทหารใช้อำนาจแบบนี้


           


"...เราไม่ชอบเลย วิธีการแบบนี้ เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญนี่นา..."เขารับฟัง อือเออ...ก่อนเงียบเสียงไป


           


ใครคนหนึ่งเดินสวนกับตำรวจหนุ่มตรงทางเข้าห้องน้ำ


"พี่ เขาปฏิวัติกันแล้วเน้อ..."


ตำรวจหนุ่มนายนั้นพยักหน้า ยิ้มกรึ่มดูเฉยเมยไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับข่าวที่เกิดขึ้น


           


           


ในวงเหล้าเริ่มสนทนาถึงเรื่องการเมือง เรื่องการปฏิวัติกันเงียบๆ พร้อมกับชำเลืองมองดูโต๊ะข้างหน้า ตำรวจหนุ่มสามสี่คนยังคงนั่งดื่มกันอยู่ตรงนั้น


           


"คุยกันเบาๆ เน้อหมู่เฮา..ไม่กลัวเหรอ คนมีปืนเวลาเมาก็น่ากลัวเหมือนกันหมดแหละ." คนหนึ่งกระซิบ เหมือนหวาดระแวงไม่ไว้ใจ


           


"แล้วไนท์ซาฟารี พืชสวนโลกมันจะเป็นอย่างไรต่อไป จะไปรอดหรือเปล่าว่ะเนี่ย..." ชาวบ้านแม่เหียะในคนหนึ่งที่ถูกไนท์ซาฟารีและพืชสวนโลกเข้าคุกคาม เอ่ยออกมา


           


"ผมว่ามันเจ๊งแน่ๆ คอยดู อย่างพืชสวนโลก ประเทศที่ไหนจะกล้ามาลงทุน ตอนนี้มองเห็นแต่กองดินมหึมา"


           


"อย่าไปกังวล ถ้ามันเจ๊ง ต่อไปเราก็เข้าไปใช้พื้นที่ตรงนั้นให้เกิดประโยชน์สิโว้ย..."


           


"ใช่ๆ ถ้ามันเจ๊ง เราก็ไปใช้พื้นที่นั้นเสียเลย  กูว่าทำเลตรงนั้น เราเอากล้วยไปปลูก เอาวัวไปเลี้ยง ยังได้ประโยชน์มากกว่าด้วยซ้ำ" อีกคนเสนอทางออก


           


เที่ยงคืน ดนตรีหยุดบรรเลง ผู้คนเริ่มทยอยแยกย้าย...


ทว่ายังคงมีการรายงานข่าวว่า ที่นั่น,ที่เมืองหลวงมีการปรับเปลี่ยนการปกครอง และมีทหาร รถถังเคลื่อนไปทั่วใจกลางเมือง...


           


ในความมืดมัวสลัวราง 


เขามองเห็นอดีตพูดคุยกับปัจจุบัน ก่อนทอดถอนใจ...


           


"ในที่สุดชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพลเอกสนธิ  บุญยรัตกลิน ก็ได้ถูกจารึกอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย"


           


"...ขออภัยในความไม่สะดวก..."