รัดติ้วเพราะคน ระทมเพราะใคร
คอลัมน์/ชุมชน
ถึง อุ่นใจ บัว
จดหมายฉบับนี้อาจเนิ่นนานไป เพราะด้วยภาวะต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้ไอ้คำว่า "ความแน่นอน" กลายเป็น "ความไม่แน่นอน" จนพาลเป็นอาการหลงลืม และเหลวไหล...
ก็ข้ออ้างดีๆของคนขี้เกียจนั่นเอง
มาติดตามข่าวสารอีกที เพื่อจะดูว่าคนหนุ่มคนสาวสมัยนี้เขาสนใจและเกาะติดเรื่องอะไรกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็กลายเป็นว่าไม่ได้ห่างจากเรื่องความสวยความงาม เรื่องแฟชั่น และระบบทุนนิยมสมัยใหม่นั่นเอง
วัยรุ่นกับแฟชั่นนั้นเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่มีรูปแบบแปลกใหม่ แหวกแนวออกจากเครื่องแต่งกายกระแสหลัก และมีพัฒนาการที่ไม่สิ้นสุดนั้นเป็นผลผลิตของกระบวนการสร้างสรรค์ และส่วนหนึ่งของความคิดและการแสดงออกของวัยรุ่น เช่นเดียวกับงานศิลปะ เทคโนโลยี นวัตกรรม
การนุ่นสั้น แบบแนบเนื้อ น้อยชิ้น และรัดติ้วของสาวๆ สมันนี้ก็เช่นกัน เชื่อว่าเป็นการขานรับกระแสดังกล่าวเป็นอย่างดี เห็นได้จากรายการโทรทัศน์ โฆษณา ละคร หนังต่างๆ ที่ออกสู่สายตา กระทั่งได้รับการยอมรับจากสังคม การแต่งกายที่แสดงความมาดมั่น เปิดเผยความงามของผิวสวย พื้นที่ที่เคยเป็นพื้นที่เฉพาะก็พัฒนาให้สามารถโชว์ผู้อื่นได้อย่างไม่อายใคร เป็นภาพของความสวยความงามที่พัฒนาควบคู่กับการแต่งกาย จนเป็นความนิยม จนเป็นกระแส
เหมือนกับการที่คนต่างชาติ มานั่งดูโฆษณาของประเทศไทย แล้วเหมาสรุปรวมเอาว่าประเทศไทยมีปัญหาอยู่สามอย่าง นั่นก็คือผมไม่สวย รักแร้ดำ และผิวคล้ำ
เป็นเรื่องของทัศนคติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ปัญหาของสาวรัดติ้วจึงอาจจะไม่ใช่ปัญหาของผู้หญิงที่ชอบการนุ่งห่มเครื่องแต่งกายประเภทนี้ แม้จะมีคนออกมาเตือนว่าอาจทำร้ายต่อสุขภาพของเธอเอง (ก็ขนาดพืชจีเอ็มโอที่ว่าน่ากลัวก็ยังไม่เห็นแสดงผลออกมาเสียที) แต่เป็นทัศนคติที่สังคมมีต่อพวกเธอ และทัศนคติของเจ้าของสายตา
คิดอะไรอยู่หรือพ่อหนุ่ม
เวลาที่มองเห็นสาวๆ เค้านุ่งน้อยห่มน้อยเนี่ย ต้องถามกลับไปว่า คิดอะไรกัน เพราะเรื่องที่คิดอยู่มันกำลังเป็นเรื่องที่กำลังส่งผลถึงประเด็นที่เรากำลังกังวลกันใช่หรือไม่
ข่าวการฆ่าข่มขืน หรือการรุกรานทางเพศนั้นมีออกมาให้รกพื้นที่ข่าวหน้าหนึ่งมากพอสมควร เป็นเรื่องของการใช้กำลัง หลังจากที่เกิดอารมณ์หมักหมมเพราะได้เห็นการแต่งกายที่ล่อแหลมของพวกเธอ แม้กระทั่งเวลาทานข้าวยังต้องมองหาวิวสวยๆ เพื่อมองการสับขาหลอกได้ถนัดตา
เมื่ออารมณ์ได้ที่ จึงได้ลงมือกระทำกับเหยื่อผู้โชคร้าย ประเด็นดังกล่าวก็บอกเราได้อยู่แล้วว่า ใครกระทำ และใครถูกกระทำ การที่มองว่าสาวรัดติ้วทั้งหลายเป็นตัวกระตุ้นกำหนัดอย่างเดียวเห็นจะไม่ถูกนัก สังคมจึงโยนปัญหาทางศีลธรรมที่แก้ไม่ตกไปให้กับเหยื่อผู้บริสุทธิ์ (บางคน) เพราะว่าการจะไปโทษผู้กระทำ หรือโจรใจทรามมันตามกระแสไปใช่ไหมเอ่ย
ยังไม่เห็นการแสดงความรับผิดชอบของสื่อและโฆษณาบางชิ้นที่ส่งเสริมให้มีการแต่งกายรัดติ้วเกิดขึ้นเลย และนับวันการโถมสร้างค่านิยมก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ลำพังเวทีการประกวดอย่างเดียวคงไม่พอ แต่การเฟ้นหาสาวมั่นยังลุกลามไปถึงสถาบันการศึกษาและตามรั้วโรงเรียน
การศึกษาไทยในปัจจุบันตอบคำถามอะไรเรื่องเพศได้บ้าง การที่สุภาพบุรุษเห็นอิสตรีที่ถูกตาต้องใจ ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร จัดการกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากส่วนลึกอย่างไร
ศีลธรรมที่สั่งสมกันมาเป็นเวลานาน บอกเราให้รู้จักปล่อยวาง หรือรู้จักปลดปล่อย!
สงสารบรรดาสาวๆ ที่มีรสนิยมรัดติ้วทั้งหลาย ที่ต้องตกมาเป็นทาสของการคุกคามที่ ทั้งๆ ที่เรื่องการแต่งกายนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเธอแท้ๆ แต่กลับต้องมาระทมเพราะใคร
มองต่อไปพ่อหนุ่ม กินข้าว เหล่สาวให้อร่อย เพียงแต่ตอบคำถามตนเองให้ได้ว่า การมองของตนเองนั้นเป็นในลักษณะใด เพื่อความบันเทิง ผ่อนคลาย ศิลปะ หรือการปลดปล่อยทางเพศ
หากเป็นเรื่องของอย่างหลัก หวังว่าประสบการณ์ที่เคยผ่านมาคงช่วยอะไรได้บ้าง
รู้นะคิดอะไรอยู่...
ชนกเนตร