Skip to main content

โคโยตี้ สายพันธุ์ใหม่ของการขายบริการ...ทางเพศ

คอลัมน์/ชุมชน


ภาพจาก http://www.tvburabha.com


 



 


…เราไม่ได้ขายตัว เรากล้าเปิดเผยตัวเอง สามารถบอกใครๆก็ได้ว่าเราทำอาชีพอะไร…


 


"โคโยตี้" สาวบอกเล่าผ่านผู้ดำเนินรายการหลุมดำที่ออกอากาศไปเมื่อเสาร์ที่ 16 ก.ย. 2549 ด้วยท่าทางที่ดูผ่านความสลัวรางของเลนส์กล้องที่ต้องการปกป้องแหล่งข้อมูลแล้ว ไม่ยี่หระกับคำครหาของใครต่อใครหากต้องเปิดเผยว่าเธอมีอาชีพขายบริการอย่างหนึ่ง  แต่หากฟังอย่างพิเคราะห์น้ำเสียงที่ลอดผ่านมาเข้าหูคนนอนดึกอย่างฉันนั่นสิ บอกได้ทันที่ว่าไม่ใช่ความกล้าแกร่ง ที่แสดงออกมานั้นเพียงกลบเกลื่อนความละอายที่เกาะกินใจอยู่ทุกครั้งที่สำนึกถึงความไม่เหมาะไม่ควรของอาชีพที่ทำอยู่กับวัย กับเครื่องแบบนักศึกษาของเธอ  ฉันเชื่อว่าเธอไม่กล้าบอกใครต่อใครหรอกว่าเธอเป็นสาวโคโยตี้


 


"โคโยตี้" คำที่ใช้เรียกนักเต้นบนเคาน์เตอร์ตามผับ บาร์ คาราโอเกะ ท่ามกลางแสงไฟสารพัดสี อีกหนึ่งจุดขายที่เหมือนจะเป็นสิ่งดึงดูดลูกค้า (โดยเฉพาะผู้ชาย) ให้เข้าไปท่องเที่ยวและใช้บริการ


 


ฉันเห็นด้วยที่ "โคโยตี้" ไม่ใช่อาชีพเลวร้าย เป็นเพียงการขายการเต้นโชว์กลางคืนในแนวเซ็กซี่ เพื่อดึงดูดความสนใจผู้มาเที่ยว ไม่ได้เลยเถิดไปถึงเรื่องอื่น  แต่มีใครกล้ารับประกันได้อย่างนั้นหรือ? เพราะลีลาที่เร่าร้อนชวนให้จิ้งจอกทั้งหลายจินตนาการเตลิดต่อไปไหนถึงไหน แล้วยังจะเครื่องแบบของสาวโคโยตี้นั่นเล่าก็ล้วนแล้วแต่ยั่วน้ำลายจิ้งจอกราตรี


 


 "ยังไงโคโยตี้มันก็คืออาชีพสุจริต ขึ้นอยู่กับตัวของคนด้วยว่าทำตัวอย่างไร แล้วแต่คนจะมอง ว่าเป็นเช่นไร" อีกหนึ่งความเห็นของอนงค์นางที่ตัดสินใจหารายได้เพื่อข้ออ้างที่พวกเธอมักบอกกับใครๆ ว่าเป็นทุนการศึกษา  เมื่อปรากฏว่านอกจากจะมีเงินใช้สอยคล่องมือกับกระแสวัตถุนิยมและใช้จ่ายเกินตัวอย่างบ้าคลั่งแล้วเธอยังมีเงินเหลือไปจุนเจือครอบครัวโดยบอกแหล่งที่มาของเงินนั้นว่าเธอเป็น "พริตตี้"


 


จากการเฝ้าดูหลุมดำคืนนั้น ฉันเข้าใจได้ว่าสาวๆ เหล่านี้ไม่มีภาวะความจำเป็นใดๆ ที่ต้องออกไปดิ้นรนนอกจากเพียงเพราะวัฒนธรรมการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินตัวของพวกเธอนั่นเอง นักศึกษาสาวหน้าตาเข้าท่า รูปร่างเข้าทีจับกลุ่มกับเพื่อนสาวหน้าตาดีไม่ด้อยไปกว่ากันอยากมีอิสระออกมาใช้ชีวิตภายนอกอ้างว่าเดินทางไปกลับบ้านกับสถาบันที่เรียนอยู่ไม่ไหวทั้งไกล ทั้งเหนื่อย  โถ..แม่คุณเอ๋ย ช่างเป็นคุณหนูบอบบางกันเหลือเกิน  อย่างนี้คนสมัยก่อนที่เขาต้องเดินเท้าไปเรียนไกลเป็นกิโลๆ คงล้มตายกันไปทั้งที่ยังไม่สำเร็จการศึกษา ไม่ได้มาเป็นใหญ่เป็นโตอย่างที่มีให้เห็นเป็นตัวอย่างเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่อย่างนี้หรอก


 


เมื่อออกมาอยู่หอพักกับเพื่อนความคิดอ่านก็ยิ่งสั้นและตื้นลงตามชุดรัดติ้วสั้นกุดที่พวกเธอสวมใส่กันอยู่นั่นแหละ รายได้ไม่พอรายจ่ายเพราะไหนจะค่าเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ค่าเครื่องประทินโฉมให้ต้องใจเพศตรงข้าม ค่าเครื่องบ่งบอกฐานะบารมีให้ทัดเทียมเพื่อนฝูง ทั้งสร้อยแหวน นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ  จิปาถะเหล่านี้จะไปโกหกผู้ปกครองขอค่าทำรายงานมันก็เป็นจำนวนเงินที่ดูสูงไป


 


เมื่อมีรูปเป็นทรัพย์ อาชีพที่ง่ายและได้เงินไว จึงเป็นทางเลือกที่สดใสซาบซ่า ได้เต้น ได้เที่ยว ได้แต่งตัวแต่งหน้า ที่สำคัญเงินก้อนงามๆ มันก็ช่างล่อใจใช่หยอก


 


น่ารันทดที่ความคิดเหล่านั้นที่ออกมาจากนักศึกษา ต้นกล้าที่กำลังถูกบ่มเพาะจากโรงเรือนชั้นดีที่ชื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาแต่กลับกลายเป็นว่าไม่ได้อุดมปัญญาตามไปด้วยแต่อย่างใด       


ในขณะที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต่างออกมาสนับสนุนให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการหางานพิเศษทำ แต่ผู้ใหญ่เหล่านั้นเคยลงไปสำรวจความเป็นจริงที่เกิดขึ้นหรือไม่ว่าไอ้งานพิเศษเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับกรรมกรแบกหามค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ได้เลย  ชั่วโมงละ 20 กว่าบาทแลกกับการทำทุกอย่างเท่าเทียมความรับผิดชอบของผู้จัดการร้านคนหนึ่งจะพึงมีทั้งปัดกวาดเช็ดถู รับออร์เดอร์  เกร็งข้อแขนแบกถาดเสิร์ฟอาหารจนปวดล้า ยิ่งหน้าเทศกาลหรือวันสำคัญเหงื่อโทรมกายในชุดนักเรียนนักศึกษาเพื่อแลกกับค่าแรงที่ขึ้นรถเมล์ไปกลับบ้านกับสถานที่ทำงานก็ไม่เหลืออะไร  เมื่อเปรียบเทียบกับงานบริการด้านอื่นที่ง่าย สบาย ใช้เพียงรูปร่างหน้าตา เม็ดเงินที่ได้ก็มากกว่าจนเทียบกันไม่ติด ในยุคที่ "เงินคือพระเจ้า" เช่นนี้ใครเล่าจะปฏิเสธ  หากอาชีพโคโยตี้ก็ถูกจำกัดไว้ให้กับคนบางกลุ่มที่มีรูปเป็นทรัพย์เท่านั้น ส่วนคนที่หน้าตาชายขอบก็จงแบกหามใช้หยาดเหงื่อแลกกับเงินต่อไป


 


จะเกิดอะไรขึ้น หากค่านิยมเบื่อหน่ายงานหนัก รักความสบาย พร้อมทำทุกอย่างได้เพียงเพื่อเงื่อนไขเรื่องค่าตอบแทนเป็นสำคัญที่กำลังระบาดร้ายแรงอยู่ในเยาวชนของวันนี้โดยวัคซีนที่ชื่อการศึกษาหรือยาที่ชื่อครอบครัวก็ไม่อาจควบคุมโรคนี้ได้


 


ฉันว่านะ  ตราบใดที่สังคมไทยยังคงมองผู้หญิงเป็นเพียง "วัตถุทางเพศ" โดยเฉพาะผู้หญิงเองก็ยอมรับสิ่งนั้นอย่างไร้การขัดขืน   เราก็คงบอกได้เพียงว่าการขายบริการทางเพศนั้นจะไม่มีวันลดน้อยถอยลงไปจากสังคมไทยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะวิวัฒนาการไปอยู่ในรูปแบบโคโยตี้หรืออื่นใดก็ตาม


 


แล้วเชื่อฉันไหม? รายการแบบนี้ผู้มีส่วนรับผิดชอบทั้งหลายเขาไม่ใคร่มีเวลาดูกันหรอก