Skip to main content

ขอสัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุข

คอลัมน์/ชุมชน

ฉันกระตือรือร้นจะไปสวนสัตว์  ก็เพราะยังไม่เคยไปดูคุณช่วงช่วงกับคุณหลินฮุ่ยที่เชียงใหม่ เลยคิดว่าคราวนี้ไปดูแพนด้าถึงในประเทศเกิดด้วยตัวเองเลยดีกว่า แถมได้ดูสัตว์อื่นๆเหมือนได้ย้อนวัยไปเป็นเด็กอีกครั้งด้วย


 


แต่สิ่งที่ได้กลับมา ฉันว่ามนุษย์เราต้องทบทวนตัวเอง


 


ฉันรู้สึกเป็นไข้นิดๆ ในวันนั้น เพราะก่อนหน้านี้ฝนตกหลังจากอากาศร้อนมาตลอด ทำให้อากาศเย็นลงกะทันหัน (นี่ล่ะที่เค้าว่า เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย)  แต่ด้วยความอยากเห็นน้องแพนด้าเลยตัดสินใจไป พอไปถึงก็พบว่ามีพ่อแม่พาลูก ปู่ย่าตายายพาหลานหน้าตาตี๋หมวยมาเที่ยวกันมากมาย สวนสัตว์ที่นี่ใหญ่มาก เดินยังไงก็คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามสี่ชั่วโมง


 


ที่แรกที่เด็กหญิงมุกรื่นไปดูคือเสือ แต่เชื่อไหมคะ แค่แวบเดียวที่เห็นเสือก็เกิดความรู้สึกไม่สนุกขึ้นมาเสียแล้ว  เพราะเสือที่เคยจำได้ในสมองนั้นน่าเกรงขาม ท่าทางองอาจ สง่าและมีอำนาจ ไม่ใช่ภาพตรงหน้าฉันตอนนี้ที่เสือไปอยู่ในกรง หนำซ้ำยังเดินงุ่นง่านไปมาตลอดเวลา ฉันยืนมองอยู่นานเสือก็ยังไม่หยุดเดินสักที ฉันเลยตัดใจเดินจากมาเพราะเชื่อว่าข้างหน้าต้องมีสัตว์กำลังอารมณ์ดีรอฉันอยู่แน่ๆ


 


แต่หรือเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยจริงๆ ทำให้สัตว์ชนิดอื่นๆในสวนสัตว์วันที่ฉันไป ดูเหมือนไม่มีความสุขเอาเสียเลย


 


ไม่ว่าจะเป็นพี่ใหญ่สิงโตที่อยู่ในกรงมืดๆ  หรือพี่ฮิปโปที่ไม่สนใจคนมาเยี่ยม เอาแต่นอนแช่น้ำอย่างมีความสุข (ซึ่งฉันว่าดีแล้ว ให้เค้ามีชีวิตส่วนตัวกันบ้าง) ลุงช้างที่ยืนหงอยครู่หนึ่งแล้วก็เดินออกมารับแขกด้านหน้า พอมีคนใจดีโยนผลไม้ให้ (ฉันไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่สวนสัตว์อนุญาตหรือเปล่า) ลุงช้างมองไม่เห็นแต่ยังอุตส่าห์ใช้งวงยาวๆ หาอาหารมาใส่ปากจนได้ ฉันยืนยิ้มอยู่พักใหญ่ในความฉลาดน่ารักของลุงช้าง จนมีใครก็ไม่รู้ใจร้ายโยนของกินห่อด้วยถุงพลาสติกตามมาตอนหลัง ฉันยืนภาวนาไม่ให้ลุงช้างหาเจอ แต่ในที่สุดลุงช้างก็เอางวงหยิบถุงนั้นกินเข้าไป ฉันโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นออกมาเป็นภาษาไทย  ไหนจะแพนด้าที่ฉันอยากดูหนักหนาแต่พอได้เห็นก็รู้สึกผิดขึ้นมาซะเฉยๆ และยังมีพวกปลา นก เป็ด ลิงฯลฯ ที่ฉันไม่สนใจจะดูอีกแล้ว


 


ฉันจำไม่ได้ว่าตอนเป็นเด็กที่ได้ไปสวนสัตว์ สัตว์ที่ฉัน "เห็น" ตอนนั้น "ดู" มีความสุขกว่าครั้งนี้หรือเปล่า


 


แต่ครั้งนี้ทำให้ฉันเกิดความคิดไม่อยากให้มีสวนขังสัตว์ที่ไหนๆ ในโลกอีกเลย มันทรมานเกินไปที่สัตว์ทั้งหลายเคยอยู่รวมกันในป่าจะมาถูกแยกกันอยู่ มีกรงกั้นระหว่างกัน และมีชีวิตเยี่ยงบุคคลสาธารณะเกือบตลอดเวลา


 


เราคิดว่าเราจะมีชีวิตที่เป็นของตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อแม้แต่พื้นที่ของเรายังถูกกำหนดและถูกจำกัดโดยคนอื่น เพื่อนร่วมโลกของเราอย่างสัตว์ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน


 


หรือมนุษย์มีความสุขเพียงขอให้ได้เห็นหรือได้ทำตามที่ตนต้องการก็พอ


 


********


 


เมื่อได้เห็นมา


 


วันแรกๆ ที่ฉันไปถึงกวางเจา มีอยู่วันหนึ่งต้องไปเปิดบัญชีที่ธนาคาร ตอนยืนรอร่วมกับลูกค้าคนอื่นอยู่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้ยินเสียงลูกค้าผู้หญิงที่ยืนติดต่อธุระของเธออยู่ต่อว่าพนักงานคนหนึ่ง เสียงลูกค้าคนนั้นดังมากจนคนที่ยืนต่อคิวอยู่ทั้งหมดต้องหันไปดู พนักงานพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง แต่เธอคนนั้นไม่ฟังเลย เอาแต่ตะโกนดังๆต่อว่าๆๆๆ จนคนที่รอคิวอยู่คนอื่นๆเริ่มหงุดหงิด เพราะมันทำให้การต่อคิวล่าช้าขึ้นไปอีก ฉันคิดในใจว่าจะได้เห็นพนักงานทะเลาะกับลูกค้าตั้งแต่แรกมากวางเจาเสียแล้ว แต่พอมองไปที่พนักงานคนนั้นก็อดทึ่งไม่ได้ เพราะสีหน้าและแววตาเธอไม่ได้มีแม้เสี้ยวที่บอกได้เลยว่าเธอรู้สึกอย่างไร จะโกรธก็ไม่ปรากฏ จะตกใจก็ไม่เห็น จะกลัวก็ไม่มี เธอยังคงทำหน้าที่ต่อเป็นปรกติ ในขณะที่ลูกค้าคนนั้นก็ไม่ฟังอยู่ดี


 


จนหัวหน้าพนักงานเดินมาช่วยอธิบายให้ (ซึ่งหัวหน้าคนนี้ก็เหมือนกับพนักงานคนนั้น ค่อยๆอธิบาย ไม่ชักสีหน้าแม้แต่นิด และเท่าที่ดู พนักงานในธนาคารคนอื่นๆก็เช่นกัน) กว่าลูกค้าคนนั้นจะยอมเงียบลงก็อีกพักใหญ่  ฉันรู้สึกประทับใจในวิธีการทำงานของพนักงานที่นี่ ที่อดทนต่อความงี่เง่าทั้งหลายและพร้อมต่อสู้กับปัญหาน่าเบื่อเดิมๆอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


 


และอย่างน้อยก็มีฉันคนหนึ่งที่เป็นกำลังใจให้