อยากถามปัญญาชนเรื่องปัญญาซน
คอลัมน์/ชุมชน
โดย พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
From: suhiang lim
Subject: อยากถามปัญญาชนเรื่องปัญญาซน
Date: Fri, 23 Jun 2006 02:55:37 -0800
จารย์ 'พิษ ที่รัก มีเรื่องอยากถามอ่ะ ในกระทู้ในเว็บบอร์ดหลายๆ แห่ง มีคนใช้คำว่า สำเร็จความใคร่ทางปัญญา คำนี้ไม่เคยได้ยิน แต่ชวนให้คิดพิลึก เลยอยากถามอาจารย์หน่อยครับว่า จารย์เคยได้ยินไหม เคยทำไหม แล้วทำทำไม คำนี้เป็นคำในหมู่ปัญญาชนหรือ ? แล้วที่ตอบกระทู้กันนี่ เขาใช้ปัญญาตอบไหม เพราะเห็นส่วนใหญ่ อ่านแต่พาดหัวแล้วใส่เลย บางคนก็เถียงกันแบบว่า ความจริงมีหนึ่งเดียว แล้วคนรู้มากๆๆๆ อย่างพวกนักวิชาการอาจารย์ทั้งหลายเขาไม่เห็นลงลอยกันได้สักที ถ้าความจริงมันมีอยู่หนึ่งเดียว ช่วยหน่อยนะครับ อันนี้พอจะเรียกได้ว่า ผม อยากสำเร็จความใคร่ทางปัญญา ได้ไหม
0 0 0
อยากตอบ: การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองทางปัญญา หรือ intellectual masturbation นั้นเป็นคำที่ใช้กันทั่วโลกนั่นแหละครับ จุดมุ่งหมายที่ใช้คำนี้ ก็คือการวิจารณ์บทบาทของปัญญาชน ที่ เอาแต่คิด (ห้ามสลับคำเน้อ ...) และความคิดที่หมกมุ่นคิดอยู่นั้นไม่ค่อยจะมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโลกทำนองนี้ และทำมากอาจจะ ตาบอด อีกต่างหาก
ลองค้นหาคำดังกล่าวในอินเตอร์เน็ต ซึ่งนับวันจะค้นหาอะไรได้อย่างง่ายดายคล้ายกับข้อมูลข่าวสารข้างถุงกล้วยแขก ปัจจุบันมีการนำคำว่า intellectual masturbation ไปใช้กับการเขียน blog ด้วย ซึ่งบางคนก็บอกว่าการเขียนบลอคเป้นการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองทางปัญญาแบบหนึ่ง ไม่ได้เสียหายอะไร
ไปๆมาๆข้อถกเถียงดันกลายไปเป็นเรื่องการช่วยตัวเอง มากกว่าเรื่องปัญญา เพราะดันไปให้ความเห็นว่าช่วยตัวเองบ้างก็ดี จะได้สดชื่น ...ว่าเข้าไปนั่น คือไปหมกมุ่นกับคำแรกมากกว่าคำว่าหลังที่เป็นเรื่องของปัญญา
แม้ว่าจะมีคนพยายามจะมองการสำเร็จความใคร่ทางปัญญาในแง่ดี แต่โดยรวมแล้ว คำๆนี้เป็นคำที่มีความหมายในทางลบ มีไว้เพื่อโจมตีบรรดาคนที่อ้างตัวเองหรือทำหน้าที่/มีบทบาทในการเป็นปัญญาชน ที่เอาแต่คิดแข่งกัน
ผมจึงตอบคุณได้แค่ว่าเคยได้ยินไหม ส่วนที่ว่าผมเคยทำไหม และถ้าเคยทำนั้นทำอย่างไร อันนี้ต้องเป็นหน้าที่ที่คนอื่นเขาจะเป็นผู้ประเมินผมแล้วครับ
ในคำถามส่วนที่สองของคุณ ถามพาดพิงไปถึงการตอบกระทู้ เข้าใจว่าจะเป็นเรื่องในเว็บบอร์ดนะครับ ผมคิดว่าออกจะไม่แฟร์ที่ไปโจมตีคนที่ตอบกระทู้ว่าใช้หรือไม่ใช้ปัญญานะครับ เพราะผมว่านับตั้งแต่มีเว็บบอร์ดมาเนี่ย คนที่ตอบเขาก็ใช้ปัญญากันหมดแหละครับ ส่วนใครจะคิดว่าใช้ปัญญามากกว่าใครนั้นเป็นอีกเรื่องนึง
ไปๆมาแล้วกระทู้ในเว็บบอร์ดส่วนใหญ่นั้น นับวันจะห่างไกลไปจากความฝันของคนจำนวนหนึ่งที่เคยเฉลิมฉลองการเกิดขึ้นของเว็บบอร์ดเข้าไปทุกที ด้วยว่าในยุคแรกนั้นเขาเชื่อกันว่าเว็บบอร์ดนั้นจะนำไปสู่การเกิดขึ้นของพื้นที่สาธารณะอันเป็นพื้นที่ของประชาสังคมที่เป็นแหล่งกำเนิดของการสามารถพูดจาปรึกษาหารือกันได้ผ่านเทคโนโลยี่การสื่อสารที่ลดทอนอุปสรรคการสื่อสารในอดีตลงให้ได้มากที่สุด และทำให้ทุกคนสามารถร่วมกันหาเหตุผลหรือสัจจะธรรมหนึ่งเดียวให้ได้ เพื่อที่จะปลดปล่อยทุกคนจากสภาวะกดขี่ครอบงำที่เป็นอยู่ให้ได้
เราจึงเห็นความเป็นชุมชนของเว็บบอร์ดที่มีลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอยู่มากในหลายๆแห่ง
แต่เอาเข้าจริงแล้ว คนที่เข้ามาสู่เว็บบอร์ดจำนวนไม่น้อยอาจไม่ได้ยอมรับหรือสนใจจุดมุ่งหมายของเว็บบอร์ดในความหมายของการหาเหตุผลร่วมกันผ่านการติดต่อสื่อสาร พวกเขาอาจจะมองว่าเว็บบอร์ดก็คือพื้นที่ของการต่อสู้หักล้างทางความคิด ซึ่งต้องมีความคิดที่ถูกกว่า และ/หรือ ถูกที่สุด
อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับที่มาของคนเล่นบอร์ดแหละครับ บางคนคิดว่าจะมาช่วยกันแสวงหาคำตอบร่วมกัน มาตั้งคำถามร่วมกัน มาแลกเปลี่ยนและพัฒนาเหตุผลร่วมกัน บางพวกเข้ามาแบบว่ามีความคิดของตนเข้ามาอยู่แล้ว แล้วต้องการผลักดันหรือเข้าความคิดใดความคิดหนึ่งเสียมากกว่า
ในประเด็นที่สาม เรื่องของความไม่ลงรอยกันในหมู่นักวิชาการ ซึ่งเป็นปัญญาชนกลุ่มหนึ่ง อันนี้ผมว่าคงเป็นเรื่องลำบากแหละครับ และบางทีการไม่ลงรอยกันนั้นอาจจะเป็นแหล่งที่มาของความรู้นะครับ
แต่ทว่าคนที่เขาไม่ลงรอยกันทางปัญญาจริงๆเนี่ย เขาสนทนากันนะครับ เพราะเขาต้องมีความเข้าใจในพื้นฐานของแต่ละฝ่าย เพื่อที่จะพัฒนาความคิดของสำนักคิดของเขาเองให้เป็นที่ยอมรับ แหละเหนือกว่าสำนักคิดอื่น ซึ่งวิธีคิดนี้ต่างจากการมองว่านักวิชาการนั้นมีพวกเดียวในแต่ละยุค แล้วก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือนักวิชาการนั้นมีกี่สำนักก็ได้
และก็ต่างจากพวกทำหน้าที่แขวนป้ายคนอื่นเสียก่อนเลยตั้งแต่แรก โดยไม่ได้เรียนรู้อะไรจากคนเหล่านั้นเลย
ทีนี้ เรื่องที่มันกำลังเกิดขึ้นในหมู่ปัญญาชน (ซึ่งกว้างกว่านักวิชาการ) ในตอนนี้มันไปไกลกว่าความเชื่อหนึ่งเดียวแล้วครับ เพราะมันกลายเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าตัวเองรู้และฉลาดนั่นแหละครับ แต่พวกหนึ่งมองและโจมตีทุกสิ่งทุกอย่างบนการพูดถึงเรื่องของอุดมการณ์ เช่นกูซ้าย มึงขวา มึงซ้ายไม่แท้ กูแท้กว่า มึงมันลัทธิแก้ มึงพวกเดียวกับคนนั้นคนนี้
หรือการที่มึงเป็นอย่างนี้ มึงเป็นพันธมิตรด้านกลับกับอีกพวกนึง เพราะการที่มึงเอาแต่วิจารณ์นั้นมึงก็ทำให้สิ่งที่กูเห็นว่ามันไม่ดีนั้นมันดำเนินต่อไปได้
ความคิดที่ไม่ตรงกับกูเป็นเรื่องของการถูกครอบงำโดยอุดมการณ์อื่นๆที่สะท้อนออกมาถึงจิตสำนึกที่ผิดพลาด และการต่อสู้ที่ถูกต้องก็คือการชนและปะทะเพื่อให้เกิดการแตกหัก และเพื่อสถาปนาความถูกต้องหนึ่งเดียวสำหรับทุกคนขึ้นมาให้ได้
ที่นี้ เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นแล้วครับ เพราะปัญญาชนกลุ่มใหม่เนี่ยเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ในโลกของอุดมการณ์อีกต่อไป และการไปวิจารณ์เขา หรือเที่ยวไปแขวนว่าเขาเป็นพวกโน้นพวกนี้ อาจจะถูกขำมองด้วยสายตาที่เปื้อนยิ้ม แล้วบอกกับคุณอ้อมๆว่าคุณช่างไร้รสนิยม (bad taste) เสียจริงๆ เพราะไอ้ที่คุณคิดคุณเชื่อคุณกอดเอาไว้นั้น ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรสักอย่างที่จริงแท้ (ในแง่ authenticity) และถ้าคุณไปมองว่าเขาผลิตอุดมการณ์ที่ครอบงำคนอื่น หรือมีจิตสำนึกที่ผลิดพลาก เขาก็รื้อไอ้สิ่งที่คุณยึดมั่นถือมั่นออกมาเป็นส่วนๆ ให้เห็นว่ามันชไม่ได้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อย่างที่คุณเชื่อมั่นและศรัทธาแต่อย่างใด ... ถ้าไม่นับว่า เชย อีกต่างหาก
ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นวิวาทะระหว่างโมเดิ้นกับโพสโมเดิ้นอะไรหรอกครับ เอาเข้าจริงมันเป็นเรื่องของคนสองโลก ที่อธิบายอย่างง่ายๆว่า โลกนึงเป็นเรื่องอุดมการณ์ อีกโลกนึงเป็นเรื่องรสนิยม ฝ่ายอุดมการณ์ก็พยายามค้นหาและแขวนป้ายอุดมการณ์(ที่ไม่ปลดปล่อยมนุษย์)ให้พวกรสนิยม ฝ่ายรสนิยมก็ค้นหา(ความไร้)รสนิยมและแขวนป้ายเหล่านั้นให้พวกอุดมการณ์
ทั้งที่ทั้งคู่นั้นลึกๆแล้วพยายามใช้ชีวิตในโลกนี้ทั้งสิ้น และอยากทำอะไรดีๆและมีความหมายให้กับโลกทั้งนั้นนั่นแหละครับ
ผมก็ขอทิ้งท้ายไว้เล็กๆน้อยๆว่า เราจะมีทั้งอุดมการณ์ รสนิยม และจะอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างไร นั่นแหละครับ ขอเสนอเป็นคำถามแห่งยุคสมัยเอาไว้สักหน่อยนะครับ (อะแฮ่ม) ในทุกห้วงขณะที่เราดำเนินชีวิตในโลกใบนี้และเกี่ยวข้อง-สัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆรอบตัวของเรา
ส่วนที่เขียนมาทั้งหมดจะถือว่าเป็นการสำเร็จความใคร่ทางปัญญาหรือไม่ ก็ขอความกรุณาย้อนกลับไปอ่านย่อหน้าที่แล้วอีกสักหลายๆรอบหน่อยนะครับ
.....................................
หมายเหตุ : ฉบับนี้งดของรางวัลครับ เพราะใกล้เทศกาลเลือกตั้ง เดี๋ยวจะถูกทาง ว่าที่กกตใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของ ศาลไคฟง เพ่งเล็งครับ ... อิอิ
คำแถลงก่อนจะตอบ ด้วยคุณวุฒิและลีลาการตอบอันยียวนกวนประสาทของผู้ตอบ จุดมุ่งหมายของ อยากตอบ นั้นไม่เคยอยู่ที่ คำตอบ แต่อยู่ที่ คำถาม ที่ผู้ถามส่งมาครับผม เพราะผมเชื่อว่าสังคมของเราไม่ได้โหยหาคำตอบ มากเท่ากับคำถามที่ดี โดยเฉพาะคำถามที่ส่งเสริมให้เรา ร่วมชีวิต กันได้ และเป็นคำถามที่ ช่วยกันถามช่วยกันตอบ ได้ ช่วยกันขำ แล้วก็หัวเราะร่วมกันอย่างมีจินตนาการที่จะอยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะลำบากลำบนเสียเหลือเกิน สังคมที่ขาดแคลนคำถาม คือสังคมที่ไม่กล้าจินตนาการ หมกมุ่นแต่คำตอบสำเร็จรูป และกีดกันความเป็นไปได้ในการดำเนินชีวิต ภายใต้กฏเหล็กของคำว่า นี่ไม่ใช่เวลา
(ที่จะถาม) อีกต่อไป ที่ผ่านมา อยากตอบ ไม่เคยสร้างคำถามขึ้นเอง คือว่า ถ้าไม่มีคำถามที่เร้าใจ ผมก็ไป อยากตอบ คำถามของคนอื่นอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารมวยไทย เพื่อนสัตว์เลี้ยง แปลก คู่สร้างคู่สม ศาลาคนเศร้า ไล่ไปถึง student weekly และเว็บไซต์ต่างๆ ก็ตอบมาหมดแล้วครับ
สนุกกันไปเป็นสัปดาห์ๆ ครับผม หวังว่า อยากตอบ โครงการใหม่ที่ชื่อว่า อยากตอบ Forever หรือ อยากตอบ (แล้วตอบอีก) จะได้รับการตอบรับและความเมตตาจากพี่น้องชุมชนเว็บประชาไท และแฟนเก่าของ a day weekly ยุค คมมาก ชูมาก และ ย้วยมาก ทุกๆท่านนะครับ ส่งคำถามมาเถอะครับ อันไหนตอบได้ก็รีบตอบ อันไหนตอบไม่ได้ก็จะมีพี่ๆ น้องๆ ใครเครือข่าย เมาไม่ตอบ เอ้ย
เมาแล้วตอบ
เอ้ย (อีกที) อยากตอบกิติมศักดิ์ มาตอบให้ครับ (ตอบรับมาหลายรายแล้วครับ รับรองมีเฮ และคาดไม่ถึง) ส่วนผมเองก็อาจจะมาร่วมตอบแล้วตอบอีก ด้วยคนครับผม หรือท่านผู้อ่านจะร่วมตอบเพิ่มก็ไม่เลวนะครับ
แต่ร่วมกันถามเพิ่มด้วยยิ่งสนุกกันใหญ่ เอาล่ะครับ เนื่องจากโดยธรรมชาติของประชาไทนั้นเป็นชุมชนออนไลน์ ดังนั้นขอความกรุณาส่งคำถามอันแสนจะมหัศจรรย์ของทุกท่านมาที่ askpitch@yahoo.com ก็แล้วกันนะครับ คำถามไม่ต้องสุภาพ และเคร่งครัดทางวิชาการนะครับ เพราะไม่มีปริญญาเอกจะให้ ขอแบบขำๆ และเร้าใจหน่อย ส่วนของขวัญพิสดารต่างๆ ที่เคยแจกจริง และแจกไม่ได้และแจกไม่ถึงนั้น ยังคงจะมีต่อไปบ้างเป็นครั้งคราวนะครับ เพราะต้องไปเรียนถามทางเทมาเส็กกับทางกุหลาบแก้วเขาก่อนว่า เขาจะมีนโยบายอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ เพราะเห็นว่าจะสนใจซื้อคอลัมน์ผมไปบริหารอยู่เหมือนกัน แต่เผอิญคราวที่แล้วที่ผมไปสิงคโปร์ มัวแต่กินบักกุเต๋เพลินไปหน่อย เลยยังไม่ได้คุยกัน
(คำถามหน่ะ รีบๆ ส่งมาหน่อยนะครับ
ให้ไว ให้ไว
) รักคนอ่าน อภิบาลเด็กแนว
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ @ อยากตอบ Forever
เรามีคนจำนวนมากที่หยิบยื่นคำตอบสำเร็จรูปให้กับเราไม่เว้นแต่ละวัน
แต่เรามักขาดแคลนคำถามที่ดีและเร้าใจ (โห ขนาดนั้นเลย)